Rule of Horror ผู้ดูแลห้อง Server สาขา 413: Part 2
Part1
https://ppantip.com/topic/42506912
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งก่อน ผมก็กลับมาทำงานด้วยความจำเป็นของทางบ้านและทำใจว่าพนักงานรุ่นใหม่ทั้งหมดคงจะเหลือเพียงตัวเองคนเดียวแล้ว
ที่น่าประหลาดใจคือ เพื่อนร่วมรุ่นสาวที่ขวัญเสียหนักมากในเหตุการณ์ที่ผ่านมา กลับยังคงทำงานอยู่
“จำเป็นต้องอยู่ต่อรึ?” ผมถาม
“ค่ะ คิดว่าจะทำจนเก็บเงินไถ่ที่ได้และส่งน้องเรียนจบก่อนค่อยออก” เธอตอบพร้อมยิ้มแห้ง ๆ
พอกลับมาทำงานวันแรก พี่แดงก็เรียกประชุมผู้ดูแลเช้าวันนั้นเลย
“่ก่อนอื่น พี่ขอต้อนรับสมชายและสุดาสู่ทีมผู้ดูแลห้อง Server สาขา 413 อีกครั้ง อย่างเต็มตัว จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาน้อง ๆ คงเข้าใจแล้วว่าที่ทำงานนี้ไม่ธรรมดา และ ผู้ที่อยู่ก็อยู่เพราะมีภาระต้องแบกรับ ไม่ได้ต้องการอยู่” พี่แดงกล่าว
“ดังนั้น เป้าหมายร่วมของทุกคนในทีมจึงมี 2 อย่าง หนึ่งคือหาเงินให้มากพอ”
“และ เอาตัวรอดให้ตลอดรอดฝั่ง”
พี่ชัยและพี่โยพลัดกันกล่าว
“เข้าประเด็นเลยแล้วกัน การประชุมวันนี้ก็เพื่ออธิบายวิธีการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 ร่วมถึงทริปและทริกต่าง ๆ ” พี่แดงพูดพลางแจกคู่มือการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 ให้กับผมและสุดา
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเธอไม่เคยเจอเหตุผิดปกติเลย พี่ถือว่าพวกเธอโชคดีมาก พี่นี่ 3 วันก็โดนเลย โคตรโชคดีจนอิจฉา” พี่ชัยว่า
“แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกพี่ ๆ จึงอยากเตรียมตัวให้น้อง ๆ พร้อมที่จะรับมือกับมัน” พี่โยกล่าว
“เบื้องต้นพี่ขอให้น้อง ๆ อ่าน คู่มือการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 ทีละหัวข้อให้พอผ่านตาก่อน ถ้ามีข้อสงสัยให้ถามมาได้เลย พวกเราพร้อมที่จะตอบตามประสบการณ์ที่เคยเจอมา” พี่แดงว่า
ผมกับสุดาพยักหน้าและเปิดคู่มืออ่านทันที
- - -
คู่มือการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 (Business hours) Version 1.4.3
- - -
“Business hours?” ผมเงยหน้าขึ้นถาม
“ตามตัวอักษรเลย ก็คือเป็นเหตุผิดปกติที่จะเกิดระหว่างเวลาทำการตามปกติ คือ 9.00-17.00 และ ใช่ มันมีคู่มือฉบับ Off Business hours หรือ “นอกเวลาทำการ” อยู่ ไว้ใช้อ้างอิงตอนเกิดเหตุผิดปกติหลัง 17.00 จนถึงพระอาทิตย์ขึ้น” พี่โยว่า
“สำหรับพนักงานเวรพิเศษ” พี่แดงกล่าว
“เพื่อบำรุงรักษา Server ในกรณีพิเศษ เป็นคนที่บริษัทแม่จัดเตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่บางครั้งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเข้าร่วมด้วย ซึ่ง บางกรณีต้องใช้ข้อมูลในคู่มือนี้เพื่อเอาตัวรอด อีกจุดประสงค์คือ เป็นคู่มือสำหรับพวกขยันไม่ดูตาม้าตาเรือ” พี่ชัยพูด
“พวกขยันไม่ดูตาม้าตาเรือ?” สุดาสงสัย
“จำกฏข้อ 10 ที่บอกให้ลงจากอาคารทันทีที่ถึงเวลา 17.00 ได้ไหม มันเคยมีคนที่ทำงานเพลิน โชคร้ายนาฬิกาเดินช้า หรือต้องแก้เหตุผิดปกติไม่ทันเวลา พอถึงเวลา 17.10 พวกเค้าจะติดอยู่ในอาคารทั้งคืน ออกไปไม่ได้ คู่มือนี้มีไว้เพื่อบอกวิธีให้คนที่ติดอยู่ข้างในเอาตัวรอดได้จนเช้า” พี่แดงอธิบาย
