สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ตอนนี้เราเป็นแม่คน วัยเลขสามต้น อยู่ในวงการนิติ เวรละกลัวคนรู้จักเดาได้ว่าใครชะมัดเลย 555
ตอนเราม.ปลาย เราเป็นแชมป์ด้านกฎหมาย
กวาดรางวัลมาหลายเวที ได้ทุนการศึกษาระดับป ตรี แต่เราไม่รับทุนเพราะสอบติดมหาลัยดัง
ก็เลือกเรียนมหาลัยดัง พอเรียนจบสักพักก็ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ตอนนี้หน้าที่การงานมั่นคง
เอาล่ะแนะนำตัวยาวเกินไปแล้ว แต่คิดว่าในเมื่อยังไม่ค่อยมีคนมาตอบ จขกท
เราคิดว่าเรามีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงพอที่ จขกท ซึ่งเป็นคนมาขอความคิดเห็น ควรจะรับฟังความคิดของเราไว้บ้าง
1.คุณไม่อยากให้คนอื่นมาบอกว่าอย่าคาดหวังให้หลาน เพราะคุณคาดหวังไว้เยอะ สำหรับความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เป็นแม่คน มันรู้สึกเหมือนการลงทุนทางการเงินประเภทหนึ่ง แต่ที่จริงสิ่งที่คุณควรคิด คือการสงเคราะห์เด็ก สงเคราะห์ญาติบริวารในวงศ์ตระกูล คุณต้องมองว่ามันคือการให้ฟรี ไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่หวังผลลัพธ์ ไม่อย่างนั้นมันจะเครียดมาก ทั้งฝั่งคุณและฝั่งเด็กที่รับทุน
2.อย่าคาดหวังในตัวพ่อแม่เด็กด้วยเช่นกัน ถ้าคุณจะตัดสินใจลงเงิน คุณต้องซัพพอร์ตให้เพียงพอที่เด็กคนนี้เรียนต่อได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งพ่อแม่เด็กอีกเลย
3.นิติศาสตร์ เป็นคณะที่ใช้ต้นทุนในการเปิดสอนน้อยที่สุด ใช้ต้นทุนในการเรียนค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องรับผิดชอบจะไม่ได้มาก และเป็นคณะที่เลิกฮิตในไทยไปแล้ว หลานคุณฟังดูแล้วไม่ใช่เด็กระดับหัวกะทิแต่อย่างใด กรุณาอย่าคาดหวังให้มากนักว่าโตขึ้นแล้วจะประสบความสำเร็จ
เด็กนิติ ถ้าไม่ใช่ จุฬา ธรรมศาสตร์ เอแบค
ปัจจุบันจบ ป ตรีมา เหมือนเป็นฐานพีระมิดให้เพื่อนเหยียบขึ้นไป
อย่าว่าแต่เด็ก ม ไม่ดังเลย
ม ดังเองก็ยังดิ้นรน
อย่าดราม่านะ มันคือความจริง ประสบการณ์จริง
เจ็บจริง ดิ้นรนจริงไม่มีสตั้นไม่มีสแตนอิน
4.การเรียนปริญญาตรีไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะสายนิติ มันเป็นเพียงใบเบิกทางไปสู่การรับบททดสอบที่ยากกว่าเดิมเท่านั้น
นี่พูดรวมๆนะคะ
