แม่แฟนชอบเอารองเท้าใส่ในบ้านเดินเข้าห้องน้ำเปียกๆ ออกมาย่ำพื้นในบ้าน บางครั้งใส่ออกนอกบ้านไปทิ้งขยะเดินกลับเข้ามาในบ้านอีก จนพื้นบ้านเหนียวสกปรกไปหมด ปลอกผลไม้ใส่จานทานเสร็จเอาจานไปคว่ำในตระกร้าไม่ยอมล้าง เราจะหยิบมาทานข้าวมาเจอแบบนี้ก็รู้สึกโกรธ ล่าสุดในตระกร้าคว่ำจานสะอาดเราเห็นจานเยอะจะเก็บเข้าตู้ เจอฝาครอบถ้วยอาหารใช้งานแล้วมีรอยเปื้อนแกงคว่ำอยู่อีก มองบนเลย เราซักผ้าเสาร์ - อาทิตย์ ถ้าไม่แห้งก็ตากถึงจันทร์ตอนเย็น แม่ว่างทุกวัน อังคาร-ศุกร์ ไม่ยอมซัก ต้องมาซักตากวันที่ราวไม่ว่าง แล้วแย่ที่สุดคือผ้าเราตากอยู่ รูดไปข้างๆ แล้วเอาผ้าตัวเองมาตากโดยไม่สนว่าผ้าเราแห้งไหม ล่าสุดเห็นว่าเค้ากำลังจะทำแบบเดิมกับตา เดินหอบผ้าเปียกออกมาพร้อมไม้แขวนในราวที่เราตากผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนอยู่ แทนที่จะเช็คก่อนผ้าเราแห้งไหม ไม่สนใจเลย ไม่เก็บผ้าหรือบอกเราให้เราเก็บผ้า วันอาทิตย์เราหยุดงานพอดีจะทำแบบเดิมอีกแล้ว เราเลยเดินไปกระชากผ้าเราออก พูดไปว่าทำไมต้องมาซักวันนี้ตะคอกไป เรื่องราวเลยเถิดเพราะไปส่องเฟสบุ๊คแม่แฟน โพสต์ด่าเราว่า "ตื่นแต่ตี 5 ลุกมาล้างจาน ซักผ้า โดนลูกสะใภ้ด่า ว่าไปแย่งที่ตากผ้ามัน ทั้งที่มันไม่ซัก เลยเอาผ้ามาตากประตูบ้าน รู้ไหมสิ่งที่กูชอบที่สุดคือ ถ้าแกล้งกู ด่ากู กูยิ่งอยู่นาน จะบอกให้มันตายไปเลยไง ซึ่งเราเห็นโมโหมาก ไปโพสต์โต้ตอบทันทีว่า "แม่โกหก ผ้าตากอยู่ ไม่เคยสนเลยว่าผ้าจะแห้งหรือไม่แห้ง แหวกผ้าคนอื่นตากของตัวเอง แล้วผ้าเปียกไปโดนผ้าที่กำลังจะแห้ง สมควรไหม อยู่บ้านทุกวันต้องมาซักเสาร์อาทิตย์ 5 วันทำไมไม่ซัก จานที่แม่ล้างจานแม่กินคนเดียว ไม่ได้มีของคนอื่นเลย อยู่บ้านแม่ไม่เคยต้องทำอะไรให้คนอื่น แค่ดูแลในส่วนของตัวเองเท่านั้น อย่าโกหกคนอื่น ชอบพูดไม่จริงแล้วให้คนอื่นเข้าใจผิดตลอด" ประเด็นแม่ตื่นเช้าเป็นปกติ เราตื่น 05.30 น.เตรียมตัวไปทำงานลงมาเจอแม่นอนเล่นโทรศัพท์ทุกวัน ไม่เคยต้องลุกมาทำอะไรแต่เช้า กับข้าวไม่ต้องทำซื้อกินทุกมื้อ เรายอมรับเราขี้จุกจิก ตัวแม่ป่วยเป็นเบาหวาน ความดัน วัดน้ำตาลล่าสุดคือ 3 ร้อยกว่า เราช่วยเตือนเรื่องกินยา เรื่องควบคุมอาหาร เพราะหมอแจ้งแฟนมาถ้าคนไข้ไม่ดูแลตัวเองจะทำให้ติดเตียงได้ ดูประวัติเก่าที่เคยรักษาจาก รพ.