เล่าประสบการณ์ตัวเองตั้งแต่จบมานะคะ เราจบมาได้ 5 ปีแล้วค่ะ เปลี่ยนงานมาทั้งหมด 4 ที่ เราเจอสังคม Toxic มาตลอด ที่แรกทำโรงงานเป็นธุรการ โดนหัวหน้างานเกลียดเพราะเราเป็นคนพูดน้อย พูดไม่เก่ง หาว่าเราคุยไม่เก่งแบบคนอื่น พอสิ้นปี เราโดนประเมินต่ำมากเลยค่ะ เพราะเป็นการประเมินเพื่อปรับเงินเดือน ให้ 3 เต็ม 10 เหตุผลคือเรื่องที่เราพูดน้อย เราทำงานดีแทบตายก็แพ้ปลายปากกา เพราะแค่หัวหน้าไม่ชอบเรา ทำอะไรก็ผิดในสายตาเขามาตลอด เราทนไม่ไหวเลยลาออก อยู่ไปสุขภาพจิตเสียด้วยค่ะ ที่2 ไปทำงานในโรงเรียน เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลห้องคอม แรกๆเหมือนจะดีค่ะ สักพัก ผอ. มาขอให้เราทำงานก่อนเวลาสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม เช่นเราเข้างาน 8 โมงครึ่ง ขอให้เรามา 8โมง เพื่อมายืนเข้าแถวกับพวกครูคนอื่น (เราเข้ามาทำงานผ่านบริษัทอีกทีค่ะ ไม่ใช่ครูนะคะ มีเวลาเข้างาน เลิกงานเป็นเวลา) แต่เราปฏิเสธผอ.ไปค่ะ หลังจากนั้น เราก็กลายเป็นคนที่ ผอ. ไม่ชอบสุดๆ ผิดเล็กน้อยก็ด่าเราเหมือนเราไปฆ่าใครตายเลย พาลให้ครูคนอื่นๆไม่ชอบเราด้วย เราผิดอะไรหรอคะ?? เราอยู่ของเราดีๆ เรามาทำงาน เลิกงานเราก็กลับบ้าน เราสุภาพกับคนอื่นมากๆ แต่ทำไมถึงโดนตอบแทนแบบนี้ มีอยู่วันนึงเราลากิจกับบริษัทไว้ เพื่อไปรับรถยนต์คันใหม่วันแรก ตอนนั้นเซลรถ กำลังแนะนำการใช้รถ แล้วกำลังทดสอบเสียงในรถ แล้ว ผอ.โทรมาพอดี พอเรารับสาย ก็ด่าเราเละเลย แถมขึ้นเสียงใส่ด้วย ด่าแบบตะคอก แล้วคือเสียงออกลำโพงในรถ เซลได้ยินทุกอย่างที่ผอ.ด่าเรา เซลก็ทำหน้าเจื่อนๆ มันเป็นวันที่เราควรมีความสุขที่สุด แต่กลายเป็นวันที่เราอายมากๆ สาเหตุที่ ผอ.โทรมาด่า เพราะเราไม่ได้แจ้งลาเขา แต่ตอนนั้นเราแจ้งบริษัทไปอย่างเดียว และหาคนมาแทนได้แล้ว ตอนนั้นเราพึ่งลาครั้งแรก เราไม่รู้ เราผิดเรายอมรับ แต่ทำไม ผอ. ต้องด่าเราเอาเป็นเอาตายเลย ตอนนั้นยังโชคดีค่ะที่มีครูใจดีมากๆคนนึง เข้าใจเรา แถมซื้อขนมมาฝากเรากินทุกวันเลย ครูแกน่ารักมากเลยค่ะ เครียดอะไรหรืออยากระบายอะไรเราจะมีครูท่านนี้คอยรับฟังเสมอ ครูท่านนี้พูดว่าตั้งแต่ครูทำงานที่นี่มา 35 ปี หนูเป็นคนแรกเลยที่ครูคุยได้สนิทใจ ไม่รู้สึกอึดอัดใจเหมือนคุยกับครูคนอื่นๆ ผอ. เป็นแบบนี้แหละ ครูโดนมาเยอะเหมือนกัน ครูปลูกต้นไม้ของครูมา 20 กว่าปี เลี้ยงมาตั้งแต่ต้นเล็กๆ จนเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สวยงาม ผอ.ก็สั่งให้คนมาตัดต้นไม้ครูไป โดยไม่ถามครูสักคำเลย จนมีอยู่วันนึงครูแกก็เกษียนไป เราก็อยู่ยากขึ้น เวลาเราโดน ผอ.