พอดีเมื่อวันที่ 25 มีนาคม2567 นี้ ได้ไปเดินงานบ้านและสวนแฟร์มาครับ
จริงๆมีแพลนจะสร้างบ่านเองหลายรอบมาก   มีการขออนุญาติก่อสร้างบนที่ดินหลายรอบ  แต่ด้วยปัญหางบประมาณ แบบบ้าน ต่างๆนาๆ
เป็นอะไรที่วุ่นวายจริงๆครับ   

เกริ่นก่อนหน้านี้ (ใครไม่มีเวลาผ่านข้ามสปอยนี้ได้เลยนะครับ)
ปี 2020 ผมซื้อที่ดิน กับธนาคารกรุงเทพไว้ ซึ่งทำสัญญาต้องปลูกสร้างภายใน 2 ปี  ที่ผ่านมา แบบบ้านก็ไม่นิ่งและปัจจัยหลายๆอย่าง รวมเวลาที่ไม่เพียงพอ
ผมจึงเลือกที่ซื้อบ้านนอคดาว ในลักษณะของตู้คอนเทนเนอร์สี่เหลี่ยมท ขนาด 6*3เมตรมา + ห้องน้ำสำเร็จรูป  และยังมีห้องน้ำขนาดเล็ก 1.8*2 เมตร มีบ่อเกราะ แยกจากตัวบ้าน  ซึ่งคาดว่า เมื่อมีครบแล้ว จะสามารถขออนุญาติบ้านเลขที่ได้  สุดท้าย ไม่สำเร็จ ทั้งการเข้าหาเขตเพื่อปรึกษาขออนุญาติเอย
แบบบ้านที่มีการเซ้นรับรองโดยวิศวะ และระบบน้ำไฟฟ้า สาธาณูปโภคทั้งหมดจึงไมไ่ด้ใช้งานต่อ

ต่อมี 2 ปี ใกล้ครบสัญญาจึงเร่งหาแบบก่อสร้างในงบที่สามารถทำได้  ผมจึงดึงแบบบ้านจากธอส.  มาจ้างนอกระบบให้เค้ามาเขียนแบบและเซ็นใบรับรองใหม่ (โดนอีก ราวๆ3หมื่น )  จบผ่านมาได้ ผมก็ได้ใบอนุญาติก่อสร้างมาเป็นถูกต้อง แต่ดันมาติดที่งบ ซึ่งตอนนั้นงบก่อสร้างอยุ่ที่ 2 ลบ. จากรีวีวในพันทิป แต่หลายปีผ่านไป คงมีเรื่องของค่าแรง ค่วัสดุเพิ่มขึ้น  แต่ราคาประเมินก่อสร้างก็เพำิ่มขึ้นเยอะ  ผมให้หลายๆบริษัทประเมิน  เริ่มจาก 4.2ลบ  มาเป็น 3.8  จนตัดสินใจหาบ้านนอคดาว เพื่อลดทั้งเวลาและ คชจ.ซ่อนเร้นครับ

แรกๆก็ดูไว้หลายบริษัทเลยครับ  แต่เงินสดในมีมันมีเหตุการฉุกเฉินจนทำให้ เหลืองบก้อนน้อยๆ จึงต้องบริหารใหม่

ในงานบ้านและสวนมีหลายบริษัทฯที่ดูมืออาชีพมากครับ  แต่เรื่องของการนำเสนอขายของแต่ละบริษัทก็มีเทคนิคแตกต่างกันไป
ตอนแรกที่ตั้งใจอยากได้ กับกรอบเวลาที่ชัดเจน ระบุในสัญญาที่ชัดเจน แต่ก็ต้องแลกด้วยราคาที่สูงขึ้นไป
ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับภาวะการตัดสินใจในตอนนั้น  สุดท้ายจึงคิดว่าหากเราใส่ใจรายละเอียด และได้พบกับบริษัทที่ดี ก็คงจะได้ผลลัพธ์ที่ดี
ก็สุดท้าย จึงเลือก สร้างบ้านน๊อคดาวกับบจก.xxx  ในงาน  ซึ่งตอนแรกๆ ก็มีการเตรียมตัวว่า ควรจะดูอะไรบ้าง   วัสดุ ระยะเวลา การชำระเงิน หลายๆอย่างๆครับ  แต่พอวินาทีที่เอาเข้าจริง ก็ลืมหมด  หรือพอคิดได้ ก็เหมือนจะไม่ทัน  แต่ยังไม่อยากจะคิดด้านไม่ดี เพราะบ้านก็ยังไม่เสร็จครับ
จึงอยากมารีวิวไว้เป็นประสบการณ์ให้กับผู้ซื้อหลายๆท่าน  บ้านหนึ่งหลังแลกกับงบที่แลกมาด้วยความเหนื่อย มันก็อาจจะมีความคาดหวัง

ในสัญญามีคำถามเยอะ

จริงๆในก่อนเซ็นสัญญา ผมพยายามมองหาคนที่ให้คำตอบได้นะครับ  แต่ ด้วยความลุกค้าเค้าก็เยอะ เราเลยถามคนที่รับชำระเงิน เค้าก็ต้องได้ไม่หมด  แบบบางอย่างก็โยนไปในลักษณะอ่านในสัญญาเลยค่ะ  ถ้าเป็นไปได้อยากให้ปรับตรงนี้จะดีมากเลยครับ
นอกจากจะให้ความอุ่นใจของลูกค้าแล้ว  ผมมองว่ายังเป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นในคุณภาพของงานและความเป็นมืออาชีพด้วย ดีกว่าโยนไปให้ผจก.ตอบคนเดียวครับ  