ผมกับสุดาก้มลงอ่านคู่มือต่อ รู้สึกได้ว่าถ้าจะทำงานที่นี่ให้ตลอดรอดฝั่ง จะต้องจำเนื้อหาในคู่มือให้ได้
- - -
เหตุผิดปกติของ Server 413 ระหว่างช่วงเวลาทำการตามปกตินั้นมักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตามช่วงเวลาที่แน่นอน เพื่อความสะดวกในการเตรียมตัวรับมือเหตุผิดปกติ เนื้อหาในคู่มือจึงจะแบ่งตามช่วงเวลาดังนี้
1. เวลา 9.00-11.00
ในช่วงเวลานี้ เหตุผิดปกติที่จะเกิดขึ้นคือ บางครั้งอ๊อดแจ้งขอเข้าสำนักงานที่ประตูหน้าลิฟท์จะดังขึ้นและดังค้างโดยไม่มีใครไปกด ให้เจ้าหน้าที่ใช้รีโมตกดเปิดประตูก่อนที่เสียงอ๊อดจะดับไป (เสียงตอนเปิดประตูจะดัง กริ้ง กริ้ง)
ถ้ากดเปิดประตูไม่ทันเสียงอ๊อดดับ ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบเข้าไปหลบในห้องน้ำจนกว่าเสียงก้าวเท้าที่จะดังตามมาภายหลังเงียบหายไป
- - -
“เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นเคสอ๊อดดังเองแบบในข้อนี้ ไม่ใช่ว่ามีคนจะเข้าสำนักงานจริง ๆ ” ผมเงยหน้าจากคู่มือแล้วถาม
“ถ้ามี ก็ยากมากที่จะมีเพราะ รปภ ที่ชั้น 1 จะบังคับผู้เข้าเยี่ยมให้ขึ้นบันไดมาทางที่เราใช้ประจำ ส่วนกรณีมีของที่ต้องขนขึ้นมา ของจะถูกเก็บไว้ที่ชั้น 1 ให้พวกเรามาเอาขึ้นไปเอง” พี่ชัยตอบ
“แล้วรีโมตกดเปิดประตูพี่วางไว้ที่ไหน แล้วทำไมต้องกดให้ได้ก่อนที่เสียงอ๊อดจะดับไปด้วย” สุดาถามต่อ
สิ้นเสียงของสุดา จู่ก็มีเสียงอ๊อดขอเข้าสำนักงานดังค้างขึ้นมา ผมกับสุดามองหน้ากัน
พี่โยมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ดูเวลาที่นาฬิกาประจำออฟฟิศ จากนั้นล้วงกระเป๋ากางเกงเอาพวงกุญแจที่มีรีโมตเล็ก ๆ คล้ายรีโมตรถขึ้นมากด
มีเสียง กริ้ง กริ้ง ดังขึ้นและเสียงอ๊อดก็ดับไป
“รีโมตจะแขวนไว้ที่เสาข้างโต๊ะพี่” พี่โยว่า
“ถ้าเรากดเปิดประตูให้ไม่ทัน ไอ้ตัวหรืออะไรก็ตามนั้นก็จะขึ้นบันไดมาทางที่เราใช้ประจำ นี่คือที่มาของเสียงก้าวเท้า” พี่ชัยอธิบาย
“พี่ไม่รู้ว่ามันคือตัวแบบไหน แต่พนักงานรุ่นก่อนพี่เล่าว่าคนที่เจอล้วนจับไข้ มีอาการทางจิต บางคนก็ผมขาวเพียงข้ามคืนก็มี พนักงานคนที่เล่าตอนนั้นบังเอิญเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสียอยู่เลยรอดมาได้ นั้นคือที่มาของคำแนะนำให้ซ่อนในห้องน้ำกรณีผิดพลาด” พี่โยสำทับ
“แล้วถ้ารีโมทเสียหรือประตูไม่เปิดล่ะ” ผมถาม
“ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คือคราวซวย ต้องเดินไปเปิดประตูให้เอง พี่ขอแนะนำว่าอย่ามองออกไปที่ประตู ให้เดินแบบก้มมองพื้นไว้ กดเปิดประตูแล้วก็รีบหันหลังกลับ อย่ามอง ถ้าถูกทักท้ายหรือชวนคุยให้ตอบอย่างสุภาพไปว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ติดงานด่วนอยู่ แล้วรีบเดินผ่านประตูที่ 2 กลับเข้ามา” พี่ชัยตอบ
“ถ้าแบบนั้น ไม่ไปแล้วหลบในห้องน้ำเลยได้ไหม”
“ก็ได้ แต่จากที่ซวยคนเดียวจะกลายเป็นซวยกันหมด เลือกเอา” พี่ชัยพูดเชิงข่ม
“แล้วตัวอะไรนั้นมันเข้ามาทำไม เข้ามาแล้วไปไหนค่ะ” สุดาถามต่อ
“สุดา” ผมเอ่ยเบา ๆ
“พอเข้ามาทางประตูหน้าที่มีลิฟท์แล้ว มันจะมีห้องอยู่ห้องหนึ่ง ห้อง Server ที่พวกเรายังไม่เคยเข้าไปเลยไง”
