‘บัฟเฟตต์’ ผู้น่าสงสาร โฮมอโลน

วอเรน บัปเฟท  ในวัยหนุ่มที่ยังไม่รวย  คนไทยจะไม่ยอมรับแก อาจดูถูก ดูแคลน ว่า เป็นพวกว่างงาน ขี้เกียจ หรือไม่เอาไหน 
ตามแบบฉบับสังคมไทย ที่ชอบเรื่องหน้าตา ทั้งเรื่องการงาน ทั้งเรื่องทรัพย์สิน  ชอบเรื่องการมีสังคม มีสันทนาการพรรคพวกเพื่อนฝูง 

ทีนี้เรามาดู กิจวัตรประจำวันของคุณปู่ดู  ......  from Meeting with Warren Buffett

How Warren spends his day:  

1. Wakes up at 6:45, reads paper at home, often doesn’t make it into the office until  after the market opens
ตื่น 6.45 อ่านหนังสือพิมพ์ แล้วไปออฟฟิต ..... อาจจัดเป็นห้องไว้ทำงานและซื้อขายหุ้น หรือ อาจเป็นห้องหนึ่งที่จัดไว้ในบ้านก็ได้ ไม่ต้องเช่า

2. No set schedule, Warren Buffett hates having a full calendar
ไม่มีตารางนัดกลับใคร คุณปู่เกลียดการนัดหมาย
นั่นนะซิ นั่นนะซิ คุณปู่ แกโดดเดี่ยว เดียวดาย โฮมอโลน แกไม่มีเพื่อนแน่ ครับ  ถ้าแกเริ่มอาชีพลักษณะนี้
พูดง่ายๆ ไม่มีใครเขามานัดกับแก และแกก็ไม่มีอะไรไปคุยกับคนอื่นๆเหมือนกัน เพราะไม่มีเรื่องธุรกิจอะไรจะพูดคุย

3. Always takes reading material home
เมื่ออยู่ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ งานที่ดีที่สุด คือ การอ่าน ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นหนังสือ หรือเอกสารอะไรก็ตาม ตะลุยอ่านทั้งวัน
พอเซ็ง พอเบื่อ ก็ซัดโค้กเข้าไป แล้วคว้าอูคูเลเล่มาดีดแก้เหงาแก้เซ็ง  (แต่แกดีอย่าง คือไม่ซัดบุหรี่ ซัดเหล้า)

4. Spends >>>
       80% of the day reading, 
       20% talking on the phone (he then said it might be more like 90/10)
ก็แหงอยู่แล้ว ที่ 80% ของทั้งวัน ใช้ไปกับการอ่าน แล้วก็ดูหุ้นบ้าง (เพราะสมัยนั้นไม่มีคอมพ์)

สมัยเริ่มต้นคุณปู่นี่น่าสงสารแกนะ ไม่มีคอมพ์ให้ดู ไม่มีมือถือให้เขี่ย ชีวิตผ่านไปแต่ละวันแต่ละเดือนแต่ละปี ด้วยการอ่าน
งแกไม่ใช่เทรดเดอร์ด้วย นานๆแกจะซื้อขายที ดังนั้นเวลาของแก คือ อ่านๆๆๆๆๆ ตะลุยอ่านๆๆๆ ทุกอย่างที่อยากอ่าน
แกมีเพื่อนน้อย คนร้จักน้อย ตามนิสัยที่แกเคยพูดว่า  "You are better off not talking to others" 
คืออย่าเที่ยวไปบอกเล่าเรื่องอะไร ให้ใครฟัง คือแกคงคิดว่า ได้ไม่เท่าเสีย  (แบบที่พวกเราทำกันอยู่ในพันทิป)
และ นานๆ จึงจะโทรพูดกับคนโน้นที คนนี้ที  ราวๆ 20%  - ผมว่าการเริ่มต้นชีวิตลงทุนหุ้นแกนี่ น่าสงสารครับ

5. Phone conversations are generally short
ก็แหงอีกหละ มันต้องสั้น แกมีเพื่อนน้อย แกไม่มีเรื่องให้คุยมากนัก 
และคนทั่วไปรวมทั้งเพื่อนของแก ก็คงไม่ค่อยอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคนว่างวาน คนที่ขี้เกียจไม่ยอมไปทำงาน
เพราะสังคม มันมีความเห็นตามที่เห็นเท่านั้น และมันไม่ค่อยคิดอะไรไปในทางที่ดีๆ
============================================

สรุปว่า คุณปู่เริ่มชีวิต แบบนี้ มาจนถึงปัจจุบัน  แม้ว่าเคยไปฝึกงานทำงานกับ Benjamin Graham ไม่นาน แล้วแกออกมาลงทุนหุ้นด้วยตัวเอง
ถ้าแกทำตัวแบบนี้ในเมืองไทย แกต้องโดนตีตรา ดูถูก ดูหมิ่น เหยียดหยาม พวกว่างงาน พวกขี้เกียจ เบื้องหลังแน่ๆ
และ แรงเสียดทานลักษณะนี้ เมืองไทย จะสูงกว่าอเมริกาแน่ๆ ซึ่งฝรั่งมันไม่ค่อยสนใจเรื่องของกันและกัน ในทางตีตรากันเองมากเท่าเมืองไทย
ถ้าคุณปู่ เป็นคนไทย ผมว่า อยู่ๆ อยู่ไป แกถอดใจก่อนรวยแน่ๆ แกคงไปกลับไปเป็นลูกจ้างต่อแนๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่