"พิธา"โพสต์ลงพื้นที่ดูไฟป่า 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น
https://siamrath.co.th/n/521998
"พิธา"โพสต์ลงพื้นที่ดูไฟป่า 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น
วันที่ 17 มี.ค.67 นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ต้องขอขอบคุณ พี่หนูหริ่ง - สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และทุกๆท่านจากมูลนิธิกระจกเงาที่พาผม และทีมงาน ไปดูปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งปฎิบัติงานในสถานการณ์จริง และถ่ายทอดประสบการณ์ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของไฟป่า และ PM 2.5 ให้ผมได้ซึมซับ นำกลับไปใช้ อภิปรายในสภาได้
พอได้อยู่หน้างานจึงได้เข้าใจอะไรที่มากขึ้น ที่ได้นั่งฟังจากอธิบดี หน่วยงานต่างๆว่า ทำไม่ได้ อันตรายแค่ไหน? ร้อนแค่ไหน? เดินสูงแค่ไหน? เทคโนโลยีเพิ่มความแม่นยำ ประสิทธิภาพ ลดเวลาหน้างานได้อย่างไร?
ขอขอบคุณเจ้าหน้าป่าไม้ และเหยี่ยวไฟ ข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกท่านที่ทำงานอย่างหนัก ทั้งๆ ที่ค่าตอบแทนน้อย อุปกรณ์น้อย แต่มีความเสี่ยงสูงมากครับ
#พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #ก้าวไกล #ไฟป่า #เชียงใหม่ #มูลนิธิกระจกเงา #ป่าไม้
https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid0Yp6pGKwUyt9YYoyQVzPJWtB81LxnfRawnb2R5XecCkQ53oYRg2EKCMT7stnewfE7l
อมรัตน์ โพสต์เดือด หลัง ‘ทักษิณ’ ขอคนเห็นต่าง ต่างคนต่างอยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4476408
อมรัตน์ โพสต์เดือด หลัง ‘ทักษิณ’ ขอคนเห็นต่าง ต่างคนต่างอยู่
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นาง
อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กให้ความเห็นกรณีนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าใครที่ไม่ชอบหน้า ขอให้ต่างคนต่างอยู่
โดยโพสต์แรก นาง
อมรัตน์ได้แชร์ข่าวพร้อมระบุว่า
ดีลของคุณมันเห็นแก่ตัวเกินไป เมื่อเลือกที่จะเห็นแก่ได้จนกระทบความรู้สึกผู้คนทั้งสังคม
ต่อมาได้โพสต์คลิปและข้อความอีกว่า
เป็นคน “มาสว่างไปมืด” ไปเสียแล้ว ก็ควรน้อมรับเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์ แหงนหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน
และโพสต์สุดท้ายเป็นข้อความ ว่า
ลากประเทศถอยหลังเสร็จบอกขอความเห็นใจให้ต่างคนต่างอยู่
https://twitter.com/AmaratJeab/status/1768949618451325434
https://twitter.com/AmaratJeab/status/1769014924926484769
KKP เตือน สินค้าจีนตีตลาด ปัญหาใหญ่ภาคการผลิตและส่งออกไทย
https://www.thansettakij.com/business/economy/591054
KKP เตือน สินค้าจีนตีตลาด พบไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ จีนใช้ไทยใช้เป็นช่องทางในการส่งออก (Re-routing) แทน
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินประเด็นเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้ธุรกิจในจีนต้องปรับตัวเพื่อระบายสินค้าและอุปทานส่วนเกิน ซึ่งจะเกิดผลกระทบ 3 ด้านหลักต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่
1. ภาคการผลิตไทยจะได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง
จากข้อมูลการนำเข้าในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การนำเข้าสินค้าจากจีน ทั้งในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เหล็ก รถยนต์โดยเฉพาะรถไฟฟ้า EV เฟอร์นิเจอร์ กระดาษ ยางรถยนต์ กำลังเข้ามาตีตลาดไทยอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งจากการทุ่มตลาดของจีนที่ทำให้สินค้าไทยแข่งด้านราคาได้ยาก ทำให้ไทยขาดดุลทางการค้ากับจีนในสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สอดคล้องกับดัชนีภาคการผลิตในหมวดสินค้าเหล่านี้ที่มีแนวโน้มหดตัวค่อนข้างเร็วอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะในหมวดคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการผลิตเหล็ก ซึ่งหากผู้ประกอบการไทยยังคงสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับจีนเช่นนี้ต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การปิดโรงงานและการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้