- - -
2. เวลา 11.00-12.00
ในช่วงเวลานี้ เหตุผิดปกติที่จะเกิดขึ้นนั้นคล้ายคลึงกับช่วง 9.00-11.00
นั้นคือบางครั้งจะมีอ๊อดแจ้งขอเข้าสำนักงานดังขึ้นและดังค้างโดยไม่มีใครไปกด
อ๊อดที่ดังในช่วงเวลานี้ ห้ามกดเปิดประตูให้โดยเด็ดขาด
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อไม่เปิดประตูให้ สักพักนึงจะมีเสียงเหมือนคนทุบประตู พยามยามจะเข้ามาให้ได้ ไม่ต้องกังวล ประตูหน้านั้นแข็งแรงเพียงพอ
ทว่า หากเผลอพลาดเปิดประตูให้ ไม่นานจะมีเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นออกมาจากทางห้อง Server ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทิ้งงานที่กำลังทำอพยพหนีลงไปที่จุดนัดพบนอกอาคารให้เร็วที่สุดและรีบแจ้ง รปภ ที่ชั้น 1
เมื่อสถานะการณดีขึ้น รปภ จะออกมาแจ้งให้ทราบ จึงค่อยกลับขึ้นไป
*ขณะอพยพ ห้ามเดินผ่านห้อง Server โดยเด็ดขาด*
- - -
“ถ้ามีอ็อดดังตอนใกล้ 11.00 มาก ๆ หรือ 11.00 พอดี เราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นของเคสไหน” ผมถาม
“เราไม่รู้และนั้นหมายถึงพวกเราดวงตก สำหรับพี่ พี่จะไม่กดเปิดให้แล้ววัดกันไปเลย ถ้ามีเสียงทุบประตูก็แล้วไป ถ้าอ็อดเงียบไปเฉย ๆ ก็เผ่นเข้าห้องน้ำ” พี่ชัยตอบ
“ในกรณีนั้นพี่เห็นด้วยกับชัย และข้อนี้ถ้าเป็นไปได้พี่ขอให้อย่าให้พลาด ไม่ใช่แค่เพราะพวกเราจะโดนอะไรก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ คือเมื่อกลับขึ้นมา เราจะเจอกับออฟฟิศที่เละเทะมาก ข้าวของ เอกสารกระจุยไปทั่ว พร้อมของเหลวอะไรก็ไม่รู้แต่เหม็นมาก เป็นย่อม ๆ ทั่วออฟฟิศ
ต้องใช้เวลาทั้งวันในการจัดของ ทำความสะอาดและดับกลิ่น แต่ที่แย่ที่สุดคือต้องมาทนฟังแม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้บ่นทั้งวันจนหูชาเลยทีเดียว” พี่แดงอธิบาย
“ที่รู้ละเอียดแบบนี้ เพราะแดงเคยพลาดมาเองกับมือน่ะ” พี่โยพูด
- - -
3. เวลา 12.00-13.00
ช่วงเวลาพักเที่ยง พนักงานสามารถไปพักทานอาคารได้ที่อาคารพักที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ
ในกรณีที่พนักงานนำอาหารมาทานในออฟฟิศ จะเกิดเหตุผิดปกติขึ้น โดยจะมีเสียงดังเหมือนคนทุบประตูดังมาจากห้อง Server หากปล่อยไปเสียงจะเริ่มดังขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุด
วิธีแก้ไขเหตุ ให้นำกระทงกระดาษ, แก้วน้ำกระดาษและธูป 2 ดอกพร้อมไฟแช๊กมา (ทั้งหมดหาได้จากโต๊ะหัวหน้าทีม) แบ่งอาหารบางส่วนใส่กระทงตามสมควร (ใส่ข้าวเยอะ ๆ จะได้ไม่เปลื้องกับ) ใส่น้ำลงในแก้ว แล้วนำอาหารและน้ำไปวางที่หน้าห้อง Server จุดธูปทั้ง 2 ดอก ปักลงในอาหาร แล้วจึงเดินออกมากินข้าวที่โต๊ะของตนเองได้
เวลาประมาณ 12.50 ให้ไปเก็บอาหารและน้ำที่หน้าห้อง Server กลับมา
แล้วนำอาหารและน้ำไปให้ รปภ เพื่อนำไปกำจัดทิ้งอย่างถูกต้อง
เพื่อความปลอดภัย ก่อนเก็บให้ใส่หน้ากากคลุมหน้า, ถุงมือยางแบบยาวแล้วเก็บอาหารใส่ถุงพลาสติกหนาที่เตรียมไว้ซ้อน 3 ชั้น
***อย่าให้อาหารหรือน้ำสัมผัสถูกเสื้อผ้าหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นอันขาด ถ้ามีอาหารหรือน้ำสัมผัสร่างกายให้แจ้ง รปภ ทันที***
- - -
