ก่อนจะเล่า ต้องขอออกตัวไว้ก่อนเลย ว่าเราเป็นคนเล่าเรื่องไม่เก่ง เล่าไม่ค่อยรู้เรื่อง เรียบเรียงไม่เก่ง เหมือนเรื่องมันอยู่ในหัวเยอะจนกรองออกมาเล่าได้นิดเดียว
เมื่อก่อนตอนไม่มีปัญหาอะไรกับความรู้สึกพวกนี้ ทุกวันหรือทุกขณะเวลาเราจะมีเรื่องให้พัฒนาชีวิต หรือคิดหาอะไรทำเพื่อให้มีชีวิตในรูปแบบที่เราต้องการให้เป็นไปได้มากที่สุด ทั้งอาชีพหน้าที่การงาน อยากจะทำในหน้าที่ ที่อยากทำ หรืออยากทำงานที่มีเงินเดือนที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ มันจะมีพรุ่งนี้ในทุกๆ วัน และมันยังมองเห็นในวันข้างหน้า ว่าวันข้างหน้าเราต้องการที่จะเป็นอย่างไร อยากทำอะไรเพื่อที่จะไปถึงในวันนั้น
แต่เมื่อประมาณสองปีที่แล้วเราป่วย มีปัญหาทางด้านสายตา ด้วยความไม่รู้และ คิดว่าไม่เป็นอะไรหรอกของเรา มันเริ่มมาจากตาข้างขวาที่เริ่มมองไม่ชัด มีจุดบดบัง ปล่อยปะละเลยไปจนมืดถึงจะไปตรวจ สรุปเป็น จอประสาทตาลอก (ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ มันน่าจะยาวและเป็นทางการแพทย์เยอะไป) และที่สำคัญมันเป็นทั้งสองข้าง แต่ข้างซ้ายเหมือนมันมีการรักษาตัวเองไปก่อน ตามที่คุณหมอเคยบอกไว้ สรุปการรักษามาที่ปีนี้ประมาณมกราคม 67 ข้างซ้ายมันลอกตามมา สรุปก็คือ รักษาไว้ได้แต่ก็มองเห็นไม่ชัด นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้
เพราะเรามองเห็นได้ไม่เหมือนเดิม แถมไม่รู้ว่า ในวันข้างหน้าเราจะมองไม่เห็นเลยมั้ย จากคนที่เคยทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องพึ่งพาคนอื่นมากขึ้น รถยนต์ที่เคยขับได้ก็ขับไม่ได้แล้ว แค่เดินยังชนเขาไปทั่ว (ที่เห็นพิมพ์ได้เราต้องใส่แว่นสายตา และใช้การพิมพ์สัมผัส) ที่เราทำงานไม่ได้เพราะ เรามองหน้าจอได้ไม่เหมือนเดิม ถ้าการมองเห็นไม่ดีพอ เราอาจจะทำให้งานผิดพลาดเสียหายได้
เราอาจจะมีภาวะซึมเศร้านิดๆ ด้วยมั้ง บางวันมันก็คิดว่า โลกมันใจร้ายจัง มันไม่น่าอยู่เอาซะเลย มันเลยเหมือนอยู่ไปวันๆ อนาคตมันแทบจะอยู่ในความมืดมนเลย
ทุกวันนี้เลยพยายามหาทางที่จะใช้ชีวิตที่มีอยู่ด้วยการหาจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่ หาให้ได้ว่าในอนาคตจะเป็นหรือจะอยู่ตรงไหน แต่ตอนนี้มันหาไม่เจอแย่มาก เพราะเราอยู่กับสายตาที่มองไม่ชัดทุกวัน และตลอดเวลามันเลยยากมากเลยที่จะไม่ใส่ใจและปล่อยวาง
ส่วนเรื่องของการศรัทธา เรายอมรับว่าเราก็ศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกเหนือจากพระพุทธเจ้าด้วยน่ะแหละ ก็มากพอควร แต่ประสบการณ์ที่ได้รับ อาจจะไม่ได้รับเหมือนคนอื่นเขาด้วยมั้ง อันนี้เราคงอยากได้มากไปหน่อย ก็ยอมรับด่าตัวเองเหมือนกันว่าไปหวังอะไรแบบนั้น จนมาเรื่องป่วยที่ทุกครั้งที่ไปหาหมอก็ขอพรให้ได้รับข่าวดีบ้าง (แทบจะไม่มีข่าวดีเลย) เราอาจจะมองเห็นแต่เรื่องร้ายๆ ที่ได้รับก็ได้มั้ง แต่มันบ่อยเสียจนเรารู้สึกว่า เอ้ออออ มันเกิดอะไรขี้นกับเรา
ป่วยจนตาเหลือข้างเดียว ตกงานตอนอายุ 37 มีความรู้ ประสบการณ์ไปก็แทบจะใช้ไม่ได้เลย ทุกวันนี้อยู่ไปวันๆ จริงๆ ยิ่งวันนี้ที่ต้องมานั่งเขียนเพราะ ดูคลิปตลกแล้วไม่ขำแล้ว