เพราะความจริงเป็นเช่นนี้ไม่ว่าคุณจะไปสาย law firm ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย สายธุรกิจ วิชาการ หรือสายราชการ ปริญญาตรีมันน้อยมากๆสำหรับสายนิติ แต่สิ่งที่ทำให้คนหนึ่งคนสำเร็จคือคุณจะเลือกวิ่งตามหาเงินไปทางไหน
ถ้าสายราชการ ที่ปังสุดก็คือผู้พิพากษาอัยการ ข้าราชการเกรดเอและองค์กรอื่นๆลดหลั่นกันลงมา
คุณก็ต้องสอบเนติ เรียน ป โท สอบให้ติด เก็บอายุงาน
สายธุรกิจ คุณก็ต้องเรียนต่อ มีความรู้ในสาขาที่ทำเงิน มีคอนเน็คชั่นในการหาลูกความ หานายจ้างที่จ่ายหนักๆ
คุณจะคาดหวังว่า ส่งเด็กเรียน ป ตรี นิติ จบมาแล้วเด็กจะต้องประสบความสำเร็จ ดูแลตัวเองได้ คุณก็หวังไปแล้วกันค่ะ
5.เค้าเป็นผู้สืบสันดานของคนอื่น ถ้าทำให้คุณผิดหวังคุณก็จะต้องทำใจว่าเค้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณ และคุณไม่ได้รักเค้ามากขนาดนั้นอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณรักเค้ามากพอ คุณจะไม่มีลังเลแต่แรก ดังนั้นอย่าดราม่า
6.บ้านคุณมีปมปัญหาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่เด็กแล้ว ถ้าเด็กคนนี้พลาดอะไรอีกจะต้องโดนมองแรง
ที่จริงเราไม่เก็ตตั้งแต่ให้ฝ่ายชายที่ทำผู้หญิงท้องหยุดเรียนแล้วค่ะ ฝ่ายชายควรต้องก้าวหน้ามากๆเพื่อเป็นเสาหลักไม่ใช่หรอ พอทางบ้านคุณมี mindset แบบนี้ ครอบครัวมันก็ไปต่อยาก เด็กคนนี้ก็ลำบาก
ตอนเราม.ปลาย เราเป็นแชมป์ด้านกฎหมาย
กวาดรางวัลมาหลายเวที ได้ทุนการศึกษาระดับป ตรี แต่เราไม่รับทุนเพราะสอบติดมหาลัยดัง
ก็เลือกเรียนมหาลัยดัง พอเรียนจบสักพักก็ได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ ตอนนี้หน้าที่การงานมั่นคง
เอาล่ะแนะนำตัวยาวเกินไปแล้ว แต่คิดว่าในเมื่อยังไม่ค่อยมีคนมาตอบ จขกท
เราคิดว่าเรามีคุณสมบัติเหมาะสมเพียงพอที่ จขกท ซึ่งเป็นคนมาขอความคิดเห็น ควรจะรับฟังความคิดของเราไว้บ้าง
1.คุณไม่อยากให้คนอื่นมาบอกว่าอย่าคาดหวังให้หลาน เพราะคุณคาดหวังไว้เยอะ สำหรับความรู้สึกของคนที่ไม่ได้เป็นแม่คน มันรู้สึกเหมือนการลงทุนทางการเงินประเภทหนึ่ง แต่ที่จริงสิ่งที่คุณควรคิด คือการสงเคราะห์เด็ก สงเคราะห์ญาติบริวารในวงศ์ตระกูล คุณต้องมองว่ามันคือการให้ฟรี ไม่หวังสิ่งตอบแทน ไม่หวังผลลัพธ์ ไม่อย่างนั้นมันจะเครียดมาก ทั้งฝั่งคุณและฝั่งเด็กที่รับทุน
2.อย่าคาดหวังในตัวพ่อแม่เด็กด้วยเช่นกัน ถ้าคุณจะตัดสินใจลงเงิน คุณต้องซัพพอร์ตให้เพียงพอที่เด็กคนนี้เรียนต่อได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งพ่อแม่เด็กอีกเลย