ด่า เราจะมีครูคนนี้มาคอยระบายกัน ให้หายเครียด แต่พอไม่อยู่แล้ว เราก็ลาออกไป เพราะสุขภาพจิตเราเสียมากๆ จนมาทำงานที่ที่ 3 เรามาเป็นแอดมินเพจขายอุปกรณ์เครื่องขุดเหรียญดิจิตอล พวก ETH, Bitcoin แรกๆเราทำยอดขายดีมาก เขาก็ชมว่าเราเก่ง พอเดือนไหนเราทำยอดตก เพราะตอนนั้นค่าเหรียญดิจิตอล มาร่วง ขายยากแล้ว หลังจากนั้นเจ้าของร้านจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยค่ะ ด่าเราไม่เว้นแต่ละวัน บางทีเขาทำผิดเอง ก็มาลงที่เรา เราต้องตอบแชทเกือบ 24 ชั่วโมงเลย ไม่ค่อยได้หลับได้นอน เงินเดือน 2000 ที่เหลือค่าคอม มีวันนึงเราเผลอหลับ เพราะล้ามากๆ เราไม่ได้ตอบแชทลูกค้า 1 ชั่วโมง จนเจ้าของร้านโทรมาด่าเราว่าแอบหลับหรอ ? ลูกค้าทักมา ทำไมไม่ตอบสักที เราร้องไห้เลยค่ะ เราต้องฝืนมาตอบลูกค้าต่อ เพราะเราตอบลูกค้าไม่ได้พักเลย จะกินข้าวก็ต้องตอบลูกค้า เขาบอกว่าอบ่าตอบลูกค้าช้า ลูกค้าส่งมาต้องตอบทันที จะอาบน้ำยังต้องเอาเข้าห้องน้ำ ใช้ชีวิตลำบากสุดๆ และอีกเหตุการณ์นึงเราคุยกับเขาว่า เสาร์นี้จะต้องขับรถข้ามจังหวัดไปหาพ่อแม่และปู่ย่า จากบ้านแฟน เราก็ขอเขานะว่า วันนั้นต้องใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ช่วยให้แอดมินอีกคนมาทดแทนก่อนได้ไหมคะ แต่สิ่งที่ตอบกลับมาคือ ไม่ได้ค่ะ!!!! ไม่ว่าเทอจะทำอะไรอยู่ เทอต้องตอบแชทลูกค้านะ เราก็ถามกลับไปว่า ต่อให้หนูขับรถอยู่ก็คือให้หนูตอบแชทหรอคะ ? เจ้าของร้านก็ตอบกลับว่า ก็ใข่สิคะ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของเทอ อย่าเอามาปนกันสิ หลังจากนั้นเราก็ขับรถไป ตอบแชทไปจริงๆค่ะ ขับไปจอดไป เวลาจะเรียกประขุมกันก็ให้เราขับรถไปหาถึงที่ เราขับรถไปหาเจ้าของร้านใช้เวลาไปกลับ 6 ชั่วโมงค่ะ น้ำมันออกเองหมด ตอนกลับมีพี่ที่เป็นเพื่อนเจ้าของร้านก็ขอติดรถเราไปส่งบ้านที่ กทม เพราะเจ้าของร้านขอเราให้ไปส่งเพื่อนเขาที ตอนรับสมัครบอกว่าทำที่บ้านได้ ไม่ต้องมาทำที่หน้าร้าน เราก็อดทนทำมาพักนึง จะลาออกก็ไม่ได้ เพราะตอนนั้นเดิอดร้อนเรื่องเงินมาก จนเขาก็หาเรื่องด่าเรามาตลอด จนเราทนไม่ไหว ลาออกเลยค่ะ ออกแบบไม่แคร์อะไรทั้งนั้น มันโล่งเลยค่ะตอนลาออก ที่เราทำที่นี่เพราะแฟนเราสนิทกับเจ้าของร้านที่เป็นผชค่ะ จริงๆเจ้าของร้านที่เป็นผชใจดีค่ะ แต่แฟนเขาปากค่อนข้างเสียมากๆ แฟนเราเลยฝากเราไว้ทำงานกับพี่ผช เราก็ไม่กล้าพูดไรเยอะ ไม่อยากให้แฟนเสียหน้าด้วยค่ะ เวลาเราโดนด่าเราก็ไม่กล้าบอกแฟน กลัวแฟนจะไปทะเลาะกับเจ้าของร้าน