JJNY : 5in1 หนุ่มสาวสมัยนี้กล้าหาญ│สั่งไม่ฟ้องทหารยิงชัยภูมิ│‘ชัยธวัช’เยือนมุกดาหาร│ล้นข้ามปี!│จีนรับต้องทุ่ม-ว่างงานสูง

หนุ่มสาวสมัยนี้กล้าหาญกว่าอดีต พูดในสิ่งที่ผู้มีอำนาจไม่อยากฟัง พวกเขาคือไฟลามทุ่ง !
https://www.matichon.co.th/clips/news_4463236
 
 
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าวในงาน 50 ปี อมธ. ขบวนการนักศึกษากับการขับเคลื่อนประชาธิปไตยไทย ยกย่องคนหนุ่มสาวยุคนี้มีความกล้าหาญกว่าในอดีต กล้าพูดในเรื่องที่กระอักกระอ่วน เป็นไฟลามทุ่ง ไม่ใช่ดอกไม้ไฟ แต่สุดท้ายกลับโดนคดี ขอชาวธรรมศาสตร์ต้องช่วยกันยืนยันเรื่องเสรีภาพ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


สั่งไม่ฟ้อง คดีฆ่าโดยเจตนา จนท.ทหารยิง ชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนลาหู่ ดับคาด่านตรวจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4463010

มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เผยอัยการสูงสุด ‘สั่งไม่ฟ้อง’ เจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิง ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ เสียชีวิต ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา
 
มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเผย แจ้งข่าวว่า เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ทนายความมารดาของชัยภูมิ ป่าแส เยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ชาติพันธุ์ลาหู่ ได้รับหนังสือแจ้งผลคดีจากสถานีตำรวจภูธรนาหวาย มีใจความว่า 

“หลังจากพนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุดพิจารณาเพื่อมีคำสั่ง อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีฆาตกรรมซึ่งเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธปืนยิง นายชัยภูมิ ป่าแส เมื่อปี 2560” ทั้งนี้อัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2564 ก่อนที่ สถานีตำรวจภูธรนาหวายส่งหนังสือแจ้งผลคดีมายังนางปอย ป่าแส เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา เป็นเวลาเกือบสามปีให้หลัง
 
ในส่วนของคดีแพ่งที่มารดาของชัยภูมิเป็นโจทก์ฟ้องค่าเรียกค่าสินไหมทดแทนจากกองทัพบกเป็นจำเลย ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 เมื่อปี 2562  ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2566 ศาลฎีกาได้มีคำสั่งให้กองทัพบก ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่มารดาของนายชัยภูมิ ป่าแส เป็นจำนวนเงิน 2,072,400 บาท พร้อมดอกเบี้ย
 
คดีนี้สืบเนื่องจากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2560 ชัยภูมิ ป่าแส ซึ่งเป็นกลุ่มนักกิจกรรมเยาวชนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิของคนชาติพันธุ์และคนไร้สัญชาติในประเทศไทย ได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจบ้านรินหลวง ต.เมืองนะ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ตรวจค้นรถยนต์นายชัยภูมิ ป่าแส ที่ขับมาพร้อมเพื่อนอีกหนึ่งคน เมื่อผ่านด่านตรวจดังกล่าว นายชัยภูมิ ป่าแสได้ถูกเจ้าหน้าที่ทหารประจำด่านตรวจค้นแล้วใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิตโดยเจ้าหน้าที่อ้างว่านายชัยภูมิขัดขืนและพยายามทำร้ายเจ้าหน้าที่จึงจำเป็นต้องใช้อาวุธปืนยิงตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง
 
มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนที่สนใจ ร่วมกันจับตาและติดตามความคืบหน้าของคดีฆาตกรรมดังกล่าวและการชดใช้ค่าเสียหายของกองทัพบกในคดีแพ่ง ต่อไปอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าชัยภูมิ ป่าแสและครอบครัวจะได้รับความเป็นธรรมในที่สุด และเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่รัฐผู้กระทำผิดจะต้องได้รับโทษ ตามความร้ายแรงของความผิด เพื่อยุติวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดโดยเจ้าหน้าที่รัฐ


 
‘ชัยธวัช’ เยือนมุกดาหาร รพ.สต.พ้อ งานเพิ่มแต่งบไม่มา ส.ส.ติง สธ.ไม่จริงใจ?
https://www.matichon.co.th/politics/news_4463376

‘ชัยธวัช’ นำทีมเยือนมุกดาหาร รับฟังปัญหาถ่ายโอน รพ.สต. ให้ท้องถิ่น ‘ส.ส.’ ติง สธ.ไม่จริงใจกระจายอำนาจ ด้านตัวแทน รพ.สต.อัดให้ภารกิจเพิ่มแต่งบ-คนไม่ตามมา?
 
เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) บ้านหนองหลี่ ต.โชคชัย อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคน ร่วมพบปะหารือกับบุคลากรสาธารณสุข ทั้ง รพ.สต. และสาธารณสุขอำเภอ รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นจากการถ่ายโอนภารกิจ รพ.สต. จากกระทรวงสาธารณสุข มายัง อบจ.มุกดาหาร
 
โดยในส่วนของตัวแทนบุคลากรสาธารณสุข ได้สะท้อนปัญหาจำนวนหนึ่งที่เกิดขึ้น ว่าจังหวัดมุกดาหารเป็นหนึ่งในจังหวัดที่มีการถ่ายโอน รพ.สต. ทั้ง 100% แต่ปัญหาคือภาระงานที่มากขึ้น โดยเฉพาะโครงการจากส่วนกลาง เป็นไปอย่างไม่สอดคล้องกับงบประมาณที่ได้รับ การถ่ายโอนแม้จะเป็นไปอย่างสมัครใจแต่ก็เกิดขึ้นในภาวะที่ อบจ. ไม่พร้อม โดยเฉพาะในด้านบุคลากรที่กำกับดูแล ขณะที่ระเบียบการจ้างที่กำหนดค่าตอบแทนพยาบาลไว้ต่ำเกินไป กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้บุคลากรพยาบาลในหลาย รพ.สต. ไม่เพียงพอ
 
น.ส.กัลยพัชร รจิตโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะทำงานด้านสาธารณสุข ที่ร่วมรับฟังปัญหาในวันนี้ด้วย ระบุว่าจากที่ตนได้รับฟังมาจากทั้งที่นี่และที่จังหวัดอื่นๆ ที่มีการถ่ายโอน รพ.สต. อาจกล่าวได้ว่ากระบวนการถ่ายโอน รพ.สต. ปัจจุบันยังขาดความชัดเจนจากกระทรวงสาธารณสุข จนนำไปสู่ภาวะสุญญากาศในการบริหารงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงปัญหาภาระงานที่หนักขึ้นของบุคลากรที่รับการถ่ายโอนไปแล้ว
 
เพราะแม้จะมีอัตราบุคลากร แต่งบประมาณกลับไม่ตามมาด้วยหรือเติมไม่เต็ม แต่ตัวชี้วัดยังใช้แบบเดิม หรือมีตัวชี้วัดเพิ่มขึ้นมาทับซ้อนกับหน่วยงานท้องถิ่น ทำให้บุคลากรมีความกังวลต่อความก้าวหน้าในอาชีพของตน เป็นสภาพเหมือนมีเจ้านายหลายคนและต้องตอบสนองทุกคน โดยเฉพาะต่อ สธ. ที่ตัวชี้วัดมักไม่ตรงกับปัญหาจริงในพื้นที่ และยังสร้างภาระงานเพิ่มขึ้นมาอีก
 
จากปัญหาที่เกิดขึ้น กระทรวงสาธารณสุขควรมีความชัดเจนในเรื่องการถ่ายโอนและการบูรณาการทั้งนโยบาย และข้อกฏหมายที่เกี่ยวข้องมากกว่านี้ รวมถึงการเติมงบประมาณให้เต็มกรอบ เติมบุคลากรให้เต็มกำลัง เพื่อให้กระทรวงมหาดไทยและหน่วยงานท้องถิ่นนำไปปฏิบัติต่อได้” น.ส.กัลยพัชรชี้
 
น.ส.กัลยพัชรกล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม การถ่ายโอน รพ.สต. ที่เต็มไปด้วยปัญหาเช่นนี้ ทำให้น่าตั้งข้อสังเกตว่าทางกระทรวงสาธารณสุขเอาเข้าจริงแล้วมีความต้องการที่จะกระจายอำนาจทางสุขภาพออกสู่ท้องถิ่นจริงหรือไม่
 
