บทสรุปเลือกตั้ง(ขั้นต้น)ประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 : รีแมตช์ศึกสองลุง?

ดูเหมือนเลือกตั้ง primary รอบนี้จะรู้ผลตั้งแต่หลัง Super Tuesday แล้วว่าใครจะเป็นแคนดิเดตของสองพรรคใหญ่สหรัฐฯ ซึ่งผลก็ออกมาเป็นไปตามที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ก่อนหน้าว่าเลือกตั้ง 2024 นี้จะเป็นการรีแมตช์ระหว่าง Donald Trump กับ Joe Biden เหมือนครั้งที่ผ่านมา เพิ่มเติมคือมีผู้สมัครอิสระ Robert F. Kennedy Jr. ที่คะแนนนิยมพอใช้ได้มาร่วมวงแข่งด้วย (คะแนนของ RFK จากโพลเฉลี่ยในรัฐ swing states ประมาณ 5-10%)

อาจจะสงสัยว่าทำไมสหรัฐฯ มีแค่สองลุงนี้ ไม่มีคนอื่นแล้วหรือ ?
จริง ๆ ถ้าหากย้อนกลับไปดูประวัติทางการเมืองของแต่ละคน ก่อนที่จะมาเป็นปธน.ส่วนใหญ่ก็ เคยดำรงตำแหน่งทางการเมืองอยู่แล้ว เช่น ไบเดนเคยเป็นรองปธน. โอบามาเป็นเคยสว. บุช(คนลูก)และคลินตันเคยเป็นผู้ว่าฯ

ดูจากข้างบน แน่นอนคำตอบก็คือ “มี” ผู้สมัครหลายคนมีศักยภาพเพียงพอที่จะเป็นแคนดิเดตปธน.ได้ อย่างฝั่งรีพับลิกัน Nikki Haley (อดีตผู้ว่าฯ รัฐเซาท์แคโลไรนา) หรือ Ron DeSantis (ผู้ว่าฯ รัฐฟลอริดา) ส่วนฝั่งเดโมแครตก็มีแต่ไม่ลงแข่งรอบนี้เพราะยังทำงานให้รัฐบาลไบเดนอยู่อย่าง Kamala Harris (รองปธน.) หรือ Pete Buttigieg (รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม)

การที่จะเป็นแคนดิเดตของพรรคใหญ่ได้ ต้องผ่านการเลือกตั้งขั้นต้นก่อน ผู้สมัครจะมีความสามารถเด่นมากแค่ไหนก็ไม่ได้หมายความว่าชาวอเมริกันจะลงคะแนนให้ เพราะส่วนหนึ่งก็มาจากความนิยมในตัวผู้สมัคร ถึงแม้จะมีข้อเสียที่เป็นปัญหาของแต่ละคนอย่างเช่น ไบเดนก็มีเรื่องอายุที่มากเกินไปหรือทรัมป์ก็มีเรื่องคดีความ แต่ชาวอเมริกันก็เลือกที่จะลงคะแนนเลือกตั้งขั้นต้นให้สองคนนี้กลับมาแข่งกันอีกครั้งในการเลือกตั้งปลายปีที่กำลังจะมาถึง

ผู้สมัคร "อิสระ" มีผลต่อการเลือกตั้งขนาดไหน ?
“มีผลน้อยมาก” เต็มที่ก็แค่ดึงคะแนนเสียงจาก independent voter และคนที่เบื่อสองลุงได้บ้าง ไม่ถึงขั้นชนะทั้งรัฐจนได้คะแนนจาก electoral college

เลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ 2024 ตอนนี้ถึงขั้นตอนไหนแล้ว?
ต้นเดือนเมษายนนี้ก็ยังอยู่ในช่วงเลือกตั้ง primary ไปจนถึงต้นเดือนมิถุนายน หลังจากนั้นเมื่อเลือกตั้ง primary เสร็จครบทุกรัฐก็จะมีการประชุมใหญ่พรรคของการเมือง (National Convention) เป็นการเสนอชื่อแคนดิเดตประธานาธิบดีของพรรคอย่างเป็นทางการ ปีนี้รีพับลิกันจะประชุมระหว่าง 15-18 กรกฎาคม ส่วนเดโมแครตจะประชุมระหว่าง 19-22 สิงหาคม ตัวแทน Delegates ทั้งสองพรรคจะเลือกแคนดิเดตประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีของพรรคตนเอง ซึ่งส่วนมากคนที่ได้เป็นแคนดิเตดรองปธน.มักจะเป็นคนที่แคนดิเดตปธน.เลือกไว้อยู่แล้ว

จับตาแคนดิเดตรองประธานาธิบดีทั้งสองพรรค เดโมแครตน่าจะยังคงเป็น Kamala Harris รีพับลิกันยังเดาไม่ถูกว่าทรัมป์จะเลือกใครแต่สำนักข่าวมีคาดการณ์ลิสต์รายชื่อตัวเต็งออกมาบ้าง เช่น Kristi Noem (ผู้ว่าฯ รัฐเซาท์ดาโคตา) Tim Scott (สว.สหรัฐฯ จากเซาท์แคโลไรนา) Marco Rubio (สว.สหรัฐฯ จากฟลอริดา) ตอนนี้รู้แค่ของผู้สมัครอิสระ RFK Jr. ที่พึ่งจะประกาศไปเมื่อสัปดาห์ก่อนนั้นก็คือ Nicole Shanahan ทนายความจากรัฐแคลิฟอร์เนีย

แล้วตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีความสำคัญอย่างไร?
รองประธานาธิบดีจะเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีอันดับที่หนึ่งตามรัฐธรรมนูญ หากเกิดกรณีที่ประธานาธิบดีไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ได้ นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งเป็นประธานวุฒิสภาด้วย แต่ไม่มีสิทธิ์ออกเสียงในที่ประชุมนอกจากเสียงโหวตสว.เสมอกัน รองปธน.(ในฐานะประธานวุฒิสภา) จึงจะมีสิทธิ์ออกเสียงชี้ขาดที่เรียกว่า Tie-Breaking เพราะฉะนั้นเสียงนี้จึงสำคัญมากหากทั้งสองพรรคครองเสียงในวุฒิสภาได้เท่ากัน เช่น สมัยปัจจุบัน 118th U.S. Congress (2023-2025) สองพรรคได้เก้าอี้เท่า ๆ กัน [DEM 51 – 49 GOP] เวลาจะโหวตผ่านร่างกฎหมายแล้วเกิดเสมอกันอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ต้องเป็นหน้าที่ของรองปธน.ต้องลงคะแนนชี้ขาด โดยตั้งแต่ดำรงตำแหน่งมาจนถึงวันนี้ (3ปีกว่า) Kamala Harris ใช้สิทธิ์ลงคะแนนชี้ขาดนี้ไปแล้วมากที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ กว่า 33 ครั้ง

ติดตามกันต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเลือกตั้งใหญ่ 5 พฤศจิกายน นี้
Update : 31/3/2024

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่