เริ่มเรื่องเลยเรากับแฟนเปิดร้านขายน้ำ ขนม ชานมไข่มุกอยู่ข้างรั่วรร.แห่งหนึ่ง(บ้านอยู่ติดรร.)ช่วงเย็นเด็กเลิกเรียนจะวุ่นวายสุดๆ เปิดมา3ปีเข้าปีที่4มีปัญหาที่เรากับแฟนมองเห็นมาตลอดแต่รร.ไม่ได้แก้ไข ยกตัวอย่าง เด็กเข้ามาสูบบุหรี่ มานัดตีนัดต่อยกันบริ้วณร้าน เป็นประจำแต่ครูเวรที่ยืนประจำไม่สนใจเลย แจ้งครูก็แล้ว บอกยามให้ช่วยดูให้ก็ไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ พยามหาทางป้องกันโดยทำประตูไม้กั้นโซนที่ลับตาคนไม่ให้เด็กเข้าไปมั่วสุม สูบบุหรี่ แต่ก็ยังมีเด็กทำเหมือนเดิม บางครั้งครูฝึกสอนวิ่งเข้าไปในตัวบ้านเราเพื่อหลบมาสูบบุหรี่(บ้านไม่มีประตูรั้วนะคะเป็นทางเดินเข้า-ออกติดถนนหลวง)จนมาถึงเหตุการณ์ที่เราว่ามันไม่โอเคมากๆ ก็คือเด็กๆชั้นม.1-2พากันมาเข้าแถวต่อคิวสูบบุหรี่ไฟฟ้าข้างๆบ้านเราทั้งผญ./ผช. แฟนเราก็รู้สึกว่าต้องแจ้งครูเวรแต่หันไปไม่พบใคร จะจับไปเข้าห้องปกครองก็ไม่ใช้สิทธิ์หรือหน้าที่เรา เลยนำปัญหาที่สะสมมาตลอดเวลาที่เราเปิดร้านมา3-4ปีลงโพสต์ไปในกลุ่มชุมชนของจังหวัดแห่งหนึ่ง คำคอมเม้นต์ก็มีหลากหลายความคิด กระแสที่มองเราในแง่ลบหาว่าเราหากินกับรร.แต่ยังมาทำให้รร.อับอายเสียชื่อเสียงก็มี บางกลุ่มต่อว่าเราว่าไม่ควรลงโพสต์แบบนั้นเลย แต่เรามีเหตุผลซึ่งมันไม่ใช่เหตุการณ์แรก บางคนมองว่าเป็นหูเป็นตาให้รร. หลายความเห็นมากๆมีทั้งบั่นทอนเราและให้กำลังใจ หลังจากโพสต์ไปชั่วข้ามคืน รุ่งเช้าคณะผอ.และครูประมาณ5-6คน ได้เข้ามาพูดคุยเคลียใจกัน ประเด็นหลักคือการให้เราลบโพสต์เพื่อเห็นแก่ชื่อเสียงรร. พร้อมกับคำพูดของผอ.ที่ถามกลับเราว่าจะให้เขาทำยังไงบอกหน่อย จะให้แฟนเราไปเป็นยามในรร.และให้พ่อแฟนเราเป็นภารโรงได้ไหมละ คำพูดนี้เหมือนการดูถูก ทั้งพ่อแฟนและแฟนเราก็ไม่ค่อยโอเค ต่อมาการแก้ปัญหาของผอ.ในครั้งนี้ก็คือ การตั้งร้านขายน้ำและของทอด มาม่า เหมือนร้านเราขายทุกอย่าง ตั้งร้านในจุดรวมพลก่อนออกจากรร. นำของที่เด็กๆเคยออกมาซื้อเราไปขายให้เด็กโดยอ้างว่าเป็นการแก้ปัญหาแล้ว ใช้บุคคลกรในรร.