3.นิติศาสตร์ เป็นคณะที่ใช้ต้นทุนในการเปิดสอนน้อยที่สุด ใช้ต้นทุนในการเรียนค่อนข้างน้อยถึงน้อยที่สุด ค่าใช้จ่ายที่คุณต้องรับผิดชอบจะไม่ได้มาก และเป็นคณะที่เลิกฮิตในไทยไปแล้ว หลานคุณฟังดูแล้วไม่ใช่เด็กระดับหัวกะทิแต่อย่างใด กรุณาอย่าคาดหวังให้มากนักว่าโตขึ้นแล้วจะประสบความสำเร็จ
เด็กนิติ ถ้าไม่ใช่ จุฬา ธรรมศาสตร์ เอแบค
ปัจจุบันจบ ป ตรีมา เหมือนเป็นฐานพีระมิดให้เพื่อนเหยียบขึ้นไป
อย่าว่าแต่เด็ก ม ไม่ดังเลย
ม ดังเองก็ยังดิ้นรน
อย่าดราม่านะ มันคือความจริง ประสบการณ์จริง
เจ็บจริง ดิ้นรนจริงไม่มีสตั้นไม่มีสแตนอิน
4.การเรียนปริญญาตรีไม่ใช่ตัวชี้วัดความสำเร็จในชีวิต โดยเฉพาะสายนิติ มันเป็นเพียงใบเบิกทางไปสู่การรับบททดสอบที่ยากกว่าเดิมเท่านั้น
นี่พูดรวมๆนะคะ
เพราะความจริงเป็นเช่นนี้ไม่ว่าคุณจะไปสาย law firm ทนายความ ที่ปรึกษากฎหมาย สายธุรกิจ วิชาการ หรือสายราชการ ปริญญาตรีมันน้อยมากๆสำหรับสายนิติ แต่สิ่งที่ทำให้คนหนึ่งคนสำเร็จคือคุณจะเลือกวิ่งตามหาเงินไปทางไหน
ถ้าสายราชการ ที่ปังสุดก็คือผู้พิพากษาอัยการ ข้าราชการเกรดเอและองค์กรอื่นๆลดหลั่นกันลงมา
คุณก็ต้องสอบเนติ เรียน ป โท สอบให้ติด เก็บอายุงาน
สายธุรกิจ คุณก็ต้องเรียนต่อ มีความรู้ในสาขาที่ทำเงิน มีคอนเน็คชั่นในการหาลูกความ หานายจ้างที่จ่ายหนักๆ
คุณจะคาดหวังว่า ส่งเด็กเรียน ป ตรี นิติ จบมาแล้วเด็กจะต้องประสบความสำเร็จ ดูแลตัวเองได้ คุณก็หวังไปแล้วกันค่ะ
5.เค้าเป็นผู้สืบสันดานของคนอื่น ถ้าทำให้คุณผิดหวังคุณก็จะต้องทำใจว่าเค้าไม่ใช่ลูกแท้ๆของคุณ และคุณไม่ได้รักเค้ามากขนาดนั้นอยู่แล้ว เพราะถ้าคุณรักเค้ามากพอ คุณจะไม่มีลังเลแต่แรก ดังนั้นอย่าดราม่า
6.บ้านคุณมีปมปัญหาตั้งแต่รุ่นพ่อแม่เด็กแล้ว ถ้าเด็กคนนี้พลาดอะไรอีกจะต้องโดนมองแรง
ที่จริงเราไม่เก็ตตั้งแต่ให้ฝ่ายชายที่ทำผู้หญิงท้องหยุดเรียนแล้วค่ะ ฝ่ายชายควรต้องก้าวหน้ามากๆเพื่อเป็นเสาหลักไม่ใช่หรอ พอทางบ้านคุณมี mindset แบบนี้ ครอบครัวมันก็ไปต่อยาก เด็กคนนี้ก็ลำบาก
ความคิดเห็นที่ 78
เราขอขอบคุณทุกความเห็นค่ะ เราอ่านทุกข้อความ
อีกสองเดือนกว่าจะเปิดเทอม เรายังมีเวลาได้คิดค่ะ เทอมเเรกเราจ่ายค่าเทอมเเละค่าหอไปหมดเเล้ว ยังไงซะเด็กก็จะได้เรียนเทอมเเรก เราจะดูความประพฤติเเละเกรดเฉลี่ยเทอมต่อเทอม ถ้ารักดีก็เอา ออกนอกลูกนอกทางเมื่อไหร่ เราจะหยุด
