คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
สมัยนี้แข่งขันเรื่องเรียนกันหนักมากจริงๆค่ะ เนื้อหาที่เรียนที่สอบก็ยากเกินวัยเด็กไปมาก
ได้ยินผปค คุยกันเรื่องการเรียนลูกแล้วกุมขมับเลย วิชาเดียวเรียน3ครู 3ที่ (พ่อแม่บางคนมานั่งอ่าน ทำโน้ตไว้ให้ลูกอีกแน่ะ )
ถ้ามองจากเด็กที่เห็นมา บ้านที่พ่อแม่พลังเยอะ ข้อมูลที่เรียนพิเศษแน่น ก็ไม่ใช่ว่าลูกจะเก่งทุกบ้านนะคะ บางบ้านพ่อแม่ดันเต็มสูบ แต่เก่งสู้เด็กที่พ่อแม่เรื่อยๆไม่ได้ก็มีค่ะ
ที่คุณแม่ต้องการสื่อ น่าจะเป็นว่า ลูกคุณแม่หัวดี ทั้งๆที่คุณแม่ไม่ได้support ลูกเรื่องเรียนพิเศษเท่าบ้านอื่น แต่พอถึงวัยเริ่มโต ต้องสอบสนามรร ดังๆ ต้องเจอกับเด็กอื่นที่หัวไม่ได้ดีขนาดลูกคุณแม่ แต่ที่บ้านsupport เรื่องเรียนพิเศษอย่างมาก ครั้นจะให้supportลูกแบบดูแบเรื่องการอ่านหนังสือ ที่บ้านไม่เป๋นใจ ให้ปล่อยๆ เลยรู้สึกเป็นกังวล กลัวลูกจะสอบแข่งขันสู้กับเด็กอื่นไม่ได้หรือเปล่าคะ
มองในอีกมุมมั้ยคะ ว่าลูกคุณแม่ได้มีเวลาทำอะไรที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข ไม่เครียด เทียบกับเพื่อนๆที่ต้องเรียนพิเศษ ท่องหนังสือแทบจะทุกวัน และลูกแม่ก็ไม่ได้เรียนแย่อะไร
เราเคยเจอพ่อกับลูกวัยประถมที่ร้านหนังสือ ยืนดูโจทย์เลข
พ่อถามลูกว่า ข้อนี้ตอบอะไร
ลูกนิ่งไปไม่ถึงนาทีก็ตอบคำตอบ
พ่อบอกเสียงเครียดว่า ตอบถูก แต่ตอบช้าไป ทำข้อใหม่
(มีเราอุทาน "คุณพระ!! อยู่ในใจ)
พ่อหน้าเครียดมาก ลูกก็หน้าตาเซ็งมาก
ไม่ว่าจะสมัยไหน จะแข่งกันเก่งขนาดไหน การมีความสุขตามความเหมาะสมในชีวิตสำคัญที่สุดค่ะ ขอให้คุณแม่ปรับสมดุลในการดูแลลูกให้ดี ถ้าลูกหัวดีอยู่แล้ว ฝึกให้เค้ามีความรับผิดชอบ ใฝ่ดี มีศีลธรรม ลูกคุณแม่ต้องได้ดีแน่นอนค่ะ
ได้ยินผปค คุยกันเรื่องการเรียนลูกแล้วกุมขมับเลย วิชาเดียวเรียน3ครู 3ที่ (พ่อแม่บางคนมานั่งอ่าน ทำโน้ตไว้ให้ลูกอีกแน่ะ )
ถ้ามองจากเด็กที่เห็นมา บ้านที่พ่อแม่พลังเยอะ ข้อมูลที่เรียนพิเศษแน่น ก็ไม่ใช่ว่าลูกจะเก่งทุกบ้านนะคะ บางบ้านพ่อแม่ดันเต็มสูบ แต่เก่งสู้เด็กที่พ่อแม่เรื่อยๆไม่ได้ก็มีค่ะ
