- เป็น Animation น้ำดีเรื่องสั้นที่รู้สึกดีต่อใจตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นหนังสั้น Program ปิดท้ายชุดนี้ที่ช่วย Heel ใจที่บอบช้ำจากทุกสรรพสิ่งที่ทำร้ายเราสารพัดจนอยากออกไปในสถานที่สักแห่งที่ปลอดจากคน รายล้อมด้วยต้นไม้แล้วทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อยล้ากับพื้นหญ้าตรงหน้าแอ่งน้ำมองดูท้องฟ้าเงียบ ๆ คนเดียวแล้วปล่อยภาระทุกอย่างที่เกิดจากผลพวงของการ Active ของสังคมที่วุ่นวายเหลือเกินไปให้หมด ระหว่างดูไปก็อดนึกถึงเรื่อง Perfect Days (2023) ขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันมีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ กัน เปลี่ยนแค่จากตาลุงทำความสะอาดห้องน้ำใจกลางญี่ปุ่นมาเป็นชายหนุ่มหัวโล้นประกอบอาชีพเป็นยามโบกรถหน้าใจกลางไต้หวันแค่นั้น ที่เหลือก็เล่าใน Concept โลกของคนเหงาที่ดันมองโลกแง่บวกท่ามกลางความเฉยชาของสังคมที่โตแค่เปลือกเช่นกัน
- ทั้งเรื่องที่ให้มาราว 17 นาที ดูง่าย เข้าใจง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อนก็แค่โฟกัสไปที่ชีวิตส่วนตัวของรปภ.หนุ่มที่หน้าเหมือนไซตามะใน One Punch Man อาศัยอยู่ในหอพักแคบ ๆ เก่า ๆ ใจกลางเมืองว่ากิจวัตรทำอะไรยังไง ? ซึ่งตรงนี้เรื่องได้เล่าให้เราอย่างรวบ ๆ ว่าเมื่อยิ่งโตขึ้นเพื่อนก็ยิ่งน้อยลง พอเรามีภาระหน้าที่ที่ต้องทำมากขึ้นก็ยิ่งค่อย ๆ ถอยห่างจากสังคมที่เคยตื่นเต้นในวัยเยาว์ออกไปแล้วยิ่งตัวเอกไม่มีเพื่อนไม่สุงสิงกับเพื่อนห้องหรือออกไป Outdoor คนเดียวเหมือนตาลุงก็ยิ่งตอกย้ำให้เขาหมกตัวอยู่ใน Comfort Zone ที่มีทั้งความเหงาและความสุขเล็ก ๆ ที่เขาสร้างขึ้นเองด้วยความยินดีแต่ก็ยังยิ้มได้เมื่อพบกับนกกระยางสีขาวตัวหนึ่งขึ้นมาทำให้โลกของเขาค่อย ๆ สดใสขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น บวกกับความที่มีจิตใจดีอยู่ทุนเดิมเวลาเจอเหตุการณ์อะไรเขาจะยิ้มเหมือนตาลุง โดยเฉพาะเมื่อเห็นสัตว์จำพวก หอย , ทาก และ กบ กำลังคลานข้ามถนนแล้วลงไปช่วยไว้ขณะติดไฟแดงเลยทำให้เราเห็นความสุขเล็ก ๆ ในตัวเอกที่ไม่ถูกกลืนไปกับระบอบบิดเบี้ยวที่เลือกให้กลไกของทุนนิยมเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงไปตามระบบของผู้มีอำนาจที่มุ่งเจริญทางวัตถุ และ แข่งขันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จนบั่นทอนจิตใจคนค่อย ๆ เห็นแก่ตัวมากขึ้น
- พอหนังเข้าสู่ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ตัวเอกเห็นรถแม็คโครกำลังขับเพื่อเคลียร์ทางพื้นที่รกร้างแล้วมีพวกกบ , หอย , ทาก และ นกกระยางอาศัยอยู่กำลังวิ่งหนีตายกันอลหม่านแล้วกำลังจะเข้าไปห้ามแต่ถูกคนงานจับตัวไว้ก่อนเห็นแล้วรู้สึกสะเทือนใจลึก ๆ และไม่ปฎิเสธว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นจริงและมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่อัตราการเกิดของคนยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดพื้นที่ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ก็จะถูกบุกรุกและทำลายลงไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการของคนจนกลายเป็นคำถามกลับมาเตือนสติคนว่าถึงเวลาหรือยังที่ควรหันมาเอาใจใส่และอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้บ้างกันก่อนที่ไม่มีโอกาสให้เห็นอีกในอนาคต