ตั้งเเต่เด็กเกิดมา เราเคยเจอเเค่สองครั้ง ครั้งสุดท้ายตั้งเเต่เค้ายังอยู่อนุบาล เราไม่สนิท ไม่รู้จักนิสัยใจคอเด็ก เรารู้จากพี่เรา จากอาๆของเด็ก เรารู้ว่าเค้าเติบโตมากับตายาย ช่วยตายายขายของหลังเลิกเรียนมาตลอด เห็นว่าตายายก็ยากจน เข็นรถไปขายของที่ตลาด อยู่บ้านเอื้ออาทร ชีวิตเค้าลำบาก เเต่ที่เเน่ๆคือเด็กขยัน เค้าไม่ใช่เด็กขี้เกียจ
ถ้าเด็กรักดี เค้าจะรู้ว่าเราให้โอกาสเค้าได้มากเเค่ไหน เค้าอาจจะได้เรียนต่อไปในระดับเกินกว่าที่เค้าคาดหวัง หรือเค้าอาจจะได้มาเรียนต่อที่อเมริกา ซึ่งชีวิตเค้าจะไม่มีทางเหมือนเดิม ถ้าเค้ารักดี ชีวิตเค้าจะไม่ใช่เเค่ดี เเต่เค้าจะมีตัวตน เราไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เเต่เราจะเข้ามาอัพเดทเป็นระยะค่ะ
เราขอขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
อีกสองเดือนกว่าจะเปิดเทอม เรายังมีเวลาได้คิดค่ะ เทอมเเรกเราจ่ายค่าเทอมเเละค่าหอไปหมดเเล้ว ยังไงซะเด็กก็จะได้เรียนเทอมเเรก เราจะดูความประพฤติเเละเกรดเฉลี่ยเทอมต่อเทอม ถ้ารักดีก็เอา ออกนอกลูกนอกทางเมื่อไหร่ เราจะหยุด
ตั้งเเต่เด็กเกิดมา เราเคยเจอเเค่สองครั้ง ครั้งสุดท้ายตั้งเเต่เค้ายังอยู่อนุบาล เราไม่สนิท ไม่รู้จักนิสัยใจคอเด็ก เรารู้จากพี่เรา จากอาๆของเด็ก เรารู้ว่าเค้าเติบโตมากับตายาย ช่วยตายายขายของหลังเลิกเรียนมาตลอด เห็นว่าตายายก็ยากจน เข็นรถไปขายของที่ตลาด อยู่บ้านเอื้ออาทร ชีวิตเค้าลำบาก เเต่ที่เเน่ๆคือเด็กขยัน เค้าไม่ใช่เด็กขี้เกียจ
ถ้าเด็กรักดี เค้าจะรู้ว่าเราให้โอกาสเค้าได้มากเเค่ไหน เค้าอาจจะได้เรียนต่อไปในระดับเกินกว่าที่เค้าคาดหวัง หรือเค้าอาจจะได้มาเรียนต่อที่อเมริกา ซึ่งชีวิตเค้าจะไม่มีทางเหมือนเดิม ถ้าเค้ารักดี ชีวิตเค้าจะไม่ใช่เเค่ดี เเต่เค้าจะมีตัวตน เราไม่รู้หรอกว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง เเต่เราจะเข้ามาอัพเดทเป็นระยะค่ะ
เราขอขอบคุณทุกความเห็นอีกครั้งนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ
ความคิดเห็นที่ 61
อยากให้ส่งเสียเล่าเรียนจนจบค่ะ ถือว่า ช่วย"เด็กรักดี"คนนึง
"เด็กรักดี" คนนี้ อาจใช้กฎหมายและหัวใจ เปลี่ยนแปลงโลก และช่วยคนอื่นได้
เค้าอาจเป็นคนที่ Pay it Forward
----------------------
ปัญหาของตระกูลคุณ เริ่มตั้งแต่"รุ่นพ่อแม่คุณ"แล้ว