“เพราะแบบนี้พี่ ๆ ถึงชวนพวกเราไปกินข้าวข้างนอก ไม่เคยกินในออฟฟิศเลยรึค่ะ” สุดาถาม
“ใช่ อีกอย่างที่เราไม่กินในออฟฟิศก็เพราะมันยุ่งยาก ไหนจะต้องแบ่งข้าวใส่กระทง เอาไปวาง จุดธูป แล้วก็ต้องใส่หน้ากากกับถุงมือเก็บไปทิ้ง แล้วทิ้งในอาคารไม่ได้ด้วย ต้องถ่อลงไปให้ รปภ จัดการ แถมต้องระวังไม่ให้น้ำกับอาหารกระเด็นมาโดนอีก เราเลยตัดจบที่ไม่กินข้าวเที่ยงในออฟฟิศ” พี่ชัยตอบ
“ผมมีคำถาม
1. ถ้าไม่แบ่งให้ไปจะเป็นยังไง
2. ถ้าไม่เก็บอาหารไปจะเกิดอะไร
และ 3. ถ้าน้ำและอาหารที่เก็บกระเด็นมาโดน จะเป็นยังไง และ มีทางแก้ไขไหม”
“ถ้าไม่แบ่งให้ไป เสียงทุบประตูจากห้อง Server ก็จะดังไม่หยุดจนหมดเวลาพักเที่ยง ปัญหาคือมันไม่ใช่แค่นั้น
จำได้ไหมว่าพวกเรามีหน้าที่นำข้อมูลเข้า Server เพื่อประมวลผลแล้วเอา Output ออกมา ถ้าเรากินแล้วไม่แบ่ง ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลจะมีข้อผิดพลาดจนหากเอาไปใช้จริงจะเกิดปัญหา บางครั้งก็แค่เล็กน้อยแต่บางครั้งกลับร้ายแรงจนเกิดความเสียหายมหาศาล บางกรณีเห็นว่าถึงกับมีคนตายเลยทีเดียว” พี่แดงตอบ
“ส่วนเรื่องไม่เก็บอาหารกับเรื่องอาหารกระเด็นมาโดน ครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดพี่ ทีมเลยสั่งอาหารมากินกันที่ออฟฟิศแล้วก็แบ่งส่วนหนึ่งไปวางไว้ตามปกติ แต่เราฉลองกันสนุกไปหน่อย กว่าจะรู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติก็ราว ๆ บ่ายสอง เป็นกลิ่นเหม็นเน่าและกลิ่นไหม้
ต้นตอมาจากกระทงอาหารที่เราแบ่งวางไว้หน้าห้อง Server ไม่รู้เพราะอะไรมันถึงเน่าได้ในไม่กี่ชั่วโมง ส่วนน้ำก็ทั้งขุ่นและดูข้นแปลก ๆ แล้วก็ไม่รู้ทำไมทั้งอาหาร กระทงและแก้วน้ำถึงมีรอยไหม้ แต่เราก็ได้รู้เหตุผลวันนั้นเองว่าทำไมไม่ถึงต้องเก็บไปก่อนหมดเวลาพักเที่ยง
จากนั้นพี่ก็ให้เด็กใหม่ที่พึ่งเข้าคนหนึ่งไปเก็บอาหารแล้วเอาไปให้ รปภ อุตส่าห์กำชับแล้วว่าอย่าให้กระเด็นโดนตัว แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะพลาดตรงไหนสักแห่งทำให้อาหารกระเด็นโดนแขนแล้วไม่ได้บอกใคร คงเพราะคิดว่าแค่สกปรก ไปล้างเสียก็จบ”
เล่าถึงตรงนี้ พี่ชัยก็ยกน้ำขึ้นดื่ม ส่วนพี่โยเหมือนผมสังเกตได้ว่าเค้ามองหน้าพี่ชัยด้วยสายตาเศร้า ๆ
“แค่คืนเดียว เด็กใหม่คนนั้นต้องขึ้นรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลกลางดึก พี่เป็นเจ้าของไข้ หมอที่ตรวจคุยกับพี่ว่าอาการของน้อง หมายถึงเจ้าเด็กใหม่ที่ว่านั้นสาหัสแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ตัวร้อนไข้สูง เลือดเป็นพิษจากการติดเชื้อ ตามร่างกายมีรอยไหม้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนโดยเฉพาะที่แขนข้างที่พี่คิดว่าโดนอาหารกระเด็นใส่ ตั้งแต่กลางท่อนแขนลงมากลายเป็นสีเขียวไปเลย อย่างกับจะเน่า
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถพยาบาลมารับตัวเด็กใหม่ไปเพื่อย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลในสังกัดของบริษัท ต้องตัดแขนข้างที่ติดเชื้อออก แต่ก็ไม่ดีขึ้น แผลไฟไหม้ยังลามไปตามตัว อาการติดเชื้อก็ยิ่งแย่ลง
3 วันต่อมาสภาพของเด็กใหม่แทบจำไม่ได้ เหมือนคนโดนไฟไหม้ทั้งตัว อีก 2 วันต่อมาน้องชายพี่ก็ไปสบาย”
พี่ชัยเล่าต่อจนจบด้วยเสียงที่เศร้า ๆ
ผมกับสุดาไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ก้มลงรีบ ๆ อ่านคู่มือต่อให้จบ
- - -
Rule of Horror ผู้ดูแลห้อง Server สาขา 413: Part 2
Part1
https://ppantip.com/topic/42506912
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ครั้งก่อน ผมก็กลับมาทำงานด้วยความจำเป็นของทางบ้านและทำใจว่าพนักงานรุ่นใหม่ทั้งหมดคงจะเหลือเพียงตัวเองคนเดียวแล้ว
ที่น่าประหลาดใจคือ เพื่อนร่วมรุ่นสาวที่ขวัญเสียหนักมากในเหตุการณ์ที่ผ่านมา กลับยังคงทำงานอยู่
“จำเป็นต้องอยู่ต่อรึ?” ผมถาม
“ค่ะ คิดว่าจะทำจนเก็บเงินไถ่ที่ได้และส่งน้องเรียนจบก่อนค่อยออก” เธอตอบพร้อมยิ้มแห้ง ๆ
พอกลับมาทำงานวันแรก พี่แดงก็เรียกประชุมผู้ดูแลเช้าวันนั้นเลย
“่ก่อนอื่น พี่ขอต้อนรับสมชายและสุดาสู่ทีมผู้ดูแลห้อง Server สาขา 413 อีกครั้ง อย่างเต็มตัว จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาน้อง ๆ คงเข้าใจแล้วว่าที่ทำงานนี้ไม่ธรรมดา และ ผู้ที่อยู่ก็อยู่เพราะมีภาระต้องแบกรับ ไม่ได้ต้องการอยู่” พี่แดงกล่าว
“ดังนั้น เป้าหมายร่วมของทุกคนในทีมจึงมี 2 อย่าง หนึ่งคือหาเงินให้มากพอ”
“และ เอาตัวรอดให้ตลอดรอดฝั่ง”
พี่ชัยและพี่โยพลัดกันกล่าว
“เข้าประเด็นเลยแล้วกัน การประชุมวันนี้ก็เพื่ออธิบายวิธีการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 ร่วมถึงทริปและทริกต่าง ๆ ” พี่แดงพูดพลางแจกคู่มือการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 ให้กับผมและสุดา
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเธอไม่เคยเจอเหตุผิดปกติเลย พี่ถือว่าพวกเธอโชคดีมาก พี่นี่ 3 วันก็โดนเลย โคตรโชคดีจนอิจฉา” พี่ชัยว่า
“แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกพี่ ๆ จึงอยากเตรียมตัวให้น้อง ๆ พร้อมที่จะรับมือกับมัน” พี่โยกล่าว
“เบื้องต้นพี่ขอให้น้อง ๆ อ่าน คู่มือการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 ทีละหัวข้อให้พอผ่านตาก่อน ถ้ามีข้อสงสัยให้ถามมาได้เลย พวกเราพร้อมที่จะตอบตามประสบการณ์ที่เคยเจอมา” พี่แดงว่า
ผมกับสุดาพยักหน้าและเปิดคู่มืออ่านทันที
- - -
คู่มือการแก้ไขเหตุผิดปกติของ Server 413 (Business hours) Version 1.4.3
- - -
“Business hours?” ผมเงยหน้าขึ้นถาม
“ตามตัวอักษรเลย ก็คือเป็นเหตุผิดปกติที่จะเกิดระหว่างเวลาทำการตามปกติ คือ 9.00-17.00 และ ใช่ มันมีคู่มือฉบับ Off Business hours หรือ “นอกเวลาทำการ” อยู่ ไว้ใช้อ้างอิงตอนเกิดเหตุผิดปกติหลัง 17.00 จนถึงพระอาทิตย์ขึ้น” พี่โยว่า
“สำหรับพนักงานเวรพิเศษ” พี่แดงกล่าว
“เพื่อบำรุงรักษา Server ในกรณีพิเศษ เป็นคนที่บริษัทแม่จัดเตรียมมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ แต่บางครั้งก็ต้องมีเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลเข้าร่วมด้วย ซึ่ง บางกรณีต้องใช้ข้อมูลในคู่มือนี้เพื่อเอาตัวรอด อีกจุดประสงค์คือ เป็นคู่มือสำหรับพวกขยันไม่ดูตาม้าตาเรือ” พี่ชัยพูด
“พวกขยันไม่ดูตาม้าตาเรือ?” สุดาสงสัย