ที่คุณแม่ต้องการสื่อ น่าจะเป็นว่า ลูกคุณแม่หัวดี ทั้งๆที่คุณแม่ไม่ได้support ลูกเรื่องเรียนพิเศษเท่าบ้านอื่น แต่พอถึงวัยเริ่มโต ต้องสอบสนามรร ดังๆ ต้องเจอกับเด็กอื่นที่หัวไม่ได้ดีขนาดลูกคุณแม่ แต่ที่บ้านsupport เรื่องเรียนพิเศษอย่างมาก ครั้นจะให้supportลูกแบบดูแบเรื่องการอ่านหนังสือ ที่บ้านไม่เป๋นใจ ให้ปล่อยๆ เลยรู้สึกเป็นกังวล กลัวลูกจะสอบแข่งขันสู้กับเด็กอื่นไม่ได้หรือเปล่าคะ
มองในอีกมุมมั้ยคะ ว่าลูกคุณแม่ได้มีเวลาทำอะไรที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข ไม่เครียด เทียบกับเพื่อนๆที่ต้องเรียนพิเศษ ท่องหนังสือแทบจะทุกวัน และลูกแม่ก็ไม่ได้เรียนแย่อะไร
เราเคยเจอพ่อกับลูกวัยประถมที่ร้านหนังสือ ยืนดูโจทย์เลข
พ่อถามลูกว่า ข้อนี้ตอบอะไร
ลูกนิ่งไปไม่ถึงนาทีก็ตอบคำตอบ
พ่อบอกเสียงเครียดว่า ตอบถูก แต่ตอบช้าไป ทำข้อใหม่
(มีเราอุทาน "คุณพระ!! อยู่ในใจ)
พ่อหน้าเครียดมาก ลูกก็หน้าตาเซ็งมาก
ไม่ว่าจะสมัยไหน จะแข่งกันเก่งขนาดไหน การมีความสุขตามความเหมาะสมในชีวิตสำคัญที่สุดค่ะ ขอให้คุณแม่ปรับสมดุลในการดูแลลูกให้ดี ถ้าลูกหัวดีอยู่แล้ว ฝึกให้เค้ามีความรับผิดชอบ ใฝ่ดี มีศีลธรรม ลูกคุณแม่ต้องได้ดีแน่นอนค่ะ
แสดงความคิดเห็น
หมดยุค เด็กหัวดี อยู่วัด แล้วสอบทุนเข้า รร.ดีๆได้ แล้วละมั้งสมัยนี้
เนื่องด้วย เพื่อนๆ มีลูกรุ่นๆเดียวกัน เค้าก็จะสายติว สายเรียนพิเศษ หาติว หาคอร์สเรียน ยามเย็น ยามปิดเทอม ยามเสาร์-อาทิตย์ ก็ว่าไป
คุยกันเรื่องเรียนลูกๆ เพื่อนๆคง เสียดายศักยภาพลูกเรา (ลูกหัวดี แต่แม่ไม่ค่อยมีตังค์ เลยไม่ได้ให้เรียนพิเศษใดๆ)
เราก็หาข้อสอบ หาอะไร สอนๆ เองได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ปล่อยๆเค้าเรียนของเค้าไป ก็สอบได้ดี จนอาจมีคนหมั่นไส้ เพราะไม่ได้เรียนพิเศษอะไร ทำไมยังสอบได้ที่ 1
แต่เราก็มีสนใจอยากให้ลูกลองสอบทุนฟรี แต่เพื่อนๆทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า เด็กสมัยนี้ถ้าไม่ติว ไม่เรียนพิเศษ เอาแค่ที่ รร.สอนนะ ไปสอบชิงทุนพวกนี้ไม่ได้หรอก เราก็คิดว่าอย่างนั้นแหละ เห็นเนื้อหาข้อสอบแล้วยากจัง แบบบางที สงสัย เรียนล่วงหน้า เกินจากตำรา ที่ใช้เรียนในห้องไปเยอะมาก
