พระอริยะอภิญญาใหญ่แห่งดินแดนโบราณศักดิ์สิทธิ์ :- หลวงพ่อสงัด สุนทโร วัดศรีภวังค์ พระนครศรีอยุธยา

หลวงพ่อสงัด สุนทโร วัดศรีภวังค์ พระนครศรีอยุธยา




พระเถระผู้ชำนาญอย่างเอกอุทั้งสมถกรรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน มีปฏิปทางดงามตรงต่อแนวทางแห่งความหลุดพ้น สมัยที่เป็นฆราวาสได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนกรรมฐานจากหลายครูบาอาจารย์ เช่น หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ฝึกวิชาธรรมกายสำเร็จถึงขั้นสูง, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, วัดดอยแม่ปั๋ง, หลวงปู่ขาว อนาลโย วัดถ้ำกลองเพล, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร วัดป่าอุดมสมพร, หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ วัดป่านิโครธาราม, ครูบาพรหมจักร วัดพระพุทธบาทตากผ้า, หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม วัดอัมพวัน, พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง เป็นต้น
 
ด้วยอุปนิสัยของพหูสูตร ท่านยังได้ไปศึกษาวิทยาคมจากหลายพระเกจิตักศิลาในยุคนั้น อาทิ หลวงพ่อกวย วัดบ้านแค จนสำเร็จคาถาน้ำมนต์จินดามณีและอีกหลายวิชา, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี, หลวงพ่อหน่าย วัดบ้านแจ้ง ท่านได้ใช้มนต์จินดามณีเป็นคาถาหลักไว้ช่วยสงเคราะห์ศิษยานุศิษย์จำนวนมากให้มีความเจริญรุ่งเรือง
 
เมื่อคราวคณะชมรมสู่ร่มโพธิญาณได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระมังคละพุทธเจ้ากับ พระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า พร้อมปลูกต้นพระศรีมหาโพธิ์พร้อมบรรจุหินหัวใจแม่พระธรณี (องค์ดาไลลามะที่13 ได้อธิษฐานจิตหินไว้) มาถวายแด่หลวงพ่อสงัด ในคืนหลังจากเสร็จงานถวาย ขณะหลวงพ่อสงัดนั่งภาวนาได้มีนิมิตเห็นเทวดาผู้ชายผิวขาวอมชมพูรูปร่างสูงใหญ่ นุ่งห่มด้วยผ้าสีขาว สวมชฎาทรงเครื่องด้วยทองคำเหลืองอร่าม ตรงเข้ามากราบพระบรมสารีริกธาตุแล้วจึงหันไปกราบหลวงพ่อสงัดพร้อมรายงานตัวว่า “กระผมคือเทพเทวา ผู้รักษาพระบรมสารีริกธาตุของพระมังคละพุทธเจ้า” แล้วภาพนิมิตก็เลือนหายไป

 

อาจารย์วิกรานต์ แซ่ลี้ ประธานชมรมสู่ร่มโพธิญาณ ได้มีโอกาสนำชาวคณะชมรมฯ มาร่วมทำบุญกับหลวงพ่อสงัดอีกหลายวาระ พร้อมทำนุบำรุงต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ได้มาปลูกไว้ข้างเจดีย์ มีคราวหนึ่งได้มากราบสักการะหลวงพ่อเฒ่า พระประธานโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แต่ครั้งโบราณกาล ขณะสวดมนต์เจริญภาวนาต่อหน้าหลวงพ่อเฒ่า จิตสงบเกิดมีแสงสว่างไสว มีนิมิตเห็นเทพชั้นผู้ใหญ่สามองค์ นั่งประทับเป็นประธานอย่างสง่างาม ดูน่าเกรงขามหากทว่าแววพระพักมีรอยยิ้มอย่างจริงใจ สายพระเนตรเปี่ยมล้นด้วยเมตตา พร้อมด้วยเหล่าเทพยดามากมายนั่งเรียงรายกราบพระประธานในพระอุโบสถ หนึ่งในสามเทพผู้อาวุโส เป็นภาพของชายชราแต่งกายในชุดจีนโบราณ หนวดเคราขาวยาวถึงอก ในมือถือเครื่องดนตรีจีนโบราณซึ่งมีรูปทรงเหมือนกระบอกไม้ไผ่เรียกว่ายูกุ ทำขึ้นด้วยหินหยกอย่างดีสีเขียวเข้ม