2. มูลค่าเพิ่มจากการส่งออกไทยจะลดลง
เมื่อสหรัฐฯ ลดการนำเข้าสินค้าโดยตรงจากจีนภายใต้การกีดกันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น หนึ่งในวิธีการปรับตัวของผู้ประกอบการจีน คือ การโยกย้ายการลงทุนไปยังประเทศอื่น เพื่อใช้เป็นช่องทางในการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ (Re-routing)
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การส่งออกแผงโซล่าเซลล์ (Solar PV) ของไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไทยอาจเป็นเพียงแค่ทางผ่านของแผงโซลาเซลล์
จากจีนไปยังตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น เพราะจำนวนแผงโซลาเซลล์ที่ไทยนำเข้าสะสมจากจีนตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นมา มีค่าใกล้เคียงมากกับจำนวนแผงโซล่าเซลล์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ
ประเด็นนี้สะท้อนว่าการส่งออกสินค้าในบางประเภทที่ถูก re-routing จากจีน อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจไทยน้อยมาก ซึ่งหากแนวโน้มเช่นนี้มีสัดส่วนที่มากขึ้นจะทำให้มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยไม่เพิ่มขึ้นแม้การส่งออกจะยังเติบโตได้
3. จีนเข้ามาทำธุรกิจในอาเซียนโดยตรงมากขึ้น
เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ นอกจากการระบายสินค้าส่วนเกินมาเพื่อทุ่มตลาดและเพื่อ re-routing ไปยังตลาดในประเทศเศรษฐกิจหลักแล้ว อีกหนึ่งกระแสที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น คือ การที่นักธุรกิจจีนโยกย้ายการลงทุนออกจากจีน เพื่อเข้ามาเจาะตลาดในประเทศอาเซียนโดยตรง จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาต่อเนื่องและความต้องการในการกระจายสินทรัพย์ออกจากประเทศจีน
นอกจากจะเห็นการเข้ามาของธุรกิจจีนในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในไทยอย่างก้าวกระโดดแล้ว ยังรวมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจในภาคบริการอื่น ๆ ด้วย โดยในปัจจุบันการลงทุนโดยตรง (FDI) จากจีนเร่งตัวขึ้นจนเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2022 แซงหน้าญี่ปุ่นที่เคยเป็นแหล่งเงินลงทุนโดยตรงรายใหญ่ในไทย ในแง่หนึ่ง การลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นผลดีต่อการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แต่ก็จะทำให้ธุรกิจไทยต้องเร่งปรับตัวรับการแข่งขันในตลาดในประเทศที่จะดุเดือดขึ้นจากธุรกิจจีนที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนและจากช่องทางสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ
JJNY : "พิธา"โพสต์ 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น│อมรัตน์โพสต์เดือด│KKPเตือน สินค้าจีนตีตลาด│รัสเซียเริ่มเลือกตั้งปธน.วันสุดท้าย
https://siamrath.co.th/n/521998
"พิธา"โพสต์ลงพื้นที่ดูไฟป่า 10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น
วันที่ 17 มี.ค.67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
10 ปากว่าไม่เท่าตาเห็น
ต้องขอขอบคุณ พี่หนูหริ่ง - สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด และทุกๆท่านจากมูลนิธิกระจกเงาที่พาผม และทีมงาน ไปดูปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งปฎิบัติงานในสถานการณ์จริง และถ่ายทอดประสบการณ์ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของไฟป่า และ PM 2.5 ให้ผมได้ซึมซับ นำกลับไปใช้ อภิปรายในสภาได้
พอได้อยู่หน้างานจึงได้เข้าใจอะไรที่มากขึ้น ที่ได้นั่งฟังจากอธิบดี หน่วยงานต่างๆว่า ทำไม่ได้ อันตรายแค่ไหน? ร้อนแค่ไหน? เดินสูงแค่ไหน? เทคโนโลยีเพิ่มความแม่นยำ ประสิทธิภาพ ลดเวลาหน้างานได้อย่างไร?