.. ลูกสาว2คน คนนึงต้องทำงานหนักในต่างแดน คนนึงท้องไม่พร้อม
... รุ่นถัดมา หลานชายที่เห็นตัวอย่างพ่อแม่ไม่เอาไหน ก็ทำหญิงท้องและเรียนไม่จบ
(ถ้าเมียสาว ก็มีพ่อแม่กำพืดแย่ยิ่งกว่า ... คิดได้ไง ให้ลูกเขยออกจากเรียน เมียสาวก็กากชัดเจน)
.... แต่เด็กสาววันนั้นน่าประหลาดใจ .. ทั้งที่ เติบโตแบบลูกฟุตบอล โดนเตะไปมา
พ่อแม่เลิกกัน เตะไปอยู่บ้านตายาย (บ้านคุณ=ปู่ย่าก็ไม่เอามาเลี้ยง) แม่กับพ่อเลี้ยง พ่อกับแม่เลี้ยง(แม่เลี้ยงคนที่เท่าไร)
เติบโตมากับกำพืดแบบนั้น ... ไม่มีใครเอา >>>> เด็กวัยนี้อาจท้องตั้งแต่13ปี แต่เธอไม่ท้อง
เด็กเรียนจบมัธยม สอบเข้านิติ มหาลัยดี (กล้าลำบากเรียน รด. ทั้งที่ไม่บังคับ) ลงมือกู้กยศ.ไว้ก่อนแล้ว
(คุณโตเป็นผู้ใหญ่วัยทองแล้ว คุณต้องแยกแยะและอย่ายึดติด ...
คุณเห็นแล้วว่า เด็กเค้าดิ้นรนมาก แตกต่างจากหลาน .. เด็กคนนี้ไม่ใช่หลานชายคนนั้น
เพราะเด็กโตมาแบบบัดซซซบกว่ามาก เค้าเลือกที่จะดีกว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายาย)
----------------------
โอ กาส เป็น สิ่ง ล้ำ ค่า กว่า ทอง คำ
ความ ช่วย เหลือ นี้ อาจ ทำ ให้ หญ้า กลาย เป็น ต้น โพธิ์ ได้
ความ รัก อาจ เยียว ยา ทุก สิ่ง .. และ ส่ง ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ กัน ได้
+++ PLEASE +++
"เด็กรักดี" คนนี้ อาจใช้กฎหมายและหัวใจ เปลี่ยนแปลงโลก และช่วยคนอื่นได้
เค้าอาจเป็นคนที่ Pay it Forward
----------------------
ปัญหาของตระกูลคุณ เริ่มตั้งแต่"รุ่นพ่อแม่คุณ"แล้ว
.. ลูกสาว2คน คนนึงต้องทำงานหนักในต่างแดน คนนึงท้องไม่พร้อม
... รุ่นถัดมา หลานชายที่เห็นตัวอย่างพ่อแม่ไม่เอาไหน ก็ทำหญิงท้องและเรียนไม่จบ
(ถ้าเมียสาว ก็มีพ่อแม่กำพืดแย่ยิ่งกว่า ... คิดได้ไง ให้ลูกเขยออกจากเรียน เมียสาวก็กากชัดเจน)
.... แต่เด็กสาววันนั้นน่าประหลาดใจ .. ทั้งที่ เติบโตแบบลูกฟุตบอล โดนเตะไปมา
พ่อแม่เลิกกัน เตะไปอยู่บ้านตายาย (บ้านคุณ=ปู่ย่าก็ไม่เอามาเลี้ยง) แม่กับพ่อเลี้ยง พ่อกับแม่เลี้ยง(แม่เลี้ยงคนที่เท่าไร)
เติบโตมากับกำพืดแบบนั้น ... ไม่มีใครเอา >>>> เด็กวัยนี้อาจท้องตั้งแต่13ปี แต่เธอไม่ท้อง
เด็กเรียนจบมัธยม สอบเข้านิติ มหาลัยดี (กล้าลำบากเรียน รด. ทั้งที่ไม่บังคับ) ลงมือกู้กยศ.ไว้ก่อนแล้ว
(คุณโตเป็นผู้ใหญ่วัยทองแล้ว คุณต้องแยกแยะและอย่ายึดติด ...