- ถึงแม้ไม่มีบทพูดออกมาสักคำแต่ก็มีเสียงจากแวดล้อมข้างทางออกมาเป็นสื่อกลางให้เราเสพ Details ขณะนั้นว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร ? อีกทั้งไม่ให้เงียบเป็นป่าช้าถึงกับวูบหลับ มีจุดพลิกผันกระตุ้นอารมณ์ให้เรารู้สึกร่วมไปทาง Fantasy นิด ๆ แต่ไม่ได้ถึงกับหักมุมจนหน้าเหวอใด ๆ เพราะ บทสรุปหาทางจบลงได้ดีและแอบปลายเปิดให้คนดูไปคิดตามต่อตามอัธยาศัยเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมที่หนังพยายามส่ง Massage กับเราอยู่ตลอด ที่โดดเด่นอีกอย่างคืองานเส้นที่วาดด้วยมือออกแบบเมืองได้สวยงามคล้ายของจริง เก็บรายละเอียดทุกซอกทุกมุมจนทราบเลยว่าผู้กำกับและทีมงานตั้งใจทำอย่างพิถีพิถันขนาดไหน โดยเฉพาะการระบายด้วยสีน้ำกับการเคลื่อนไหวของตัวละครหรือใส่ กิมมิคเล็ก ๆ ประกอบเพื่อปรุงแต่งบรรยากาศ คือ มันเป็นงานภาพที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชวนนึกถึงการ์ตูนสมัยเด็ก ๆ ที่ฉายในโทรทัศน์ ก่อนไปโรงเรียนหรือเช้าวันเสาร์-อาทิตย์หรือไม่เกมส์คอมพิวเตอร์ยังไงยังงั้น
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like & Share บทความของผม และ Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
[CR] No.88 The Egret River (2022) Director By Wan-Ling Liu : CCCL Film Festival 2024
- เป็น Animation น้ำดีเรื่องสั้นที่รู้สึกดีต่อใจตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นหนังสั้น Program ปิดท้ายชุดนี้ที่ช่วย Heel ใจที่บอบช้ำจากทุกสรรพสิ่งที่ทำร้ายเราสารพัดจนอยากออกไปในสถานที่สักแห่งที่ปลอดจากคน รายล้อมด้วยต้นไม้แล้วทิ้งตัวลงด้วยความเหนื่อยล้ากับพื้นหญ้าตรงหน้าแอ่งน้ำมองดูท้องฟ้าเงียบ ๆ คนเดียวแล้วปล่อยภาระทุกอย่างที่เกิดจากผลพวงของการ Active ของสังคมที่วุ่นวายเหลือเกินไปให้หมด ระหว่างดูไปก็อดนึกถึงเรื่อง Perfect Days (2023) ขึ้นมาไม่ได้ เพราะมันมีอะไรบางอย่างคล้าย ๆ กัน เปลี่ยนแค่จากตาลุงทำความสะอาดห้องน้ำใจกลางญี่ปุ่นมาเป็นชายหนุ่มหัวโล้นประกอบอาชีพเป็นยามโบกรถหน้าใจกลางไต้หวันแค่นั้น ที่เหลือก็เล่าใน Concept โลกของคนเหงาที่ดันมองโลกแง่บวกท่ามกลางความเฉยชาของสังคมที่โตแค่เปลือกเช่นกัน