ขอขอบคุณเจ้าหน้าป่าไม้ และเหยี่ยวไฟ ข้าราชการ พนักงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกท่านที่ทำงานอย่างหนัก ทั้งๆ ที่ค่าตอบแทนน้อย อุปกรณ์น้อย แต่มีความเสี่ยงสูงมากครับ
#พิธาลิ้มเจริญรัตน์ #ก้าวไกล #ไฟป่า #เชียงใหม่ #มูลนิธิกระจกเงา #ป่าไม้
https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid0Yp6pGKwUyt9YYoyQVzPJWtB81LxnfRawnb2R5XecCkQ53oYRg2EKCMT7stnewfE7l
อมรัตน์ โพสต์เดือด หลัง ‘ทักษิณ’ ขอคนเห็นต่าง ต่างคนต่างอยู่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4476408
อมรัตน์ โพสต์เดือด หลัง ‘ทักษิณ’ ขอคนเห็นต่าง ต่างคนต่างอยู่
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กให้ความเห็นกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่าใครที่ไม่ชอบหน้า ขอให้ต่างคนต่างอยู่
โดยโพสต์แรก นางอมรัตน์ได้แชร์ข่าวพร้อมระบุว่า ดีลของคุณมันเห็นแก่ตัวเกินไป เมื่อเลือกที่จะเห็นแก่ได้จนกระทบความรู้สึกผู้คนทั้งสังคม
ต่อมาได้โพสต์คลิปและข้อความอีกว่า เป็นคน “มาสว่างไปมืด” ไปเสียแล้ว ก็ควรน้อมรับเสียงก่นด่าวิพากษ์วิจารณ์ แหงนหน้าก็อายฟ้า ก้มหน้าก็อายดิน
และโพสต์สุดท้ายเป็นข้อความ ว่า ลากประเทศถอยหลังเสร็จบอกขอความเห็นใจให้ต่างคนต่างอยู่
https://twitter.com/AmaratJeab/status/1768949618451325434
https://twitter.com/AmaratJeab/status/1769014924926484769
KKP เตือน สินค้าจีนตีตลาด ปัญหาใหญ่ภาคการผลิตและส่งออกไทย
https://www.thansettakij.com/business/economy/591054
KKP เตือน สินค้าจีนตีตลาด พบไทยนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น เป็นผลจากการกีดกันทางการค้าจากสหรัฐฯ จีนใช้ไทยใช้เป็นช่องทางในการส่งออก (Re-routing) แทน
KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร ประเมินประเด็นเชิงโครงสร้างในเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีนจะส่งผลให้ธุรกิจในจีนต้องปรับตัวเพื่อระบายสินค้าและอุปทานส่วนเกิน ซึ่งจะเกิดผลกระทบ 3 ด้านหลักต่อเศรษฐกิจไทย ได้แก่
1. ภาคการผลิตไทยจะได้รับแรงกดดันต่อเนื่อง
จากข้อมูลการนำเข้าในช่วงที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า การนำเข้าสินค้าจากจีน ทั้งในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ เหล็ก รถยนต์โดยเฉพาะรถไฟฟ้า EV เฟอร์นิเจอร์ กระดาษ ยางรถยนต์ กำลังเข้ามาตีตลาดไทยอย่างรวดเร็ว ส่วนหนึ่งจากการทุ่มตลาดของจีนที่ทำให้สินค้าไทยแข่งด้านราคาได้ยาก ทำให้ไทยขาดดุลทางการค้ากับจีนในสินค้ากลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