จนสุดทางเราดันเก็บความรู้สึกไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา เล่าให้แฟนฟังทั้งหมด จนแฟนบอกให้ออกเลยค่ะ หลังจากนั้นแฟนกับเจ้าของร้านก็ไม่ถูกกันไปเลย เราก็รู้สึกผิดที่ทำให้เขาและแฟนตัดขาดกัน หลังจากออกมาเราก็ว่างงานมาปีกว่า เพราะเราเครียดกลัวการเริ่มงานที่ใหมไปแล้ว จิตตกและแพนิคมากค่ะ กลัวจะเจอคน Toxic เหมือนที่ผ่านมา จิตใจเราบอบซ้ำมามากพอแล้ว อีกใจก็อยากทำงาน ก็สมัครงานผ่านพวกเว็บหางาน จนมีบริษัทติดต่อกลับมาว่ายังสนใจงานนี้อยู่ไหม เราก็ปฏิเสธทุกบริษัทที่โทรมาเลย เพราะใจเรามันกลัวไปแล้ว จนมีบริษัทนึงติดต่อมา เป็นตำแหน่ง HR ซึ่งอยู่ใกล้ที่พักเราด้วยและเป็นตำแหน่งที่อยากทำมากๆตั้งแต่เรียนจบ สมัครที่ไหนเขาก็เอาแต่คนมีประสบการณ์ เราเลยลองเปิดใจอีกครั้ง เพื่อเก็บประสบการณ์ ไปต่อยอดในอนาคตได้ ตอนนั้นเงินเราก็ไม่ค่อยจะมีแล้วด้วย การสัมภาษณ์ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ได้วันเริ่มงานแล้ว เงินเดือนก็โอเครเลยค่ะ ตอนขับรถไปทำงานวันแรก ในหัวคิดแต่เรื่องเพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างานว่าเขาจะ Toxic ไหมนะ พวกเขาจะใจดีกับเราหรือเปล่า? เราจะทำได้ไหม กลัวไปหมด ที่ผ่านมาสังคมToxic มันทำลายความมั่นใจ ความเป็นตัวตนเราไปหมดแล้ว เราเป็นคนร่าเริงแจ่มใสมากเลยนะคะก่อนมาทำงาน หลังจากนั้นเราก็กลายเป็นคนเศร้าหมอง เกือบจะเป็นโรคซึมเศร้าไปเลย ไม่มีชีวิตชีวา จะบอกว่าที่ที่ 4 เราเข้ามาปี 2565 จนถึงปัจจุบันแล้วค่ะ ผืดคาดจากที่คิดไว้มาก เพื่อนร่วมงานดี เจ้านายดี และตำแหน่ง HR เราไม่มีหัวหน้านะคะ เป็นตำแหน่งละคนค่ะ ดูแลพนักงาน 280 กว่าคน เดินไปไหนพนักงานในไลน์ก็ชวนคุย เฮฮา สนุกๆค่ะ งานสบาย ไม่เครียด ตอนนี้เรากลับมาเป็นคนเดิมแล้วค่ะ มีชีวิตที่ดีขึ้น ที่เราเล่ายาวขนาดนี้ เราอยากบอกให้รู้ค่ะว่า อย่าไปกลัวเรื่องการลาออกจากสังคม Toxic หรือเริ่มต้นใหม่กับที่ทำงานใหม่ ยังไงต้องมีสักที่ที่เหมาะกับคุณ ที่ไหนไม่เหมาะกับเรา ก็ควรรีบออกให้ไวที่สุด ถ้าไม่อยากสุขภาพจิตเสีย กว่าเราจะผ่านมาได้เจ็บปวดทรมาณจิตใจพอตัวเลยสู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้พบเจอแต่สิ่งดีๆค่ะ ตอนนี้ จขปท จิตใจเข้มแข็งมากค่ะ พร้อมที่จะต่อสู้กับอุปสรรคที่ผ่านเข้ามา จากคนที่ไม่กล้าพูด คุยน้อย กลายเป็นคนที่สามารถพูดกับคนเยอะแยะได้แล้ว เพราะตำแหน่งที่ทำอยู่ตอนนี้ต้องคุยกับพนักงานคนอื่นให้เป็นค่ะ
กว่าจะเจอสังคมที่ดี ก็ผ่านสังคม Toxic มาเยอะเหมือนกันนะเนี่ย