“จำกฏข้อ 10 ที่บอกให้ลงจากอาคารทันทีที่ถึงเวลา 17.00 ได้ไหม มันเคยมีคนที่ทำงานเพลิน โชคร้ายนาฬิกาเดินช้า หรือต้องแก้เหตุผิดปกติไม่ทันเวลา พอถึงเวลา 17.10 พวกเค้าจะติดอยู่ในอาคารทั้งคืน ออกไปไม่ได้ คู่มือนี้มีไว้เพื่อบอกวิธีให้คนที่ติดอยู่ข้างในเอาตัวรอดได้จนเช้า” พี่แดงอธิบาย
ผมกับสุดาก้มลงอ่านคู่มือต่อ รู้สึกได้ว่าถ้าจะทำงานที่นี่ให้ตลอดรอดฝั่ง จะต้องจำเนื้อหาในคู่มือให้ได้
- - -
เหตุผิดปกติของ Server 413 ระหว่างช่วงเวลาทำการตามปกตินั้นมักจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ตามช่วงเวลาที่แน่นอน เพื่อความสะดวกในการเตรียมตัวรับมือเหตุผิดปกติ เนื้อหาในคู่มือจึงจะแบ่งตามช่วงเวลาดังนี้
1. เวลา 9.00-11.00
ในช่วงเวลานี้ เหตุผิดปกติที่จะเกิดขึ้นคือ บางครั้งอ๊อดแจ้งขอเข้าสำนักงานที่ประตูหน้าลิฟท์จะดังขึ้นและดังค้างโดยไม่มีใครไปกด ให้เจ้าหน้าที่ใช้รีโมตกดเปิดประตูก่อนที่เสียงอ๊อดจะดับไป (เสียงตอนเปิดประตูจะดัง กริ้ง กริ้ง)
ถ้ากดเปิดประตูไม่ทันเสียงอ๊อดดับ ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนรีบเข้าไปหลบในห้องน้ำจนกว่าเสียงก้าวเท้าที่จะดังตามมาภายหลังเงียบหายไป
- - -
“เราจะแน่ใจได้ยังไงว่าเป็นเคสอ๊อดดังเองแบบในข้อนี้ ไม่ใช่ว่ามีคนจะเข้าสำนักงานจริง ๆ ” ผมเงยหน้าจากคู่มือแล้วถาม
“ถ้ามี ก็ยากมากที่จะมีเพราะ รปภ ที่ชั้น 1 จะบังคับผู้เข้าเยี่ยมให้ขึ้นบันไดมาทางที่เราใช้ประจำ ส่วนกรณีมีของที่ต้องขนขึ้นมา ของจะถูกเก็บไว้ที่ชั้น 1 ให้พวกเรามาเอาขึ้นไปเอง” พี่ชัยตอบ
“แล้วรีโมตกดเปิดประตูพี่วางไว้ที่ไหน แล้วทำไมต้องกดให้ได้ก่อนที่เสียงอ๊อดจะดับไปด้วย” สุดาถามต่อ
สิ้นเสียงของสุดา จู่ก็มีเสียงอ๊อดขอเข้าสำนักงานดังค้างขึ้นมา ผมกับสุดามองหน้ากัน
พี่โยมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง ดูเวลาที่นาฬิกาประจำออฟฟิศ จากนั้นล้วงกระเป๋ากางเกงเอาพวงกุญแจที่มีรีโมตเล็ก ๆ คล้ายรีโมตรถขึ้นมากด
มีเสียง กริ้ง กริ้ง ดังขึ้นและเสียงอ๊อดก็ดับไป
“รีโมตจะแขวนไว้ที่เสาข้างโต๊ะพี่” พี่โยว่า
“ถ้าเรากดเปิดประตูให้ไม่ทัน ไอ้ตัวหรืออะไรก็ตามนั้นก็จะขึ้นบันไดมาทางที่เราใช้ประจำ นี่คือที่มาของเสียงก้าวเท้า” พี่ชัยอธิบาย
“พี่ไม่รู้ว่ามันคือตัวแบบไหน แต่พนักงานรุ่นก่อนพี่เล่าว่าคนที่เจอล้วนจับไข้ มีอาการทางจิต บางคนก็ผมขาวเพียงข้ามคืนก็มี พนักงานคนที่เล่าตอนนั้นบังเอิญเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสียอยู่เลยรอดมาได้ นั้นคือที่มาของคำแนะนำให้ซ่อนในห้องน้ำกรณีผิดพลาด” พี่โยสำทับ
“แล้วถ้ารีโมทเสียหรือประตูไม่เปิดล่ะ” ผมถาม
“ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คือคราวซวย ต้องเดินไปเปิดประตูให้เอง พี่ขอแนะนำว่าอย่ามองออกไปที่ประตู ให้เดินแบบก้มมองพื้นไว้ กดเปิดประตูแล้วก็รีบหันหลังกลับ อย่ามอง ถ้าถูกทักท้ายหรือชวนคุยให้ตอบอย่างสุภาพไปว่า ขอโทษครับ ขอโทษค่ะ ติดงานด่วนอยู่ แล้วรีบเดินผ่านประตูที่ 2 กลับเข้ามา” พี่ชัยตอบ
“ถ้าแบบนั้น ไม่ไปแล้วหลบในห้องน้ำเลยได้ไหม”
“ก็ได้ แต่จากที่ซวยคนเดียวจะกลายเป็นซวยกันหมด เลือกเอา” พี่ชัยพูดเชิงข่ม
“แล้วตัวอะไรนั้นมันเข้ามาทำไม เข้ามาแล้วไปไหนค่ะ” สุดาถามต่อ
“สุดา” ผมเอ่ยเบา ๆ
