หวัดดีทุกคนเราอยากเล่เรื่องราวของเราที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นได้ เมื่อ5-6ปีที่แล้วพ่อของเราได้เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัว หลังจากเสร็จจากงานศพพ่อเราและแม่ก็ต้องย้ายมาอยู่ที่บ้านแม่ เพราะที่ที่เราอยู่มันเปลี่ยว เราและแม่จึงจำเป็นต้องย้ายมาอยู่บ้านแม่ แต่เรื่องร้ายมันยังไม่จบเพราะพี่ชายบุญธรรมของเราดันถูกรถชน หลังจากพ่อเราเสียได้ประมาณ3เดือน และช่วงนั้นเรายังเรียนอยู่ม.2จะขึ้นม.3เราจึงจำเป็นต้องไปอยู่กับลุงน้องของพ่อ แต่ลุงดันมาเสียหลังจากพี่เราเสียได้ปีกว่า เราจึงต้องอยู่กับน้าสไภ้จนจบม.3 และสิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าก็คือหลังจากที่ลุงเราเสีย ญาติฝั่งพ่อเริ่มทะเลอะกันเรื่องที่ดิน ญาติพี่น้องฝั่งพ่อเหลือกันแค่4คน แต่เป็นผู้หญิงทั้งหมด พวกเค้าคิดจะฟ้องเรากับแม่ พวกเค้าบอกว่าเราไม่มีสิทธิ์ในที่ของพ่อแม่เค้า อยู่ดีๆก็มีสัญญาซื้อขายขึ้นมาว่าพ่อของเราได้ในส่วนของพ่อแต่พ่อได้ขายให้กับลุงของเราไปแล้ว แต่แม่ของเราทั้งที่เป็นภรรยาตามกฎหมายกลับไม่รู้เรื่องสัญญานี้เลย พวกเค้าจ้างทนายมาไกล่เกลี่ยเรื่องที่ดินบีบบังคับให้แม่เราเซ็นว่าแม่เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวเรื่องที่ดินนี้ แม่เราจำใจต้องเซ็นให้พวกเค้า เพราะตอนนั้นเราและแม่ไม่มีทุนทรัพย์ เราก็ต้องเรียนอยู่ จึงไม่สามารถตอบโต้จะหาทนายมาฟ้องกลับได้ สุดท้ายเราและแม่ก็ไม่ได้อะไรเลย แต่เราและแม่ก็ยังโชคดีที่พ่อยังทิ้งโฉนดที่ดินที่เป็นชื่อพ่อไว้อยู่ เราและแม่จึงตัดสินใจจะขายเพื่อ นำมาสร้างบ้านที่บ้านของแม่ แต่มันก็ไม่ง่ายเพราะมันเป็นบ่อปลาจึงขายยาก และที่ดินตรงกันอยู่ระหว่างกลางกับบ้านของน้าสะไภ้เรา และเค้าก็อยากได้แต่กดราคาที่ดินต่ำจนเราไม่กล้าขาย พอมีคนเสนอราคาที่สูงกว่าเค้าก็บอกกับเราว่าขายให้เค้าเถอะเค้าอยากให้เป็นที่ดินผืนเดียวกัน เรายอมเออออไปแต่พลัดวันไปเรื่อยๆ จนเรากับแม่ทนไม่ไหวจึงตัดสินขายให้กับคนอื่น และเรากับแม่เป็นฝ่ายผิดที่ขายที่ดินผืนนั้นไป แต่พอขายที่ดินผืนนั้นไปมันยังมีปัญหาอยู่เพราะที่เป็นชื่อพ่อเราจึงไปเปลี่ยนชื่อเรา แต่เราอายุยังไม่ถึง20ปีแต่เรากับแม่โครตโชคดีที่คนที่ซื้อที่ดินเค้าจ้างทนายดำเนินการเองทั้งหมดการขึ้นศาลอะไรต่างๆเค้าเป็นคนจ่ายให้ทั้งหมด เรากับแม่จึงได้เงินก้อนนี้มาสร้างบ้านเกือบทั้งหมดแต่ก็เหลือใช้ต่ายภายในบ้าน และช่วงนั้นเราก็กำลังเรียนม.ปลายต้องใช้เงินเยอะและเงินก้อนนั้นก็หมดก่อนเราจบม.6แต่เรายังโชคดีที่ญาติทางฝั่งแม่ช่วยให้เราได้เรียจนจบม.6พอจบม.6เราก็พยายามหางานทำแต่ก็ยังหางานเป็นหลักแหล่งยังไม่ได้และช่วงกลางปีที่แล้วเราก็ได้รับจดหมายว่าแม่เราติดหนี้ แต่หนี้ก้อนนี้แม่เราถูกหลอกให้เซ็นเพราะแม่เราอ่านหนังสือไม่ออก และมีผู้เสียหายมากกว่าสิบคนที่โดนแบบแม่เรา และคนที่เป็นคนทำก็เป็นคนรู้จักนี่แหละตอนนั้นมันก็เป็นแค่จดหมายเตือน แต่เมื่อมกราคมที่ผ่านมาแม่เราก็โดนหมายศาลเรียกให้ไปไกล่เกลี่ย และสุดท้ายแม่เราก็ต้องเซ็นรับสภาพหนี้ และถ้าไม่จ่ายก็โดนยึดของมีค่า และตอนนี้แม่เราเป็นมะเร็งเต้านมระยะที่2ตรวจเจอเมื่อปีที่แล้วและตอนนี้กำลังรับเคมีบำบัด8เข็มและฉายแสงหลังรับเคมีบำบัดตอนนี้ได้รับยาไป3เข็มแล้วก็มีผลข้างเคียงจากการรับเคมีบำบัด และเราตอนนี้ก็ตกงานมาได้ปีกว่าๆแล้วเพราะต้องไปส่งแม่ไปรพ.เราเป็นคนเดียวจึงกลายเสาหลักของบ้าน จริงๆเราอยากทำงานใหเป็นหลักแหล่งแต่เราก็เป็นห่วงแม่ และสุขภาพจิตของเราแย่มากๆ5-6ปีที่ผ่านมาเราเจอมาเยอะจริงๆ เราถามตัวเองเสมอว่าเราอายุแค่นี้ทำไม่ต้องมาเจอแต่เรื่องอะไรแบบนี้ด้วย สำหรับใครที่อ่านจนจบ เราอาจจะเขียนงงๆหน่อยแต่เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงและเกิดขึ้นกับเรามาตลอด5-6ปีที่ผ่านมา ขอบคุณที่เข้ามารับฟังเรื่องราวของเรานะ
อยากเล่าประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมาในวัย19