จากที่เเม่เราพูดว่า ต้องการอะไร
ตอนนั้นเเม่เราบอกว่ารู้สึกปวดหัวหนักมากๆ เเล้วก็เย็นเท้าเย็นมือ รู้สึกเหมือมีอะไรกันกำลังลูบตามตัวจากเท้าไปหัวจากนั้น น้าที่ขับรถก็ตกใจเลยถามเเม่เราว่า “เจ้าเป็นหยัง” เเม่เราเลยตะโกนว่า “มันมาลูบตัวอยู่เนี้ย ”เเล้วเเม่เราก็เเช่งมัน(ทางบ้านเราจะบอกไว้ว่าถ้าเจอผีรึสิ่งที่ดีให้เเช่งมัน หรือเรียกยมบาลมาพาตัวไป) หลังจากที่เเม่เเช่งมันหรือพูดหมดทุกอย่างเเล้วมันก็ยังจะลูบเเม่เราเรื่อยๆเหมือนจะเข้าร่างเเม่ให้ได้เเม่เราเลยเรียกพระ เรียกเเม่ย่านางที่อยู่บนรถ หลังจากนั้นไฟในรถจู่ๆก็เปิดปิดเอง เเล้วสองข้างทางก็คือมืดไปหมด พอทุกคนกำลังช่วยน้ามองสองข้างทางที่มืดไม่เห็นเเม้เเต่ถนนรึไฟทางถนนเลยเเม่เราก็กรี๊ดออกมา เราเลยหันไป เห็นผมเเม่เรากำลังชี้เหมือนมีคนกำลังดึงผม ด้วยความเจ็บของเเม่ตอนนั้นเเม่ก็ด่าก็เเช่งผีตัวนั้น ด้วยความเราเป็นห่วงเเม่เลยจับไปที่หัวเเม่ คิดในใจว่าไม่อยากให้เเม่เจ็บ เเต่พอจับที่หัวเเม่เราก็รู้สึกเหมือนจับมือเหี่ยวๆสากๆตอนเเรกเราก็ตกใจ เเต่ตอนนั้นห่วงเเม่มากกว่า ยายเราเห็นท่ามันไม่ดีเลยเอาพระที่ห้อยคอของยานเอาใส่ให้เเม่ สักพักเเม่ก็หายเจ็บ มือที่เราจับมือนั้นตอนนั้นก็ไม่รู้สึกเเล้วรู้ตัวอีกที่ก็ขับไปเจอบ้านหลังนึงที่เห็นเป็นบ้านหลังเดียวอยู่ที่นั้น เเม่เราเลยบอกว่าไปถาทหาวัดเเถวนี้มั้ยรู้สึกว่ามันอยู่ในนี้ เหมือนมันต้องการอะไร น้าเราก็บอกเดี๋ยวไปถามบ้านนัก่อนว่าวัดอยู่ทางไหน พอเราลงไปเคาะประตูก็เเล้วเรียกเสียงดังก็เเล้วไม่มีคนออกมา (เราเข้าใจนะ เขาก็คงกลัวเเหละว่าเรามันทำอะไรดึกๆดื่นๆ) พอเรียกสักพัก น้าเราเลยบอกว่างั้นเรากลับทางเดิมก่อนมั้นให้มันมีไฟก่อนเเล้วค่อยไปถามคนเเถวนั้นเพราะมีหมู่บ้าน เเล้วเราก็พากันขึ้นรถ จากตอนเเรกเรานั่งข้างหลังตรงกลาง ครั้งนี้เราเปลี่ยนใจอยากย้ายมานั่งข้างๆกระจกไว้ดูทางช่วยน้า เเล้วแม่เราก็โทรบอกให้ทางบ้านเราสวดมนต์ให้หน่อย ให้เเบบเจอทาง หรือเจอคนก็ได้เพราะตอนนี้กลัวกันมากๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ยายเราก็ถามว่าเสียงอะไร เราเลยหันไปมองพี่สาวที่ก้มหน้าอยู่ เเม่เลยพูดว่า“เอ้า มันเข้าพี่สาวเราเเล้ว” เเล้วตอนนั้นน้าเราก็เจอคนพอดี แต่ตอนนั้นเหมือนหูเราทั้งหมดดับ เเล้วชาวบ้านเเถวนั้นก็พยายามให้พูดให้เราเข้าใจเเม่ที่ถือสายบอกทางบ้านเราก็บอกว่า ไม่ต้องฟังเเล้วมันปิดหูให้เราไม่รู้เรื่องขับเข้าหมู่บ้านไปเลยจะมีป้ายบอกเอง ขอบคุณเขาเเล้วก็ขับต่อไป