มันมีประเด็นในหัวมากมาย ตั้งแต่ตอนคุย ตอนทำสัญญา รายการวัสดุ รายละเอียด   ก็ค่อนข้างไม่เหมือนกันกันในบางส่วน
แต่ก็พอเข้าใจ ทางผู้ขายก็คงต้องป้องกันตัวเองไว้บ้าง  แต่บางทีก็รู้สึกว่า หรือเป็นเพราะเราอะลุ่มอล่วยมากไปจนไม่รัดกุม
 
รายการบ้าน รายละเอียด วัสดุ   ก่อนเซ็นก็ไม่ให้ดู มีแต่แปลนบ้านมาให้ดูครับ แต่ตอนคุยกัน ผมมีการชี้แจง ว่าจุดประสงค์การสร้างเพราะต้องการอยู่อาศัยโดยเร็วในงบที่จำกัด ต้องการขอบ้านเลขที่ สร้างในกทมเขตไหน   แต่พอผ่านไป รายละเอียดของปัญหา(เริ่มนิดๆ) ก็มีมาบ้างครับ
เช่น  จองในงานบอกใช้บัตรเครดิตได้  พอจะชำระงวดแรก บัตรเครดิต ต้องมีค่าธรรมเนียม(ตอนแรกไม่มี) แต่ก็พอจะเข้าใจนะครับ ไม่ทราบเป็นกลยุทธหรืออะไร ไม่อยากมองไม่ได้ แต่เป็นไปได้ อยากให้แก้ไข เพื่อทำให้รู้สึกว่าไม่โดนหลอกผู้บริโภคครับ

หลังจากการก็มีการอัพเดตแบบบ้าน  (กระดาษแผ่นเดิม) ลดขนาดห้อง เปลี่ยนตำแหน่งประตูนิดหน่อย (เชื่อฮวงจุ้ย) จนตกลงกันได้
ทางผู้ว่าจ้างก็ส่งแปลนเก่าๆ ไมว่าจะเป็น ตู้คอนเทนเนอร์ 6*3    หรือ แบบบ้านใหม่  โฉนด  เพื่อให้ทางผู้รับสร้างบ้านทำงานได้ง่ายขึ้น

ผ่านมา 2 วัน ก็ได้มีการนัดช่างเข้ามาดูเรื่องของการขนย้าย
ตอนอยุ่ที่งาน  ทางผู้ว่าจ้างก็อยากให้ เข้ามาสร้าง เพราะมองว่า การขนย้าย ยังไงก็มีการบิด การขยับ มีผลต่อโครงสร้าง  ทางเซลแจ้งมีค่าใช้จ่ายประมา 20000 บาท ซึ่งอจจะมีค่าน้ำไฟฟ้าที่ทางเราต้องชำระเอง   จริงๆไมไ่ด้ติดนะครับ ถ้าแลกกับการลดความเสียหาย  แต่ไม่เป็นไร สุดท้ายก็มีเหตุผลของเค้าที่สะดวกในการทำงานให้ไวขึ้น แต่จากที่คุยตอนแรก แต้ง 30-45 วัน ในสัญญาระบุเพิ่มไปอีกครับ 45-90วัน  ก็ให้เหตุผลว่าบ้านใหญ่ (ตอนแรกเราก็ เออคุมงบดี) 4แสน  พอพวกค่าเทพื้น ค่าบ่อเกราะ ค่าอะไรต่างๆนาๆแล้ว  จบที่ 5.1 แสนครับ

วันนี้  29มีนาคม 2567 พอดีเห็นเงียบๆกันไป จึงมีการทักเข้าไปในกรุ๊ปไลน์เพื่ออัพเดต
จากปสก. คือการขออนุญาติ จะต้องยื่นแบบ แต่อันนี้เป็นนิคดาว ยังไงก็ต้องยื่น แต่อาจจะเงื่อนไขน้อยกว่า  ซึ่งทางผู้ว่าจ้างก็พยายามให้ทางผู้ถูกว่าจ้างช่วยครับ  แต่ไปๆมาๆ   ก็มีบทสนทนาขอเพิ่มค่าแบบนะครับ  ผมนี่งงเลยครับ  ตอนแรกตอนคุยก็บอกราคานี้รวมทุกอย่างแล้ว  ไหงพอเซ็นสัญญาแล้ว มามีรายการยิบย่อยทีหลัง   แต่พยายามคิดแง่บวก  บริษัทเค้าก็อาจจะมีคนทั้งรอบคอบและไม่รอบคอบ  แต่ในอนาคตก็คงได้บทเรียนเรื่องนี้เพิ่มขึ้นครับ

ยังไงจะมาอัพเดตให้เรื่อยนะครับ  ไม่รู้เขียนงงๆไหม ข้ามขั้นตอนไหนไปรึป่าว  ยังไงขออภัยไว้ ณ ที่นี่ด้วยครับ