คุณเห็นแล้วว่า เด็กเค้าดิ้นรนมาก แตกต่างจากหลาน .. เด็กคนนี้ไม่ใช่หลานชายคนนั้น
เพราะเด็กโตมาแบบบัดซซซบกว่ามาก เค้าเลือกที่จะดีกว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายาย)
----------------------
โอ กาส เป็น สิ่ง ล้ำ ค่า กว่า ทอง คำ
ความ ช่วย เหลือ นี้ อาจ ทำ ให้ หญ้า กลาย เป็น ต้น โพธิ์ ได้
ความ รัก อาจ เยียว ยา ทุก สิ่ง .. และ ส่ง ต่อ ต่อ ต่อ ต่อ กัน ได้
+++ PLEASE +++
ความคิดเห็นที่ 3
ส่งค่ะ
อย่ามองว่า เป็นญาติ. มองว่าเป็นคนอื่น
มองที่ความใฝ่ดีของเด็ก.
สิ่งที่คุณให้. คือ โอกาส. เด็กรับรู้ได้
ตอนนี้เด็กเขารู้แล้ว ว่า พึ่งพาพ่อแม่ไม่ได้. เขาต้องขวนขวายเอง
คุณบอกประวัติ พ่อเด็ก ว่าพลาดยังไง. คุณเสียใจแค่ไหนให้เด็กรู้
เด็กไม่กล้านอกลู่นอกทางแน่. เพราะเด็กคือหลักฐานความผิดพลาดนั้น (แรงไปหน่อย แต่ชัดเจน)
อย่ามองว่า เป็นญาติ. มองว่าเป็นคนอื่น
มองที่ความใฝ่ดีของเด็ก.
สิ่งที่คุณให้. คือ โอกาส. เด็กรับรู้ได้
ตอนนี้เด็กเขารู้แล้ว ว่า พึ่งพาพ่อแม่ไม่ได้. เขาต้องขวนขวายเอง
คุณบอกประวัติ พ่อเด็ก ว่าพลาดยังไง. คุณเสียใจแค่ไหนให้เด็กรู้
เด็กไม่กล้านอกลู่นอกทางแน่. เพราะเด็กคือหลักฐานความผิดพลาดนั้น (แรงไปหน่อย แต่ชัดเจน)
แสดงความคิดเห็น
ส่งลูกคนอื่นเรียน สมควรมากเเค่ไหน
เรื่องมันมีอยู่ว่า หลายสิบปีก่อน เราส่งหลานเรียนมหาลัย ตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไรหรอก พี่สาวเรามันมีลูกไม่วางเเผน พอเด็กเกิดมาก็ไม่มีปัญญาส่งเสีย ด้วยความเวทนา เราเลยส่งเสียมาตั้งเเต่ประถมยันมหาลัย ขึ้นปีสาม หลานเราทำผู้หญิงท้อง พ่อเเม่เค้าเอาเรื่อง ให้ออกจากมหาลัยเพื่อรับผิดชอบ ตอนนั้นเราโกรธมาก บอกตรงๆว่าตั้งความหวังเอาไว้เยอะ ด้วยความที่เราทำงานหนักมาตลอดชีวิต เรารู้ว่าการที่ไม่มีวิชาความรู้ ชีวิตมันยากขนาดไหน เราคาดหวังมาตลอดว่าหลานจะต้องมีวิชาความรู้ ถ้าเค้ารักดี เราก็ตั้งใจว่าจะส่งไปเรื่อยๆ พอต้องมาหยุดเรียนกลางคันเเบบนี้ ใจเราสลายมาก เเต่ก็เก็บเงียบเอาไว้ เพราะพูดอะไรมากก็ไม่ได้