จากนั้นก็ไปเจอป้ายทางเข้าวัดจริงๆเเเล้วเราก็เลี้ยวเข้าวัด หลังจากลงรถกันเสร็จเราก็เรียกพระหรือเด็กวัดอะไรก็ได้เเถวนั้น เเต่ก็ไม่มีคนออกมา ยายเราดันไปเห็นคนเปิดไฟอยู่ข้างๆเมรุ เลยจะพากันเดินไป เเล้วอยู่ดีๆพี่สาวเราก็ร้องไห้หนักกว่าเดินเเล้วก็ส่ายๆรัวๆ ยายเราเลยพูดว่า“ กลัวใช่มั้ยถ้ายังไม่ออกจากหลานกูกูจะพาเข้าไปในเมรุ จะออกจากหลานกูมั้ย”พี่สาวเราก็ส่ายหน้า พอเสียงเราเริ่มดังพระเลยออกมาดู พอพระออกมาดูเสร็จก็บอกว่า เดี๋ยวพระจะไล่มันออกให้ พอกำลังทำพิธี พระท่านสวดให้สักพักพี่สาวเราก็ได้สติเลยบอกว่า พระท่านก็พูดว่า “ไม่รู้ว่าช่วยได้มากเเค่ไหนนะเพราะหลวงพ่อไม่อยู่เเต่ท่านจะปัดออกให้ ”เลยทำพิธีกันต่อพระท่านสวดสักพักน้าเราอยู่ดีๆก็พูดว่า“มันอยู่นี้ มันมาอยู่ข้างหู”น้าเราเป็นคนตัวอ้วน ใส่เสื้อเเขนยาวบางๆ คุมตัว พอพูดจบเสื้อทั้งสองของน้าก็ขยับ( เหมือนเวลาเราเจอลมเเรงๆเเล้วเสื้อเรามันจะขยับใช่มั้ยคะ เเต่อันนี้ขยับเเค่เเขนอะค่ะ) เเล้วพระเลยพูดว่าตามเขามาทำไมโยมเขาไม่ทำอะไรให้โยมหรอ น้าเราเลยบอกว่า “มันบอกว่า ให้วนรถกลับไปส่งกู กูอยากจะกลับบ้านมันมากระซิบข้างหูค่ะ” พระท่านเลยพูดว่า ”ใครส่งมา ทำไมต้องมาทำเขา“ น้าเราก็เงียบ เเล้วน้าเราก็บอกว่า ”มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย มาทำพี่กูทำหลานกูอย่างงี้ กูไม่ไปส่งหรอก ถ้ากูไปส่งก็จะมาทำร้ายพวกกูอีก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย กูไปส่งทำไม“ เเล้วมันก็เหมือนพูดว่า วนกลับไปส่งกูๆๆ เเล้วรถเราที่จอดอยู่หน้าพวกเรา จู่ๆ ก็เปิดประตูเอง พอพระเห็นอย่างงั้นเลยสวดมนต์เเล้วก็เอาไม้มันตีๆรถ ไฟรถก็เปิดๆปิดๆ( เหมือนหนังผีสุดๆ) สวดอยู่นานเลยค่ะ เหมือนจะจบเเล้ว นกเเสกที่เกาะอยู่เเถวๆวัดเป็น 20-30 ตัวก็พากันร้องเเล้วก็บินหนี พระท่านเลยพูดว่า ”มันคงไปเเล้วนะโยม อตมาช่วยได้เท่านี้ “ ยายเราเลยพูดว่า”สามารถนอนที่นี้ได้มั้ยคะ“ พระเลยบอกว่า ”มีเเต่สีกาเขาไม่ให้เข้าสัดหรอกนะโยม ถ้าโยมไม่สามารถใจ“ พระท่านเลยยื่นตะกรถดให้”อันนี้ของหลวงพ่อ ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายโยมได้หรอก“ เราก็กลับเเล้วก็พากันกลับมา พากันร้องเพลง คุยกัน พอถึงเขตบ้านเรา เเม่เราก็พูดว่า “มันก็ไปเเล้วเเหละ รู้สึกได้ เราโชคดีเนาะอย่างน้อยพระก็ไล่มันให้ออกได้ ถ้าเรากลับไปส่งมันเราคงตายแน่เพราะมันเหมือนปิดหูปิดตาเรา (ในขณะที่เราดีใจอย่างงั้น ไม่รู้เลยว่าพวกมันอยู่หลังกระบะมากับพวกเรา)
*ถ้าคำพูดไหนผิดพลาด หรือ ไม่สุภาพ ขออภัยด้วยนะคะ*
