เราเข้าในใจที่เจ้าของกระทู้อธิบายมาค่ะ
- ตอนที่กู้ เจ้าของกระทู้มีบ้านเดิมอยู่แล้ว อาจจะมีเรื่องสัญญากู้บ้านหลังที่ 1 อยู่ ทำให้ ไม่สามารถเป็นผู้กู้หลักได้ เพราะถ้าซื้อบ้านหลังที่ 2 น่าจะกู้ได้ไม่เต็ม 100% ได้ประมาณ 80% ค่ะ ตามระเบียบของแบงค์ชาติค่ะ ทีนี้ถ้าอยากจะกู้ได้ 100% ธนาคารจะแนะนำให้หาคนกู้ร่วม และให้ผู้กู้ร่วมเป็นคนถือกรรมสิทธิ์ในบ้านซึ่งถือว่าเป็นบ้านหลังแรกได้ค่ะ และจะกู้ได้ 100% ตามสัญญา
- ในส่วนของประกันคุ้มครองวงเงิน ถ้ามีผู้กู้ 2 คน ค่าเบี้ยคุ้มครองชีวิตผู้ชายจะสูงกว่าประมาณ 30% ขึ้นอยู่กับอายุ เมื่อเปรียบเทียบผู้หญิงแล้วเบี้ยจะถูกกว่าค่อนข้างมาก เมื่อเปรียบเทียบเบี้ยให้คนกู้ดูส่วนใหญ่คนกู้จะเลือกให้เพศหญิงทำประกันค่ะ แต่ส่วนมากแล้วเพศชายจะเสียชีวิต หรือป่วยก่อนเสมอค่ะ และจะเคลมเบี้ยไม่ได้ (จากที้เห็นนะคะ)
- จากที่เราอ่านนะคะอธิบายได้ว่าเจ้าของกระทู้เองสามารถผ่อนชำระได้ค่ะ แต่ทีนี้เจ้าของกระทู้มองว่า ผ่อนไปบ้านก็ไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นของแฟนซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ และแน่นอนว่าบ้านแฟนจะไม่ผ่อนเพราะแฟนได้ป่วย และกรรมสิทธิ์ยังไงแฟนก็ได้ไปค่ะ
- ถ้าไม่ผ่อนต่อจะเสียเครดิตในทันที และมีการฟ้องสืบทรัพย์ที่ถืออยู่แน่นอนค่ะ

ความคิดเห็นเรานะคะ
- คุยกับธนาคาร ติดต่อทนายความเรื่องการผ่อนชำระ ในกรณีที่เราเป็นผู้ชำระเองโดยเราเป็นผู้กู้ร่วมว่ามีทางไหนบ้าง
-หากไม่มีทางไหนเลยแนะนำให้โอนทรัพย์สินค่ะ ทรัพย์ไหนที่ไม่เป็นหนี้ บ้าน รถ ที่ดิน โอนออกให้หมดค่ะ
- ถ้าที่ดินแปลงไหนมีหนี้ให้ดูภาระหนี้ค่ะ ถ้าหนี้เหลือน้อยมาก ๆ แนะนำให้ลองทำเรื่องโอนทรัพย์ระหว่างจำนองก่อนค่ะ หากทำไม่ได้ ให้ดำเนินการกู้เพิ่มให้เต็มราคาประเมินหรือราคาที่ดินค่ะ  เมื่อมีการยึดทรัพย์ให้ญาติเราไป bid ทรัพย์ระหว่างจำนองพร้อมกับภาระหนี้ใหม่ที่ับังคับคดีได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำให้คุยกับทนายและธนาคารก่อนนะคะ
- ส่วนในเรื่องของบ้านถ้าเจ้าของกระทู้ต้องการเก็บไว้แนะนำว่าถ้าฝั่ง ผช ไม่ยอม ให้ปรึกษาทนายเพื่อขอฟ้องทรัพย์แปลงนี้ เนื่องจากเราเป็นผู้ชำระเงินมาตั้งแต่ต้น และเราเป็นผู้กู้และเป็นผู้ชำระเงินค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ แต่แนะนำให้คุยกับธนาคารและทนายค่ะ ถ้าฝั่งบ้านผู้ชายไม่ยอมเราก็ต้องฟาดไปค่ะ

ปล.เราเคยทำงานธนาคารและตอนนี้เป็นเจ้าของหมู่บ้านจัดสรรค่ะ รายละเอียดพวกนี้ที่เราบอกสามารถทำได้จริง เจ้าของกระทู้ใจเย็นๆ แล้วค่อยๆ แก้ไปนะคะ ❤️