คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
ความจำกับความจริง
ส่วนใหญ่หนังสือพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษจะเกี่ยวกับปริยัติมากกว่าการปฏิบัติ จะเกี่ยวกับชื่อของกิเลส ชื่อของธรรม ไม่เกี่ยวกับอาการของกิเลสของธรรมว่าเป็นอย่างไร
หลวงตาท่านบอกว่า #ความรู้ที่ได้จากการอ่านเป็นความจำ ไม่ได้เป็นความจริง เราอ่านแล้ว เราก็จำสิ่งที่เราอ่านแล้วก็คาดคะเนไป #เพราะยังไม่ได้เห็นของจริง
ก็ต้องวาดภาพไปภายในใจก่อน ใจของเราเป็นเหมือนแว่นตาที่ไม่ใสสะอาด หรือแว่นตาที่ไม่ได้ขนาดกับสายตา พอมองไปก็จะมองไปตามแว่นตา แว่นตาบอกเป็นสีแดง เราก็ว่าเป็นสีแดง แต่ความจริงเป็นสีม่วง #แต่เนื่องจากแว่นตามีสีเคลือบไว้ ก็เลยทำให้เราเห็นเพี้ยนจากความจริงไป เห็นไปตามแว่นตา
#ใจก็เห็นไปตามการคาดเดาของเรา ความรู้ที่ได้จากการศึกษาอย่างเดียวจึงยังไม่พอ #ต้องปฏิบัติ เทียบกับความจริงที่ใจเป็นผู้สัมผัสรับรู้ ถ้าเอามาเทียบมาสัมผัสแล้วก็จะรู้ทันทีว่าเป็นอย่างไร แต่การที่ใจจะสัมผัสรับรู้ได้ใจต้องสะอาดก่อน ถึงแม้จะไม่สะอาดถาวร ก็ต้องสะอาดชั่วคราว พอให้เห็นความจริงได้สักแวบหนึ่ง เหมือนกับแว่นตาที่เช็ดแล้วก็จะสะอาดอยู่ระยะหนึ่ง พอให้เห็นภาพจริงได้
#ถ้าจะให้เห็นตามความเป็นจริง จิตต้องมีสมาธิก่อน ต้องรวมลง ต้องหลุดจากความครอบงำของกิเลส ความคิดของเราอยู่ภายใต้อำนาจของอวิชชาของกิเลส อวิชชาปัจจยาสังขารา ก็เลยคิดไปในทางอวิชชาคือความหลง เหมือนแว่นตาที่ไม่สะอาด จึงต้องเช็ดแว่นตาให้สะอาดก่อน แล้วจะเห็นตามความเป็นจริง สีเขียวก็เป็นสีเขียว สีแดงก็เป็นสีแดง จะไม่เป็นสีอื่น
แสดงความคิดเห็น
พระไตรปิฎกฉบับดั้งเดิม