ให้เราสอนเอง ก็ไม่สามารถ อย่างน้อยพวกติวเตอร์ เค้าก็มีเทคนิค การทำข้อสอบ เทคนิคการจำ การท่อง การคิด ฯลฯ ที่เพื่อนๆ เราบอก ซึ่งเราก็เห็นด้วยแหละ ใจอยากให้ลูกเรียนนะ แต่ติด ปห.การเงิน หาข้อสอบมาให้ทำ ติดปัญหาเราก็สอนไม่ได้ พอไม่เข้าใจ เค้าก็พาลขี้เกียจทำ ให้ไปถามครู ที่ รร. เค้าก็ไม่กล้าจะถาม สรุปแล้ว โดนคนที่บ้านที่สายชิว บ่น คนจะเรียนปล่อยเรียนไป เค้าอยากเรียนอยากเข้าอะไร ปล่อย แต่เรามองว่า เด็กๆนะ ส่วนใหญ่ถ้า พ่อแม่
ไม่ชี้แนะ ชี้นำ เค้าจะคิดเองเป็นที่ไหน ไม่มีหรอก ส่วนใหญ่ ก็พ่อ แม่ ผลักดันทั้งนั้น ต้องรอไปจนโต เข้า มหาลัย ค่อยมาไฟล์ท มันจะทันเหรอ
สงสัยอยู่ว่า การศึกษาบ้านเรานี่ เรียนอีกอย่าง ออกสอบ อีกอย่างหรืออย่างไรกัน ทำไมไม่สอนเหมือนที่จะให้เด็กไปสอบ พวก รร.มีชื่อดังๆทั้งหลาย ข้อสอบยากมากกกกกก ยากเกินเนื้อที่ ที่ เรียนๆ กันจริงๆ อย่างแค่จะสอบเข้า ม.1 ถ้า พวก รร.จุฬาภรณ์ ฯ สาธิตฯ สามเสน สวนกุหลาบ ฯลฯ ดังๆ ทั้งหลาย
เด็กต้องติวกันตั้งแต่ ป.4 ถึงไม่เหนื่อยมาก เก็บเนื้อหามาเรื่อยๆ แต่ก็แลกกับการที่พ่อแม่ต้องจ่าย ค่าเรียนพิเศษ ยาวๆ ไปเลย เกือบ 3 ปี
คำนวณดู คชจ พอๆ กับค่าเทอมที่เข้าเรียนฟรีเลยมั้ง
แต่ถ้าเด็กหัวดีหน่อย อาจจะติวสักแค่ ปีเดียว แต่พวกติวเข้าพวกนี้ เค้าก็มีเงื่อนไขการรับ เข้าเรียนเหมือนกัน ออกแนว การันตี ติด 100% ก็รับอย่างช้า คือ ป.5 ติว 1 ปี ก็จ่ายเกือบแสนเหมือนกัน เลยรู้สึกว่า เอาจริงๆ รร.ทุน เพื่อให้เรียนฟรี พวกนี้ ก็มีแต่ลูกคนมีฐานะ หรือกลางๆ พอจ่ายได้
ก็ไม่แปลกใจ ทำไม พอลูกๆเรียนจบ มีงานทำ ต้องให้เงิน พ่อแม่ เพื่อใช้หนี้การศึกษากัน มีน้อยบ้านมากๆ ที่ ไม่ต้องให้เงิน พ่อแม่ ได้มีชีวิตของตัวเอง
มันก็วนลูปไปอยู่อย่างนี้ เมื่อไหร่ การศึกษาไทย จะพัฒนา เหมือนที่ รัฐบาล บินไปดูงาน การศึกษา ตปท. บ้าง ไม่ใช่บินไปดูงาน 2 วันเที่ยว 5 วัน เอาครอบครัวตัวเองไปด้วย แต่ใช้เงินหลวง
ติวเตอร์ รวย ช่วยไม่ได้ พอดี มันก็อาชีพ ทำมาหากินอะนะ ใครพร้อมจ่าย ก็จ่ายกันไป แค่เห็นใจเด็กๆ ทั้งพวกที่ไม่ได้อยากเรียน แต่ก็โดนบังคับเรียน
ทั้งที่อยากเรียน แต่ก็ไม่ได้เรียน นานาจิตตัง แค่มาบ่นแหละ ว่าบ้านไหน คิดเหมือนกันบ้างมั้ย เป็นเด็กสมัยนี้ มันเหนื่อยจัง เรียนอะไรเยอะแยะ 555