มาถึงตอนนี้เราก็ยังรู้สึกอยู่ว่า "โลกมันไม่ได้ใจดีเลยสำหรับเรา"
ใครเคยมีภาวะหรือความรู้สึก "หมดศรัทธา" กับ รู้สึกว่า "ไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิต" หรือเปล่าครับ
เมื่อก่อนตอนไม่มีปัญหาอะไรกับความรู้สึกพวกนี้ ทุกวันหรือทุกขณะเวลาเราจะมีเรื่องให้พัฒนาชีวิต หรือคิดหาอะไรทำเพื่อให้มีชีวิตในรูปแบบที่เราต้องการให้เป็นไปได้มากที่สุด ทั้งอาชีพหน้าที่การงาน อยากจะทำในหน้าที่ ที่อยากทำ หรืออยากทำงานที่มีเงินเดือนที่สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ มันจะมีพรุ่งนี้ในทุกๆ วัน และมันยังมองเห็นในวันข้างหน้า ว่าวันข้างหน้าเราต้องการที่จะเป็นอย่างไร อยากทำอะไรเพื่อที่จะไปถึงในวันนั้น
แต่เมื่อประมาณสองปีที่แล้วเราป่วย มีปัญหาทางด้านสายตา ด้วยความไม่รู้และ คิดว่าไม่เป็นอะไรหรอกของเรา มันเริ่มมาจากตาข้างขวาที่เริ่มมองไม่ชัด มีจุดบดบัง ปล่อยปะละเลยไปจนมืดถึงจะไปตรวจ สรุปเป็น จอประสาทตาลอก (ขอไม่ลงรายละเอียดนะครับ มันน่าจะยาวและเป็นทางการแพทย์เยอะไป) และที่สำคัญมันเป็นทั้งสองข้าง แต่ข้างซ้ายเหมือนมันมีการรักษาตัวเองไปก่อน ตามที่คุณหมอเคยบอกไว้ สรุปการรักษามาที่ปีนี้ประมาณมกราคม 67 ข้างซ้ายมันลอกตามมา สรุปก็คือ รักษาไว้ได้แต่ก็มองเห็นไม่ชัด นี่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้
เพราะเรามองเห็นได้ไม่เหมือนเดิม แถมไม่รู้ว่า ในวันข้างหน้าเราจะมองไม่เห็นเลยมั้ย จากคนที่เคยทำทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง ก็ต้องพึ่งพาคนอื่นมากขึ้น รถยนต์ที่เคยขับได้ก็ขับไม่ได้แล้ว แค่เดินยังชนเขาไปทั่ว (ที่เห็นพิมพ์ได้เราต้องใส่แว่นสายตา และใช้การพิมพ์สัมผัส) ที่เราทำงานไม่ได้เพราะ เรามองหน้าจอได้ไม่เหมือนเดิม ถ้าการมองเห็นไม่ดีพอ เราอาจจะทำให้งานผิดพลาดเสียหายได้
เราอาจจะมีภาวะซึมเศร้านิดๆ ด้วยมั้ง บางวันมันก็คิดว่า โลกมันใจร้ายจัง มันไม่น่าอยู่เอาซะเลย มันเลยเหมือนอยู่ไปวันๆ อนาคตมันแทบจะอยู่ในความมืดมนเลย
ทุกวันนี้เลยพยายามหาทางที่จะใช้ชีวิตที่มีอยู่ด้วยการหาจุดมุ่งหมายในชีวิตใหม่ หาให้ได้ว่าในอนาคตจะเป็นหรือจะอยู่ตรงไหน แต่ตอนนี้มันหาไม่เจอแย่มาก เพราะเราอยู่กับสายตาที่มองไม่ชัดทุกวัน และตลอดเวลามันเลยยากมากเลยที่จะไม่ใส่ใจและปล่อยวาง
ส่วนเรื่องของการศรัทธา เรายอมรับว่าเราก็ศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกเหนือจากพระพุทธเจ้าด้วยน่ะแหละ ก็มากพอควร แต่ประสบการณ์ที่ได้รับ อาจจะไม่ได้รับเหมือนคนอื่นเขาด้วยมั้ง อันนี้เราคงอยากได้มากไปหน่อย ก็ยอมรับด่าตัวเองเหมือนกันว่าไปหวังอะไรแบบนั้น จนมาเรื่องป่วยที่ทุกครั้งที่ไปหาหมอก็ขอพรให้ได้รับข่าวดีบ้าง (แทบจะไม่มีข่าวดีเลย) เราอาจจะมองเห็นแต่เรื่องร้ายๆ ที่ได้รับก็ได้มั้ง แต่มันบ่อยเสียจนเรารู้สึกว่า เอ้ออออ มันเกิดอะไรขี้นกับเรา
ป่วยจนตาเหลือข้างเดียว ตกงานตอนอายุ 37 มีความรู้ ประสบการณ์ไปก็แทบจะใช้ไม่ได้เลย ทุกวันนี้อยู่ไปวันๆ จริงๆ ยิ่งวันนี้ที่ต้องมานั่งเขียนเพราะ ดูคลิปตลกแล้วไม่ขำแล้ว
มาถึงตอนนี้เราก็ยังรู้สึกอยู่ว่า "โลกมันไม่ได้ใจดีเลยสำหรับเรา"