ยิงปืนใหญ่พิสัยไกลแลกกันไปมา โปรยทุ่นระเบิดดักบ้าง แอบสงสัย อยากรู้ว่าหาตำแหน่งยิงกันไม่เจอเลยหรอ ถึงกินเวลานาน แบบตั้งปืนใหญ่ไว้ในป่า แยกกองปืนไว้หลายกอง กว่าจะหาครบเลยนาน ไม่รู้ดาวเทียมทหารทำงานยังไง ช่วยได้แค่ไหน มิสไซส์นี่ก็ยิงพร่ำเพื่อไม่ได้ โดนสกัดก็เหมือนเผาเงินทิ้ง การที่ทหารเข้าปะทะกันไม่ได้เหมือนในหนัง กว่าจะปะทะกันก็ตอนบุกยึดสถานที่ หรือเข้ายึดจุดยุทธศาสตร์หลังจากทิ้งปอมพ์จนแน่ใจว่าไม่มีรถทัง ปืนใหญ่ จรวด หรือมีไม่มากแล้ว
แถมส่วนมาก ฝ่ายจะโดนบุกจะถอยกำลังกลับไปซะก่อน อีกกรณีที่จะปะทะกันก็ตอนเคลื่อนพลจ๊ะเอ๋กัน ถ้าจะนัวหน่อยก็จะเกิดในป่า เพราะสังเกตุอยาก เลยยำกันในระยะไกล้ ๆ ถ้าทหารเคลื่อนที่ในพื้นที่โล่ง ก็ยิงสวนกันหลายเมตร กินเวลานาน ไม่มีใครวิ่งเข้าไปแลกกระสุนกันแล้ว ถ้าแบบเป็นนั้นก็คงไม่ไมากล้าเกณเข้ามาหนีทหารกันหมดแล้ว ส่วนในตึกถึงรบกองโจรก็ไม่เหมือนเดิม ตรวจเจอก็ชี้เป้าให้ปืนใหญ่ จรวดยิง
กลยุทธ์เปลี่ยนไปตามความแม่นย่ำของอาวุธ สมัย ww2 ไม่ได้แม่นเท่าทุกวันนี้ ยังยิงปืนใหญ่ยิงมอร์ต้าร์สุ่มๆ แบบฉากในหนังที่ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ตกข้างๆ
แต่การรบแบบกองโจรมีมานานแล้วก่อน ww2 แต่ยิ่งย้อนไปก็ไม่ได้กินเวลาเหมือนทุกวันนี้เพราะ ปืนมันแม่น ยิงไกลได้เป็นร้อยกิโล
จากที่ยืนเรียงหน้ากระดานยืนแลกกันยิง จนพอมีคนคิดค้นปืนลำกล้องเกลียวหรือ rifling gun ขึ้นมา ก็ล้มตายกันเป็นเบือ เลยเป็นที่บอกกันมาว่านายพลสมัยนั้นหัวคิดไม่ทันสมัยเท่าอาวุธ ทำให้เกิดความสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการรบแบบกองโจรและการซุ่มยิง เพราะปืนยิงไกลและแม่นขึ้น และเริ่มพัฒนาเป็นยานหุ้มเกราะ ปืนใหญ่และอื่นๆ แบบทุกวันนี้
สงครามสมัยใหม่ เทคโนโลยีทางทหารก้าวหน้าแค่ไหน สงครามก็ยังยืดเยื้อเหมือนเดิม
แถมส่วนมาก ฝ่ายจะโดนบุกจะถอยกำลังกลับไปซะก่อน อีกกรณีที่จะปะทะกันก็ตอนเคลื่อนพลจ๊ะเอ๋กัน ถ้าจะนัวหน่อยก็จะเกิดในป่า เพราะสังเกตุอยาก เลยยำกันในระยะไกล้ ๆ ถ้าทหารเคลื่อนที่ในพื้นที่โล่ง ก็ยิงสวนกันหลายเมตร กินเวลานาน ไม่มีใครวิ่งเข้าไปแลกกระสุนกันแล้ว ถ้าแบบเป็นนั้นก็คงไม่ไมากล้าเกณเข้ามาหนีทหารกันหมดแล้ว ส่วนในตึกถึงรบกองโจรก็ไม่เหมือนเดิม ตรวจเจอก็ชี้เป้าให้ปืนใหญ่ จรวดยิง
กลยุทธ์เปลี่ยนไปตามความแม่นย่ำของอาวุธ สมัย ww2 ไม่ได้แม่นเท่าทุกวันนี้ ยังยิงปืนใหญ่ยิงมอร์ต้าร์สุ่มๆ แบบฉากในหนังที่ระเบิดกระสุนปืนใหญ่ตกข้างๆ
แต่การรบแบบกองโจรมีมานานแล้วก่อน ww2 แต่ยิ่งย้อนไปก็ไม่ได้กินเวลาเหมือนทุกวันนี้เพราะ ปืนมันแม่น ยิงไกลได้เป็นร้อยกิโล
จากที่ยืนเรียงหน้ากระดานยืนแลกกันยิง จนพอมีคนคิดค้นปืนลำกล้องเกลียวหรือ rifling gun ขึ้นมา ก็ล้มตายกันเป็นเบือ เลยเป็นที่บอกกันมาว่านายพลสมัยนั้นหัวคิดไม่ทันสมัยเท่าอาวุธ ทำให้เกิดความสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ หลังจากนั้นเป็นต้นมาก็มีการรบแบบกองโจรและการซุ่มยิง เพราะปืนยิงไกลและแม่นขึ้น และเริ่มพัฒนาเป็นยานหุ้มเกราะ ปืนใหญ่และอื่นๆ แบบทุกวันนี้