“พอเข้ามาทางประตูหน้าที่มีลิฟท์แล้ว มันจะมีห้องอยู่ห้องหนึ่ง ห้อง Server ที่พวกเรายังไม่เคยเข้าไปเลยไง”
- - -
2. เวลา 11.00-12.00
ในช่วงเวลานี้ เหตุผิดปกติที่จะเกิดขึ้นนั้นคล้ายคลึงกับช่วง 9.00-11.00
นั้นคือบางครั้งจะมีอ๊อดแจ้งขอเข้าสำนักงานดังขึ้นและดังค้างโดยไม่มีใครไปกด
อ๊อดที่ดังในช่วงเวลานี้ ห้ามกดเปิดประตูให้โดยเด็ดขาด
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัดคือ เมื่อไม่เปิดประตูให้ สักพักนึงจะมีเสียงเหมือนคนทุบประตู พยามยามจะเข้ามาให้ได้ ไม่ต้องกังวล ประตูหน้านั้นแข็งแรงเพียงพอ
ทว่า หากเผลอพลาดเปิดประตูให้ ไม่นานจะมีเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นออกมาจากทางห้อง Server ให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทิ้งงานที่กำลังทำอพยพหนีลงไปที่จุดนัดพบนอกอาคารให้เร็วที่สุดและรีบแจ้ง รปภ ที่ชั้น 1
เมื่อสถานะการณดีขึ้น รปภ จะออกมาแจ้งให้ทราบ จึงค่อยกลับขึ้นไป
*ขณะอพยพ ห้ามเดินผ่านห้อง Server โดยเด็ดขาด*
- - -
“ถ้ามีอ็อดดังตอนใกล้ 11.00 มาก ๆ หรือ 11.00 พอดี เราจะรู้ได้ยังไงครับว่าเป็นของเคสไหน” ผมถาม
“เราไม่รู้และนั้นหมายถึงพวกเราดวงตก สำหรับพี่ พี่จะไม่กดเปิดให้แล้ววัดกันไปเลย ถ้ามีเสียงทุบประตูก็แล้วไป ถ้าอ็อดเงียบไปเฉย ๆ ก็เผ่นเข้าห้องน้ำ” พี่ชัยตอบ
“ในกรณีนั้นพี่เห็นด้วยกับชัย และข้อนี้ถ้าเป็นไปได้พี่ขอให้อย่าให้พลาด ไม่ใช่แค่เพราะพวกเราจะโดนอะไรก็ไม่รู้แต่ที่แน่ ๆ คือเมื่อกลับขึ้นมา เราจะเจอกับออฟฟิศที่เละเทะมาก ข้าวของ เอกสารกระจุยไปทั่ว พร้อมของเหลวอะไรก็ไม่รู้แต่เหม็นมาก เป็นย่อม ๆ ทั่วออฟฟิศ
ต้องใช้เวลาทั้งวันในการจัดของ ทำความสะอาดและดับกลิ่น แต่ที่แย่ที่สุดคือต้องมาทนฟังแม่บ้านที่มาทำความสะอาดให้บ่นทั้งวันจนหูชาเลยทีเดียว” พี่แดงอธิบาย
“ที่รู้ละเอียดแบบนี้ เพราะแดงเคยพลาดมาเองกับมือน่ะ” พี่โยพูด
- - -
3. เวลา 12.00-13.00
ช่วงเวลาพักเที่ยง พนักงานสามารถไปพักทานอาคารได้ที่อาคารพักที่ตั้งอยู่ข้าง ๆ
ในกรณีที่พนักงานนำอาหารมาทานในออฟฟิศ จะเกิดเหตุผิดปกติขึ้น โดยจะมีเสียงดังเหมือนคนทุบประตูดังมาจากห้อง Server หากปล่อยไปเสียงจะเริ่มดังขึ้นและถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ไม่หยุด
วิธีแก้ไขเหตุ ให้นำกระทงกระดาษ, แก้วน้ำกระดาษและธูป 2 ดอกพร้อมไฟแช๊กมา (ทั้งหมดหาได้จากโต๊ะหัวหน้าทีม) แบ่งอาหารบางส่วนใส่กระทงตามสมควร (ใส่ข้าวเยอะ ๆ จะได้ไม่เปลื้องกับ) ใส่น้ำลงในแก้ว แล้วนำอาหารและน้ำไปวางที่หน้าห้อง Server จุดธูปทั้ง 2 ดอก ปักลงในอาหาร แล้วจึงเดินออกมากินข้าวที่โต๊ะของตนเองได้
เวลาประมาณ 12.50 ให้ไปเก็บอาหารและน้ำที่หน้าห้อง Server กลับมา
แล้วนำอาหารและน้ำไปให้ รปภ เพื่อนำไปกำจัดทิ้งอย่างถูกต้อง
เพื่อความปลอดภัย ก่อนเก็บให้ใส่หน้ากากคลุมหน้า, ถุงมือยางแบบยาวแล้วเก็บอาหารใส่ถุงพลาสติกหนาที่เตรียมไว้ซ้อน 3 ชั้น
***อย่าให้อาหารหรือน้ำสัมผัสถูกเสื้อผ้าหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นอันขาด ถ้ามีอาหารหรือน้ำสัมผัสร่างกายให้แจ้ง รปภ ทันที***
- - -
“เพราะแบบนี้พี่ ๆ ถึงชวนพวกเราไปกินข้าวข้างนอก ไม่เคยกินในออฟฟิศเลยรึค่ะ” สุดาถาม