- ทั้งเรื่องที่ให้มาราว 17 นาที ดูง่าย เข้าใจง่าย ไม่มีอะไรซับซ้อนก็แค่โฟกัสไปที่ชีวิตส่วนตัวของรปภ.หนุ่มที่หน้าเหมือนไซตามะใน One Punch Man อาศัยอยู่ในหอพักแคบ ๆ เก่า ๆ ใจกลางเมืองว่ากิจวัตรทำอะไรยังไง ? ซึ่งตรงนี้เรื่องได้เล่าให้เราอย่างรวบ ๆ ว่าเมื่อยิ่งโตขึ้นเพื่อนก็ยิ่งน้อยลง พอเรามีภาระหน้าที่ที่ต้องทำมากขึ้นก็ยิ่งค่อย ๆ ถอยห่างจากสังคมที่เคยตื่นเต้นในวัยเยาว์ออกไปแล้วยิ่งตัวเอกไม่มีเพื่อนไม่สุงสิงกับเพื่อนห้องหรือออกไป Outdoor คนเดียวเหมือนตาลุงก็ยิ่งตอกย้ำให้เขาหมกตัวอยู่ใน Comfort Zone ที่มีทั้งความเหงาและความสุขเล็ก ๆ ที่เขาสร้างขึ้นเองด้วยความยินดีแต่ก็ยังยิ้มได้เมื่อพบกับนกกระยางสีขาวตัวหนึ่งขึ้นมาทำให้โลกของเขาค่อย ๆ สดใสขึ้น มีชีวิตชีวาขึ้น บวกกับความที่มีจิตใจดีอยู่ทุนเดิมเวลาเจอเหตุการณ์อะไรเขาจะยิ้มเหมือนตาลุง โดยเฉพาะเมื่อเห็นสัตว์จำพวก หอย , ทาก และ กบ กำลังคลานข้ามถนนแล้วลงไปช่วยไว้ขณะติดไฟแดงเลยทำให้เราเห็นความสุขเล็ก ๆ ในตัวเอกที่ไม่ถูกกลืนไปกับระบอบบิดเบี้ยวที่เลือกให้กลไกของทุนนิยมเข้ามามีบทบาทเปลี่ยนแปลงไปตามระบบของผู้มีอำนาจที่มุ่งเจริญทางวัตถุ และ แข่งขันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จนบั่นทอนจิตใจคนค่อย ๆ เห็นแก่ตัวมากขึ้น
- พอหนังเข้าสู่ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมในช่วงที่ตัวเอกเห็นรถแม็คโครกำลังขับเพื่อเคลียร์ทางพื้นที่รกร้างแล้วมีพวกกบ , หอย , ทาก และ นกกระยางอาศัยอยู่กำลังวิ่งหนีตายกันอลหม่านแล้วกำลังจะเข้าไปห้ามแต่ถูกคนงานจับตัวไว้ก่อนเห็นแล้วรู้สึกสะเทือนใจลึก ๆ และไม่ปฎิเสธว่าสิ่งที่เห็นมันเกิดขึ้นจริงและมันจะเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ตราบใดที่อัตราการเกิดของคนยังเพิ่มขึ้นไม่หยุดพื้นที่ป่าไม้และทรัพยากรธรรมชาติอื่น ๆ ก็จะถูกบุกรุกและทำลายลงไปเรื่อย ๆ ตามความต้องการของคนจนกลายเป็นคำถามกลับมาเตือนสติคนว่าถึงเวลาหรือยังที่ควรหันมาเอาใจใส่และอนุรักษ์สิ่งเหล่านี้บ้างกันก่อนที่ไม่มีโอกาสให้เห็นอีกในอนาคต
- ถึงแม้ไม่มีบทพูดออกมาสักคำแต่ก็มีเสียงจากแวดล้อมข้างทางออกมาเป็นสื่อกลางให้เราเสพ Details ขณะนั้นว่าตัวละครรู้สึกอย่างไร ? อีกทั้งไม่ให้เงียบเป็นป่าช้าถึงกับวูบหลับ มีจุดพลิกผันกระตุ้นอารมณ์ให้เรารู้สึกร่วมไปทาง Fantasy นิด ๆ แต่ไม่ได้ถึงกับหักมุมจนหน้าเหวอใด ๆ เพราะ บทสรุปหาทางจบลงได้ดีและแอบปลายเปิดให้คนดูไปคิดตามต่อตามอัธยาศัยเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมที่หนังพยายามส่ง Massage กับเราอยู่ตลอด ที่โดดเด่นอีกอย่างคืองานเส้นที่วาดด้วยมือออกแบบเมืองได้สวยงามคล้ายของจริง เก็บรายละเอียดทุกซอกทุกมุมจนทราบเลยว่าผู้กำกับและทีมงานตั้งใจทำอย่างพิถีพิถันขนาดไหน โดยเฉพาะการระบายด้วยสีน้ำกับการเคลื่อนไหวของตัวละครหรือใส่ กิมมิคเล็ก ๆ ประกอบเพื่อปรุงแต่งบรรยากาศ คือ มันเป็นงานภาพที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ชวนนึกถึงการ์ตูนสมัยเด็ก ๆ ที่ฉายในโทรทัศน์ ก่อนไปโรงเรียนหรือเช้าวันเสาร์-อาทิตย์หรือไม่เกมส์คอมพิวเตอร์ยังไงยังงั้น
ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like & Share บทความของผม และ Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้