ต่อ “วนรถกลับไปส่งกู” (3)
ตอนนั้นเเม่เราบอกว่ารู้สึกปวดหัวหนักมากๆ เเล้วก็เย็นเท้าเย็นมือ รู้สึกเหมือมีอะไรกันกำลังลูบตามตัวจากเท้าไปหัวจากนั้น น้าที่ขับรถก็ตกใจเลยถามเเม่เราว่า “เจ้าเป็นหยัง” เเม่เราเลยตะโกนว่า “มันมาลูบตัวอยู่เนี้ย ”เเล้วเเม่เราก็เเช่งมัน(ทางบ้านเราจะบอกไว้ว่าถ้าเจอผีรึสิ่งที่ดีให้เเช่งมัน หรือเรียกยมบาลมาพาตัวไป) หลังจากที่เเม่เเช่งมันหรือพูดหมดทุกอย่างเเล้วมันก็ยังจะลูบเเม่เราเรื่อยๆเหมือนจะเข้าร่างเเม่ให้ได้เเม่เราเลยเรียกพระ เรียกเเม่ย่านางที่อยู่บนรถ หลังจากนั้นไฟในรถจู่ๆก็เปิดปิดเอง เเล้วสองข้างทางก็คือมืดไปหมด พอทุกคนกำลังช่วยน้ามองสองข้างทางที่มืดไม่เห็นเเม้เเต่ถนนรึไฟทางถนนเลยเเม่เราก็กรี๊ดออกมา เราเลยหันไป เห็นผมเเม่เรากำลังชี้เหมือนมีคนกำลังดึงผม ด้วยความเจ็บของเเม่ตอนนั้นเเม่ก็ด่าก็เเช่งผีตัวนั้น ด้วยความเราเป็นห่วงเเม่เลยจับไปที่หัวเเม่ คิดในใจว่าไม่อยากให้เเม่เจ็บ เเต่พอจับที่หัวเเม่เราก็รู้สึกเหมือนจับมือเหี่ยวๆสากๆตอนเเรกเราก็ตกใจ เเต่ตอนนั้นห่วงเเม่มากกว่า ยายเราเห็นท่ามันไม่ดีเลยเอาพระที่ห้อยคอของยานเอาใส่ให้เเม่ สักพักเเม่ก็หายเจ็บ มือที่เราจับมือนั้นตอนนั้นก็ไม่รู้สึกเเล้วรู้ตัวอีกที่ก็ขับไปเจอบ้านหลังนึงที่เห็นเป็นบ้านหลังเดียวอยู่ที่นั้น เเม่เราเลยบอกว่าไปถาทหาวัดเเถวนี้มั้ยรู้สึกว่ามันอยู่ในนี้ เหมือนมันต้องการอะไร น้าเราก็บอกเดี๋ยวไปถามบ้านนัก่อนว่าวัดอยู่ทางไหน พอเราลงไปเคาะประตูก็เเล้วเรียกเสียงดังก็เเล้วไม่มีคนออกมา (เราเข้าใจนะ เขาก็คงกลัวเเหละว่าเรามันทำอะไรดึกๆดื่นๆ) พอเรียกสักพัก น้าเราเลยบอกว่างั้นเรากลับทางเดิมก่อนมั้นให้มันมีไฟก่อนเเล้วค่อยไปถามคนเเถวนั้นเพราะมีหมู่บ้าน เเล้วเราก็พากันขึ้นรถ จากตอนเเรกเรานั่งข้างหลังตรงกลาง ครั้งนี้เราเปลี่ยนใจอยากย้ายมานั่งข้างๆกระจกไว้ดูทางช่วยน้า เเล้วแม่เราก็โทรบอกให้ทางบ้านเราสวดมนต์ให้หน่อย ให้เเบบเจอทาง หรือเจอคนก็ได้เพราะตอนนี้กลัวกันมากๆ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ ยายเราก็ถามว่าเสียงอะไร เราเลยหันไปมองพี่สาวที่ก้มหน้าอยู่ เเม่เลยพูดว่า“เอ้า มันเข้าพี่สาวเราเเล้ว” เเล้วตอนนั้นน้าเราก็เจอคนพอดี แต่ตอนนั้นเหมือนหูเราทั้งหมดดับ เเล้วชาวบ้านเเถวนั้นก็พยายามให้พูดให้เราเข้าใจเเม่ที่ถือสายบอกทางบ้านเราก็บอกว่า ไม่ต้องฟังเเล้วมันปิดหูให้เราไม่รู้เรื่องขับเข้าหมู่บ้านไปเลยจะมีป้ายบอกเอง ขอบคุณเขาเเล้วก็ขับต่อไป