เพราะงบประมาณก็ไม่ไป บุคลากรก็ไม่ถ่ายโอนไปให้เต็มอัตรากำลัง KPI หรือตัวชี้วัดเพื่อประเมินผลงาน ก็ให้ รพ.สต. ที่สังกัด อบจ. ได้คะแนนลดลง ความก้าวหน้าในวิชาชีพของบุคลากรก็ไม่มี สวัสดิการก็ไม่เพียงพอ ทำให้เกิดความสงสัยว่าจริงๆ แล้วทางกระทรวงสาธารณสุขต้องการเห็นการกระจายอำนาจจริงหรือไม่
 
น.ส.กัลยพัชรกล่าวอีกว่า ทางกระทรวงมหาดไทยเอง ในฐานะผู้กำกับดูแลท้องถิ่น สามารถอำนวยการให้การถ่ายโอนเป็นไปอย่างราบรื่นขึ้น ด้วยการปรับกฎระเบียบบางอย่างได้หรือไม่ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงาน ทำงานได้คล่องตัวขึ้น ทั้งเอกสาร การเบิกครุภัณฑ์ ที่ตนได้รับการสะท้อนมาจากทั่วประเทศว่าทำได้ยากขึ้นมาก และสุดท้ายคือ นายกรัฐมนตรีสามารถเป็นคนกลาง ให้ทั้งสองกระทรวงมีข้อตกลงที่ชัดเจนได้หรือไม่ เพราะปลายทางย่อมเป็นความต้องการเดียวกัน ให้เกิดการยกระดับสาธารณสุขปฐมภูมิ (primary care) ให้ประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงนายกรัฐมนตรียังเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติอีกตำแหน่งด้วย
 

 
ล้นข้ามปี! อสังหา 39 บริษัท แบกสินค้าเหลือปี’66 กว่า 6.6 แสนล้าน คาดใช้เวลาขาย 24 เดือน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4462924
  
ล้นข้ามปี! อสังหา 39 บริษัท แบกสินค้าเหลือปี’66 กว่า 6.6 แสนล้าน คาดใช้เวลาขาย 24 เดือน
 
วันที่ 9 มีนาคม ผู้สื่อข่าวว่า บริษัท แอล ดับเบิลยู เอส วิสดอม แอนด์ โซลูชั่นส์ จำกัด (LWS) บริษัทวิจัยและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเครือบริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) ได้สรุปรายได้และกำไรปี 2566 ของ 39 บริษัทอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ มีรายได้ลดลง 2.25% และกำไรลดลง 15.23% เมื่อเทียบกับปี 2565
 
โดยรายได้รวม ณ สิ้นปี 2566 มีมูลค่ารวม 326,722.43 ล้านบาท ลดลง 2.25% และ กำไรสุทธิที่ 37,653.10 ล้านบาท ลดลง 15.23% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีรายได้รวม 334,267.35 ล้านบาท และกำไรสุทธิรวม 44,421.21 ล้านบาท
 
ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรลดลงเหลือเพียง 11.52% ในปี 2566 จาก 13.28% ในปี 2565 โดยมีความสามารถในการทำกำไรเฉลี่ยของทั้ง 39 บริษัท อยู่ที่ 11.52% ลดลงจากปี2565 ที่มีความสามารถในการทำกำไรที่ 13.28%
 
สำหรับสินค้าคงเหลือและที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 10.93% โดยสิ้นปี 2566 อยู่ที่ 666,526 .73 ล้านบาท จากปี 2565 ที่อยู่ที่ 600,548.76 ล้านบาท

โดยบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) มีมากสุดอยู่ที่ 100,042 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้ปี 2566 ต้องใช้เวลาในการขายประมาณ 30 เดือน กรณีที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่

ในขณะที่จำนวนสินค้าคงเหลือของ 39 บริษัท ใช้ระยะเวลาในการขายประมาณ 24 เดือน เทียบจากรายได้ในปี 2566 กรณีที่ไม่มีการเปิดตัวโครงการใหม่ อาทิ บริษัท เอพี(ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 71,704.98 ล้านบาท บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 71,125 ล้านบาท บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 56,193.54 ล้านบาท บริษัท เอสซี แอสเสท คอปอร์เรชั่น จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 46,245.71 ล้านบาท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 42,290.34 ล้านบาท
 
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) อยู่ที่ 35,896.24 ล้านบาท บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 20,248.49 ล้านบาท บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 20,312.12 ล้านบาท บริษัท แอล พี เอ็น ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) อยู่ที่ 19,710.13 ล้านบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่