เก่าหมอเขียนมาเลยคนไข้ไม่ดูแลตัวเอง พอเตือน แม่ก็ชอบพูดถ้าห้ามแบบนี้ก็ตายไปเลยดีกว่า หาว่าจะเอากันให้ตาย ซึ่งความจริงมันไม่ใช่ อยากกินหมูกะทะเรากับแฟนจะพาไปกินที่เป็นชุดเพราะเราควบคุมการกินของแม่ได้ แม่ก็จะต้องกินแบบบุฟเฟต์ จะกินกุ้ง กินหมึกเป็นกิโลให้ได้ ทั้งที่หหมอหสั่งห้ามให้ลดไขมันด้วย พอห้ามก็โวยวาย แม่เป็นต้อกระจก ลอกต้อมาในวันนั้นกลับบ้านมาพักฟื้น ในใบแนะนำการดูแลตัวเองบอกไม่ให้อุ้มสุนัขอาจทำให้เกิดอันตราย เพราะกระจกตายังไม่ประสานถ้าเกิดน้องหมาดิ้นไปโดนตาก็เกิดอันตรายได้อ่านใบคำแนะนำจบปุ๊ป แม่ก็อุ้มปั๊ป ห้ามเล่นมือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน ลืมตามาปุ๊ป เล่นมือถือแล้ว เล่นติดต่อเป็นชั่วโมง เราเตือนก็หาว่าเราไปด่า วันดีคืนดี เอาถุงกับข้าวไปเวฟในไมโครเวฟ เราเตือนหลายครั้งไม่ฟัง แฟนเราเตือน น้องสาวเรามาเห็นก็เตือน จนพี่ชายแฟนมาพูดถึงหยุดทำ ชอบโยนอาหารสดให้น้องหมาที่พื้น พื้นบ้านมันสกปรกไปหมด น้องหมากินข้าวอิ่มแล้ว แม่กินไม่หมดก็ไปเอาตับที่แฟนตั้งใจซื้อมาคลุกอาหารเม็ดมื้อเย็นให้น้องหมากิน บอกแม่ทานไม่หมดก็ทิ้งไป แต่แม่ก็ยังดันทุรังคลุกให้น้องหมากินเยอะจนท้องเสีย แล้วก็ไม่ยอมรับผิด เค้าเป็นแบบนี้ตลอดเรื่องการตากผ้าเคยพูดหลายครั้ง เรื่องเอารองเท้าเปียกมาใส่ในบ้านเราก็เตือนหลายครั้ง เราคือคนทำความสะอาดบ้าน เราเหนื่อย เรารู้สึกเครียดมาก จนล่าสุดทะเลาะมีปากเสียงกันเรื่องที่ตากผ้า แม่ก็ยังไม่คิดว่าตัวเองทำผิด โทษว่าเราจับผิด หาเรื่องเค้า ทะเลาะแรงจนแฟนจับแยกบ้านพาแม่ไปอยู่อีกบ้านนึง เราควรทำยังไงดี ให้สลัดความโกรธที่มีต่อแม่ออกไป พฤติกรรมต่างๆที่เราเล่ามาเค้าไม่เคยยอมรับผิดเลย จริงๆมันมีเรื่องเยอะแยะกว่านี้ ณ ตอนนี้แม่ก็ยังไม่หยุดโพสต์แซะเราผ่านคำคมธรรมะ จนเรารู้สึกว่าโมโหกับความไม่รู้สึกผิดของเค้า แล้วยังพยายามทำให้เราเป็นคนเลวในสายตาคนอื่นอีก
ไม่ชอบแม่แฟน