จากนั้นก็ไปเจอป้ายทางเข้าวัดจริงๆเเเล้วเราก็เลี้ยวเข้าวัด หลังจากลงรถกันเสร็จเราก็เรียกพระหรือเด็กวัดอะไรก็ได้เเถวนั้น เเต่ก็ไม่มีคนออกมา ยายเราดันไปเห็นคนเปิดไฟอยู่ข้างๆเมรุ เลยจะพากันเดินไป เเล้วอยู่ดีๆพี่สาวเราก็ร้องไห้หนักกว่าเดินเเล้วก็ส่ายๆรัวๆ ยายเราเลยพูดว่า“ กลัวใช่มั้ยถ้ายังไม่ออกจากหลานกูกูจะพาเข้าไปในเมรุ จะออกจากหลานกูมั้ย”พี่สาวเราก็ส่ายหน้า พอเสียงเราเริ่มดังพระเลยออกมาดู พอพระออกมาดูเสร็จก็บอกว่า เดี๋ยวพระจะไล่มันออกให้ พอกำลังทำพิธี พระท่านสวดให้สักพักพี่สาวเราก็ได้สติเลยบอกว่า พระท่านก็พูดว่า “ไม่รู้ว่าช่วยได้มากเเค่ไหนนะเพราะหลวงพ่อไม่อยู่เเต่ท่านจะปัดออกให้ ”เลยทำพิธีกันต่อพระท่านสวดสักพักน้าเราอยู่ดีๆก็พูดว่า“มันอยู่นี้ มันมาอยู่ข้างหู”น้าเราเป็นคนตัวอ้วน ใส่เสื้อเเขนยาวบางๆ คุมตัว พอพูดจบเสื้อทั้งสองของน้าก็ขยับ( เหมือนเวลาเราเจอลมเเรงๆเเล้วเสื้อเรามันจะขยับใช่มั้ยคะ เเต่อันนี้ขยับเเค่เเขนอะค่ะ) เเล้วพระเลยพูดว่าตามเขามาทำไมโยมเขาไม่ทำอะไรให้โยมหรอ น้าเราเลยบอกว่า “มันบอกว่า ให้วนรถกลับไปส่งกู กูอยากจะกลับบ้านมันมากระซิบข้างหูค่ะ” พระท่านเลยพูดว่า ”ใครส่งมา ทำไมต้องมาทำเขา“ น้าเราก็เงียบ เเล้วน้าเราก็บอกว่า ”มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย พวกกูยังไม่ได้ทำอะไรให้เลย มาทำพี่กูทำหลานกูอย่างงี้ กูไม่ไปส่งหรอก ถ้ากูไปส่งก็จะมาทำร้ายพวกกูอีก มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นเลย กูไปส่งทำไม“ เเล้วมันก็เหมือนพูดว่า วนกลับไปส่งกูๆๆ เเล้วรถเราที่จอดอยู่หน้าพวกเรา จู่ๆ ก็เปิดประตูเอง พอพระเห็นอย่างงั้นเลยสวดมนต์เเล้วก็เอาไม้มันตีๆรถ ไฟรถก็เปิดๆปิดๆ( เหมือนหนังผีสุดๆ) สวดอยู่นานเลยค่ะ เหมือนจะจบเเล้ว นกเเสกที่เกาะอยู่เเถวๆวัดเป็น 20-30 ตัวก็พากันร้องเเล้วก็บินหนี พระท่านเลยพูดว่า ”มันคงไปเเล้วนะโยม อตมาช่วยได้เท่านี้ “ ยายเราเลยพูดว่า”สามารถนอนที่นี้ได้มั้ยคะ“ พระเลยบอกว่า ”มีเเต่สีกาเขาไม่ให้เข้าสัดหรอกนะโยม ถ้าโยมไม่สามารถใจ“ พระท่านเลยยื่นตะกรถดให้”อันนี้ของหลวงพ่อ ไม่มีสิ่งใดทำอันตรายโยมได้หรอก“ เราก็กลับเเล้วก็พากันกลับมา พากันร้องเพลง คุยกัน พอถึงเขตบ้านเรา เเม่เราก็พูดว่า “มันก็ไปเเล้วเเหละ รู้สึกได้ เราโชคดีเนาะอย่างน้อยพระก็ไล่มันให้ออกได้ ถ้าเรากลับไปส่งมันเราคงตายแน่เพราะมันเหมือนปิดหูปิดตาเรา (ในขณะที่เราดีใจอย่างงั้น ไม่รู้เลยว่าพวกมันอยู่หลังกระบะมากับพวกเรา)
*ถ้าคำพูดไหนผิดพลาด หรือ ไม่สุภาพ ขออภัยด้วยนะคะ*