สอดคล้องกับดัชนีภาคการผลิตในหมวดสินค้าเหล่านี้ที่มีแนวโน้มหดตัวค่อนข้างเร็วอย่างน่าใจหาย โดยเฉพาะในหมวดคอมพิวเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงการผลิตเหล็ก ซึ่งหากผู้ประกอบการไทยยังคงสูญเสียความสามารถในการแข่งขันให้กับจีนเช่นนี้ต่อเนื่อง อาจนำไปสู่การปิดโรงงานและการเลิกจ้างในอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้
2. มูลค่าเพิ่มจากการส่งออกไทยจะลดลง
เมื่อสหรัฐฯ ลดการนำเข้าสินค้าโดยตรงจากจีนภายใต้การกีดกันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น หนึ่งในวิธีการปรับตัวของผู้ประกอบการจีน คือ การโยกย้ายการลงทุนไปยังประเทศอื่น เพื่อใช้เป็นช่องทางในการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ (Re-routing)
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การส่งออกแผงโซล่าเซลล์ (Solar PV) ของไทยที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งไทยอาจเป็นเพียงแค่ทางผ่านของแผงโซลาเซลล์
จากจีนไปยังตลาดสหรัฐฯ เท่านั้น เพราะจำนวนแผงโซลาเซลล์ที่ไทยนำเข้าสะสมจากจีนตั้งแต่ต้นปี 2022 เป็นต้นมา มีค่าใกล้เคียงมากกับจำนวนแผงโซล่าเซลล์ที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ
ประเด็นนี้สะท้อนว่าการส่งออกสินค้าในบางประเภทที่ถูก re-routing จากจีน อาจสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่เศรษฐกิจไทยน้อยมาก ซึ่งหากแนวโน้มเช่นนี้มีสัดส่วนที่มากขึ้นจะทำให้มูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจสำหรับประเทศไทยไม่เพิ่มขึ้นแม้การส่งออกจะยังเติบโตได้
3. จีนเข้ามาทำธุรกิจในอาเซียนโดยตรงมากขึ้น
เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ นอกจากการระบายสินค้าส่วนเกินมาเพื่อทุ่มตลาดและเพื่อ re-routing ไปยังตลาดในประเทศเศรษฐกิจหลักแล้ว อีกหนึ่งกระแสที่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น คือ การที่นักธุรกิจจีนโยกย้ายการลงทุนออกจากจีน เพื่อเข้ามาเจาะตลาดในประเทศอาเซียนโดยตรง จากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ซบเซาต่อเนื่องและความต้องการในการกระจายสินทรัพย์ออกจากประเทศจีน
นอกจากจะเห็นการเข้ามาของธุรกิจจีนในกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตที่เข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นในไทยอย่างก้าวกระโดดแล้ว ยังรวมไปถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจในภาคบริการอื่น ๆ ด้วย โดยในปัจจุบันการลงทุนโดยตรง (FDI) จากจีนเร่งตัวขึ้นจนเป็นอันดับหนึ่งตั้งแต่ปี 2022 แซงหน้าญี่ปุ่นที่เคยเป็นแหล่งเงินลงทุนโดยตรงรายใหญ่ในไทย ในแง่หนึ่ง การลงทุนที่เพิ่มขึ้นนี้อาจเป็นผลดีต่อการกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจไทย แต่ก็จะทำให้ธุรกิจไทยต้องเร่งปรับตัวรับการแข่งขันในตลาดในประเทศที่จะดุเดือดขึ้นจากธุรกิจจีนที่มีความได้เปรียบด้านต้นทุนและจากช่องทางสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