ก็ไม่รู้ว่าชาติที่เเล้ว เราไปทำเวรกรรมอะไรกับหลานไว้นักหนา ในวันนี้ เด็กที่เกิดมาในตอนนั้น เด็กคนที่เป็นเหตุที่ทำให้หลานเราต้องออกจากมหาลัย ปีนี้อายุ18 เพิ่งจะเรียนจบมอปลาย ซึ่งตั้งเเต่เกิดมา เค้าก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนักหรอก สรุปพ่อเเม่เค้าสุดท้ายเเล้วก็ไปกันไม่รอด เเยกทางกันตั้งเเต่เค้ายังเล็ก ตอนนั้นเค้าโตมากับตายาย พ่อเเม่ส่งเงินให้บ้าง ไม่ให้บ้าง พ่อเค้ามีเมียใหม่ ส่วนเเม่ก็มีผัวใหม่เเหละ เด็กเลยกลายเป็นส่วนเกินในชีวิตที่พ่อกับเเม่โยนให้กันไปมา
เมื่อไม่นานมานี้ พี่สาวเราซึ่งเป็นย่าของเด็กคนนี้ติดต่อมาหาเรา เล่าเรื่องราวให้เราฟัง ว่าสงสารหลานจับใจ ตัวเองก็อายุมากเเล้ว ลูกเต้าก็ไม่เคยส่งเสีย ยังทำงานเเละเจียดเงินบางส่วนส่งให้หลาน เพราะหลานมีเรื่องกับเเม่เลี้ยงจนไม่สามารถอาศัยอยู่บ้านพ่อได้อีก ซึ่งเรื่องเกิดตอนที่ไกล้จบมอปลายเต็มที พอเด็กมีเรื่องกับเเม่เลี้ยง พ่อก็ปกป้องไม่ได้ ้เด็กไม่มีที่ไป ต้องอาศัยนอนบ้านเพื่อนจนกว่าจะจบมอปลาย พี่เราเลยต้องกัดฟันส่งเสียเเทนพ่อเเม่มัน
ตอนที่พี่เราเล่าให้ฟัง เราบอกกับพี่เราไปว่า เราทำอะไรไม่ได้หรอก มันไม่ใช่เรื่องของเรา เค้าโตๆกันเเล้ว ให้เค้าจัดการชีวิตของตัวเอง พวกเราเเก่ๆกันเเล้ว ห่วงชีวิตวัยชราของตัวเองจะดีกว่า ลูกๆก็โตกันหมดเเล้ว เรื่องของหลานเป็นเรื่องของพ่อเเม่เค้า ไม่ใช่เรื่องของเรา เค้าต้องรับผิดชอบชีวิตของตัวเองให้ได้
จนเราได้คุยกับตัวเด็กเองเมื่อไม่นานมานี้ คุยกันถึงเรื่องผลการเรียน คุยกันถึงเรื่องมหาลัยที่เค้าสอบติด เด็กตั้งใจว่าจะกู้ยืมเพื่อการศึกษา เราไม่รู้หรอกว่า เงินที่จะกู้ยืม มันครอบคลุมค่าอะไรบ้าง นอกเหนือจากค่าเทอมค่าหอเเล้วจะรวมไปถึงค่ากินอยู่ด้วยหรือปล่าว (ตอนที่คุยกับกู้ไม่ได้ เราไม่รู้หรอกว่า เค้าทำเรื่องขอไปนานเเค่ไหนเเล้ว)