“ใช่ อีกอย่างที่เราไม่กินในออฟฟิศก็เพราะมันยุ่งยาก ไหนจะต้องแบ่งข้าวใส่กระทง เอาไปวาง จุดธูป แล้วก็ต้องใส่หน้ากากกับถุงมือเก็บไปทิ้ง แล้วทิ้งในอาคารไม่ได้ด้วย ต้องถ่อลงไปให้ รปภ จัดการ แถมต้องระวังไม่ให้น้ำกับอาหารกระเด็นมาโดนอีก เราเลยตัดจบที่ไม่กินข้าวเที่ยงในออฟฟิศ” พี่ชัยตอบ
“ผมมีคำถาม
1. ถ้าไม่แบ่งให้ไปจะเป็นยังไง
2. ถ้าไม่เก็บอาหารไปจะเกิดอะไร
และ 3. ถ้าน้ำและอาหารที่เก็บกระเด็นมาโดน จะเป็นยังไง และ มีทางแก้ไขไหม”
“ถ้าไม่แบ่งให้ไป เสียงทุบประตูจากห้อง Server ก็จะดังไม่หยุดจนหมดเวลาพักเที่ยง ปัญหาคือมันไม่ใช่แค่นั้น
จำได้ไหมว่าพวกเรามีหน้าที่นำข้อมูลเข้า Server เพื่อประมวลผลแล้วเอา Output ออกมา ถ้าเรากินแล้วไม่แบ่ง ข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลจะมีข้อผิดพลาดจนหากเอาไปใช้จริงจะเกิดปัญหา บางครั้งก็แค่เล็กน้อยแต่บางครั้งกลับร้ายแรงจนเกิดความเสียหายมหาศาล บางกรณีเห็นว่าถึงกับมีคนตายเลยทีเดียว” พี่แดงตอบ
“ส่วนเรื่องไม่เก็บอาหารกับเรื่องอาหารกระเด็นมาโดน ครั้งหนึ่ง ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว วันนั้นเป็นวันเกิดพี่ ทีมเลยสั่งอาหารมากินกันที่ออฟฟิศแล้วก็แบ่งส่วนหนึ่งไปวางไว้ตามปกติ แต่เราฉลองกันสนุกไปหน่อย กว่าจะรู้ตัวว่ามีอะไรผิดปกติก็ราว ๆ บ่ายสอง เป็นกลิ่นเหม็นเน่าและกลิ่นไหม้
ต้นตอมาจากกระทงอาหารที่เราแบ่งวางไว้หน้าห้อง Server ไม่รู้เพราะอะไรมันถึงเน่าได้ในไม่กี่ชั่วโมง ส่วนน้ำก็ทั้งขุ่นและดูข้นแปลก ๆ แล้วก็ไม่รู้ทำไมทั้งอาหาร กระทงและแก้วน้ำถึงมีรอยไหม้ แต่เราก็ได้รู้เหตุผลวันนั้นเองว่าทำไมไม่ถึงต้องเก็บไปก่อนหมดเวลาพักเที่ยง
จากนั้นพี่ก็ให้เด็กใหม่ที่พึ่งเข้าคนหนึ่งไปเก็บอาหารแล้วเอาไปให้ รปภ อุตส่าห์กำชับแล้วว่าอย่าให้กระเด็นโดนตัว แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะพลาดตรงไหนสักแห่งทำให้อาหารกระเด็นโดนแขนแล้วไม่ได้บอกใคร คงเพราะคิดว่าแค่สกปรก ไปล้างเสียก็จบ”
เล่าถึงตรงนี้ พี่ชัยก็ยกน้ำขึ้นดื่ม ส่วนพี่โยเหมือนผมสังเกตได้ว่าเค้ามองหน้าพี่ชัยด้วยสายตาเศร้า ๆ
“แค่คืนเดียว เด็กใหม่คนนั้นต้องขึ้นรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาลกลางดึก พี่เป็นเจ้าของไข้ หมอที่ตรวจคุยกับพี่ว่าอาการของน้อง หมายถึงเจ้าเด็กใหม่ที่ว่านั้นสาหัสแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ตัวร้อนไข้สูง เลือดเป็นพิษจากการติดเชื้อ ตามร่างกายมีรอยไหม้ที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนโดยเฉพาะที่แขนข้างที่พี่คิดว่าโดนอาหารกระเด็นใส่ ตั้งแต่กลางท่อนแขนลงมากลายเป็นสีเขียวไปเลย อย่างกับจะเน่า
หลังจากนั้นไม่นานก็มีรถพยาบาลมารับตัวเด็กใหม่ไปเพื่อย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลในสังกัดของบริษัท ต้องตัดแขนข้างที่ติดเชื้อออก แต่ก็ไม่ดีขึ้น แผลไฟไหม้ยังลามไปตามตัว อาการติดเชื้อก็ยิ่งแย่ลง
3 วันต่อมาสภาพของเด็กใหม่แทบจำไม่ได้ เหมือนคนโดนไฟไหม้ทั้งตัว อีก 2 วันต่อมาน้องชายพี่ก็ไปสบาย”
พี่ชัยเล่าต่อจนจบด้วยเสียงที่เศร้า ๆ
ผมกับสุดาไม่รู้จะพูดอะไร ได้แต่ก้มลงรีบ ๆ อ่านคู่มือต่อให้จบ
- - -