 
อาจารย์วิกรานต์รับรู้ด้วยจิตที่เข้าสมาธิอย่างเป็นวสีว่าชายชรานั้นคือหนึ่งในแปดเทพเซียนในตำนานอันมีนามว่า “เตียก้วยเล่า”  พลันเกิดนึกฉงนสงสัยว่าจิตคงปรุงแต่งไป ด้วยเหตุว่าเป็นวัดไทยพุทธ ไม่น่าจะมีเทพจีนมาสถิตย์เกี่ยวข้องด้วย พลันมีเสียงหัวเราะสัพยอกดังกึกก้องขึ้นมาในห้วงสมาธิคล้ายจะถามว่า เราไม่สามารถมาที่นี่ได้หรือ ฉับพลันนั้นกายละเอียดจึงรีบก้มกราบเหล่าเทพเทวาพร้อมกราบเรียนขอทราบเหตุผล ท่านเตียก้วยเล่าจึงกล่าวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นตามอำนาจแห่งบุญกรรม ผู้ร่วมช่วยออกทุนการสร้างวัดแห่งนี้แต่ดั้งเดิม เขานับถือและเป็นศิษย์ของข้า เมื่อคราวงานบวงสรวงสร้างวัดและพระประธานในพระอารามแห่งนี้ เขาเชิญข้ามาร่วมอนุโมทนาประทานพรเพื่อความเป็นสิริมงคล ด้วยเหตุนี้ ข้าจึงมาเฝ้ารักษาพระหลวงพ่อเฒ่า

หลวงพ่อเฒ่า พระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์คู่วัดศรีภวังค์ ทรงปางมารวิชัยเนื้อหินศิลาแลง หน้าตักกว้างสองศอกคืบ สูง ๑๕๐ เชนติเมตร  
เป็นที่เคารพนับถือมากของบุคคลในพื้นที่ เชื่อว่าช่วยปัดเป่าโรคภัยและนำความสุขความเจริญความสำเร็จมาให้ ใครที่มาขอความเมตตามักจะสมปรารถนาที่ดีงามทุกประการ



มีเรื่องกล่าวกันว่า เมื่อคราวสมัยโบราณมีโรคห่าระบาด ผู้คนและสัตว์เลี้ยง ล้มตายเป็นอันมาก ในคราวนั้นมีผู้รู้ได้กล่าวว่า หลวงพ่อเฒ่า นั้นศักดิ์สิทธิ์นักมีเทวดาชั้นผู้ใหญ่รักษาอยู่ ท่านมีบารมีมากจึงให้มาขอ น้ำพุทธมนต์บ้าง ดอกไม้บูชาพระบ้าง ผงธูปบ้าง ไปผสมน้ำอาบ ดื่ม กิน ปะพรมบ้านเรือนเพื่อเป็นสิริมงคล ด้วยพุทธานุภาพนี้เหล่าภูตผีปีศาจร้ายเกรงกลัวในบารมีท่านยิ่งนัก เมื่อชาวบ้านมาสักการะขอพรตามคำแนะนำปรากฏว่าโรคร้ายหายสิ้นทำให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุขสืบมา

วัดศรีภวังค์นี้เป็นสถานเก่าแก่ที่สำคัญตั้งแต่สมัยอยุธยา สถานที่แห่งนี้เคยเป็นเพนียดเลี้ยงช้างซึ่งตั้งอยู่ในทางทิศเหนือของเมือง
ด้วยเคยเป็นที่เลี้ยงช้างแหล่งสำคัญในอดีต สถานที่นี้จึงมีแรงอาถรรณพ์ยิ่งแห่งหนึ่ง ด้วยการเลี้ยงช้างซึ่งถือว่าเป็นสัตว์ใหญ่แสนรู้มีพละกำลังมากและมีสัญชาตญาณดุร้าย ผู้ดูแลช้างจึงต้องมีทักษะความชำนาญมีความรู้ในหลายด้านโดยเฉพาะด้านไสยเวทย์เป็นอย่างดีจึงจะควบคุมและฝึกช้างเหล่านี้ได้ ท่านเหล่านี้จึงต้องมีครูบาอาจารย์ผู้มีอำนาจลี้ลับคอยช่วยเหลือในการดูแลและบังคับช้าง
ครูบาอาจารย์เหล่านี้ถือเป็นชั้นเทพเทวา ผู้คนจะขนานนามท่านด้วยความเคารพว่า ครูผีปะกำ จึงมีพลังอาถรรพ์แรงครูแรงเทวดามากต้องการไหว้ดีพลีถูก ต้องมีการจัดเซ่นสังเวยบวงสรวงเป็นประจำ

เมื่อเปลี่ยนจากเพนียดเลี้ยงช้างมาสร้างเป็นวัด เหล่าเทพเทวาจึงต้องเสด็จมารักษาพระพุทธปฏิมากรณ์ เมื่อมีผู้คนมาทำบุญกราบไหว้สวดมนต์ภาวนา
ท่านเหล่านี้ย่อมต้องมาอนุโมทนาอวยชัยประทานพรให้เหล่าสาธุชนให้สมความปารถนาอย่างแน่นอน ด้วยเหตุนี้จึงมีผู้มากราบไหว้ขอพรและแก้บนกับหลวงพ่อเฒ่าเป็นประจำจนเป็นที่เล่าลือสืบขานกันสืบมา
 
ท่านเตียก้วยเล่าอธิบายต่อว่า ในอดีตบริเวณของพระเจดีย์ในปัจจุบันนี้เป็นเคยมีพระธาตุเจดีย์โบราณซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ ต่อมาพระเจดีย์ได้ชำรุดทรุดโทรมพังทลายลง ตามกฏพระไตรลักษณ์แห่งพระบรมศาสดา พื้นที่บริเวณนี้เดิมเป็นที่ลุ่มมีน้ำขังในช่วงฤดูน้ำหลาก ห่างออกไปเป็นคลองใหญ่มีบัวและพืชพันธุ์น้ำอีกหลายสายพันธุ์ขึ้นงดงาม มีพงป่าหญ้าคาและไม้ฉำฉาขึ้นรกครึ้ม และมีเหล่าค้างคาวบริวารของท่านเตียก้วยเล่ามาเฝ้าดูแลพระบรมธาตุ
กล่าวเสร็จภาพนิมิตก็ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อนำเรื่องนี้ไปถามกับคุณลุงบุญส่งซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากและเป็นประชากรในพื้นที่แต่ดั้งเดิม คุณลุงตอบว่าเป็นจริงตามภาพนิมิตทุกประการ
 

ส่วนเทพผู้ใหญ่อีกสององค์นั้น นุ่งอาภรณ์และเครื่องประดับคล้ายคลึงกัน ห่มคลุมร่างกายด้วยผ้าผืนเดียวคล้ายการแต่งตัวของพราหมณ์ องค์หนึ่งนุ่งเป็นผ้าสีฟ้าครามอมม่วง ส่วนอีกองค์นุ่งผ้าสีขาวสว่าง ทรงเครื่องประดับชฎาแบบไทย ทรงพระพาหุรัดหรือกำไลต้นแขนทำด้วยทองคำสีสุกปลั่ง
 

องค์เทพในชุดสีฟ้าครามคือเทพผู้ดูแลรักษาพระบรมสารีริกธาตุของพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า 


ส่วนองค์เทวราชผู้ทรงชุดพัตราภรณ์สีขาวมีนามว่า “พระอรถะเศวตภูษาเทวราชเพี้ยนจริงจัง

 