เด็กสอบติดนิติ สามารถเข้าเรียนที่มหาลัยที่จัดว่ามีชื่อเสียงได้ เกรดเฉลี่ยจัดว่าดี สอบเข้าได้ทั้งที่ยังไม่รู้ลยว่าจะเอาเงินที่ไหนเรียน เราดูผลการเรียนมอปลาย เราทึ่งที่เค้าเรียนวิชาทหารด้วย เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้ต้องมีความอดทนมากขนาดไหนถึงเลือกเรียนหลักสูตรวิชาทหาร เราตัดสินใจจ่ายค่าเทอมเเละค่าหอให้เด็กไปก่อนเเล้ว โดยยื่นข้อเสนอว่า ให้พ่อกับเเม่เค้าจ่ายค่ากินละกัน เราจ่ายค่าเรียนค่าอยู่ เเค่ค่ากินพ่อเเม่เค้าควรหารกันได้เเหละ
สดๆร้อนๆเลยเมื่อกี้เลย เราเพิ่งรู้ว่าทั้งพ่อเเละเเม่เค้าจะไม่ยอมจ่ายค่าอะไรทั้งนั้น ต่างฝ่ายต่างโยนให้กันไปมา ชั่วกันทั้งคู่ เห็นเเก่ตัว ตอนทำให้เค้าเกิดมาไม่คิด เราทั้งโกรธเเละเกลียดหลานตัวเอง รวมทั้งเเม่ของเด็กด้วย ใจนึงก็บอกกับตัวเองว่า มันไม่ใช่เรื่องของเรา เราควรอยู่เฉยๆ เเต่อีกใจก็บอกว่า เราเสียดายความรู้ของเด็กคนนี้มาก เราเชื่อว่า ถ้าเค้ารักดี ไม่ทำตัวเหลวเป๋วเหมือนพ่อเเม่เค้า เค้าจะต้องได้ดี เค้าจะเป็นทรัพยากรที่ดีของประเทศได้
ถามว่าเรามีเงินส่งไหม เราส่งได้นะ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยสำหรับเรา เเต่เราเเค่อยากให้พ่อเเม่เค้ารับผิดชอบบ้าง เเละลึกๆเราก็กลัวว่าเด็กคนนี้จะทำตัวเหลวเป๋วกลางคันเหมือนพ่อเเม่เค้า ถ้าต้องเสียความรู้สึกอีก เราคงต้องใจสลายกับการคาดหวังมาก
ไม่ต้องเเนะนำให้เราอย่าคาดหวัง ถ้าเราส่งเสียเราจะคาดหวังว่าเด็กจะต้องเรียนจบ เด็กจะต้องมีหน้าที่การงานที่ดี ไม่ต้องมาคืนเงินให้เรา ไม่ต้องมาเลี้ยงดูเรา เเค่เอาตัวเองให้รอดหลังเรียนจบ เเค่เติบโตมาเป็นทรัพยากรที่ดี ไม่ทำชั่ว ไม่คดโกง มีศักดิ์ศรีในตัวเอง
เเต่ถ้าเราปล่อยไป พ่อเเม่เค้ายังไม่สนใจ มันไม่ใช่เรื่องของเรา เด็กคนนี้อนาคตจะเป็นยังไง
เเนะนำเราทีค่ะ ตอนนี้อยู่ระหว่างชั่งใจอยู่ว่าจะเอายังไงดี จะส่งเสียดีไหม หรือจะปล่อยผ่าน เพราะมันไม่ใช่เรื่องของเรา ถ้าเป็นคุณ คุณจะตัดสินใจยังไง?
ขอเเท็กห้องไกลบ้านด้วย เพราะเชื่อว่าหลายคนที่อยู่ต่างประเทศ อาจจะเจอเรื่องราวที่คล้ายๆกับเรา