พระอรถะเศวตภูษาเทวราชตั้งสัจจะขอดูแลถวายอารักษ์แด่พระบรมธาตุของพระมังคละพุทธเจ้า เนื่องด้วยท่านมีเคารพผูกพันธ์และสำนึกถึงธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ให้สั่งสมความดีเป็นบารมี สมัยที่ยังมีธาตุขันธ์ ท่านเกิดเป็นอุบาสกในสมัยพระมังคละพุทธเจ้า เมื่อได้ฟังธรรมจากพระสาวกก็บังเกิดความเลื่อมใสในพุทธองค์ จะมาเข้าเฝ้าเพื่อขอกราบฟังธรรมจากพระโอษฐ์โดยตรงแต่ก็ไม่ทันกาล ในวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระบรมพระศาสดา ท่านจึงตัดสินใจออกบวชถือศีลเป็นชีปะขาวต่อเบื้องหน้าจิตกาธาน เจริญกรรมฐานวิปัสสนา ถวายบุญกุศลบูชาพระพุทธองค์ ด้วยอำนาจแห่งพุทธานุภาพและบุญกุศลที่สั่งสมมาทำให้ท่านสำเร็จอภิญญาจิตได้รูปฌานสี่ ต่อมาท่านจึงเข้าป่าไปปลีกวิเวกจำศีลภาวนาต่อจนสำเร็จอรูปฌานสี่สำเร็จสมาบัติแปดโดยสมบูรณ์
 
ดั่งเช่นอุทกดาบส อาฬารดาบส พระอาจารย์ของเจ้าชายสิทธัตถะ พระอรถะเศวตภูษาขาดอาจารย์แนะนำการต่อยอดทางด้านวิปัสสนา เมื่อละกายหยาบจากโลกนี้จึงไปจุติในพรหมโลก เมื่อเสวยผลบุญครบเวลาก็ลดลำดับชั้นลงมา เว้นไว้เพียงแต่ชั้นสุทธาวาสพรหมเนื่องจากเป็นภูมิของพระอนาคามีบุคคล ปัจจุบันนี้ท่านได้เสวยผลบุญอยู่ในชั้นนิมนานรดี
 
หลวงพ่อสงัด วัดศรีภวังค์ เคยเกิดเป็นพี่น้องทางสายเลือดกับพระอรถะเศวตภูษาในสมัยพระมังคละพุทธเจ้าด้วยกัน โดยในการจัดงานถวายพระเพลิงพระบรมศาสดา หลวงพ่อสงัดก็เป็นผู้หนึ่งซึ่งได้ไปช่วยงานบุญใหญ่นี้ ด้วยอำนาจของกฏแห่งกรรมทางมหากุศลส่งผลให้ท่านได้ออกอุปสมบทบำเพ็ญสมณธรรมจนได้บรรลุธรรมขั้นสูงสุดในทางพระพุทธศาสนา มีอำนาจบารมีก่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ได้สำเร็จ เป็นที่กราบไหว้สักการะแห่งมนุษย์และเทวาสืบต่อไป
 
บุคคลใดได้ร่วมสร้าง ได้ร่วมบูรณะ ได้สักการะ ย่อมได้บุญใหญ่อานิสงส์มหาศาล เหตุเพราะได้ร่วมบุญถวายพระพุทธเจ้าถึงสองพระองค์ในคราวเดียวกัน
อานิสงส์เป็นทวีคูณ ถือเป็นมหามงคลยิ่ง ควรได้มากราบทำบุญสักการะสักครั้งในชีวิต

เพี้ยนปักหมุด

เนื่องในวันวิสาขบูชา ซึ่งในปีนี้ตรงกับวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๖๗

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมอัญเชิญพระรูปเหมือนพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรในรัชกาลที่๙ ประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี 

เวลา ๐๗.๐๐ น.   ทำบุญวันวิสาขบูชาและรวมรับประทานอาหาร 
เวลา ๑๐.๐๐  น.   พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์เจริญพระพุทธมนต์
เวลา ๑๐.๓๐  น.   ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์
เวลา ๑๑.๕๙ น.  อัญเชิญพระรูปเหมือมพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในรัชกาลที่๙  
                           ประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์เฉลิมพระเกียรติ พระเจ้าอยู่หัวครองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
 

วัดศรีภวังค์
ธนาคารออมสิน  สาขาบางปะหัน   020074836295   
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร  01603 2 75515 7
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่