ทั้งรองผอ.เจ้าหน้าที่การเงินแม่บ้าน คนงาน มาขายให้เด็กตั้งแต่บ่ายๆจนถึงเลิกเรียน เราได้แต่มองดูเขาขายแต่ตัวเราแทบขายไม่ได้เลย เนื่องจากรร.กักเด็กและขายเองทั้งหมดแม้แต่ช่วงปล่อยเด็กทางครูเวรบอกเด็กว่าห้ามมานั่งที่ร้านเรา และห้ามซื้อของจากข้างนอกเข้าไปกินข้างในรร.ไม่งั้นจะย้องเข้าห้องปกครอง(เด็กพูดกันให้เราได้ยินหลายคนมสกๆ) วิธีแก้ไขนี้ผอ.ก็ไม่ได้ตกลงกับร้านเราตอนเคลียใจครั้งนั้นเลย จนล่าสุดเมื่อต้นเดือนกพ.แฟนและพ่อแฟนเราได้โทรนัดขอคุยกับผอ. ช่วงแรกผอ.บ่ายเบี่ยงบอกไม่ว่างมีประชุม อบรมสารพัด แต่เราเห็นผอ.ขับรถยนต์ออกจากรร.ตั้งแต่บ่าย2ทุกวันในช่วงที่เลื่อนนัด พอตกลงวันนัดคุยได้ พ่อแฟนกะแฟนเราไปรอพบ ตามนัดแจ้งให้เข้าไปคุย10โมงเช้าแต่ผอ.ยังไม่มาตามนัด จึงต้องให้เลขานุการหน้าห้องโทรตาม ในขณะคุยกันผอ.และรองผอ.ไม่มีคำตอบให้ทางร้านเราเลยว่าเหตุใดแนวทางแก้ไขจึงเป็นแบบนี้ ผอ.แจ้งว่าไม่ทราบ ไม่รู้ทุกๆเรื่อง ลักษณะท่าทางเหมือนไม่อยากจะมาคุยกันด้วยซ้ำ ทางเราให้เกียรติทางผอ.และรร.จึงไม่โพสต์อะไรในมางเสื่อมเสียมาตลอดหลังเกิดเหตุการณ์นั้นมา1ปีเต็ม แต่พอจะมานั่งคุยกันเพื่อแจ้งถึงผลกระทบที่รร.ได้ทำให้ร้านเราขายของไม่ได้ กลับโดนผอ.และฝ่ายบริหารบ่ายเบี่ยงและให้คำตอบไม่ได้เลยว่า ทำไมการแก้ไขถึงออกมาเป็นลักษณะนี้ กลายเป็นว่าเราเหมือนพลเมืองดีที่โดนทำร้ายอีกทีนึง ปัจจุบันเราได้ยกเลิกการซื้อ-ขายน้ำอัดลมเจ้าดังไป และเลิกทำของทอดของทานเล่นไป เพราะเราขายไม่ได้เลยจริงๆ. ซึ่งร้านค้าที่รร.ตั้งขึ้นมากักเด็กผอ.บอกเราว่าผอ.ไม่ทราบแต่ให้เจ้าหน้าที่การเงินมาขาย ซึ่งไม่เกี่ยวกับสหกรณ์รร. ไม่มีคำตอบใดๆที่ทำให้เราโอเคทั้งสองฝ่าย ทุกวันนี้เด็กๆนักเรียนยังคงมานั่งรอรถ รอผู้ปกครองมารับที่หน้าร้านเราได้ตลอด (หากไม่ได้ทำพฤติกรรมอะไรที่ไม่ดี เราไม่เคยห้ามหรือว่ากล่าวใดๆ) ร้านเราเปิดจนถึง1-2ทุ่ม จนกว่าเด็กๆจะกลับบ้านหมดถึงปิดร้าน แม้เด็กๆไม่ซื้อของเราเลยก็ตามและร้านเราไม่เคยมีการว่าเด็กๆหากซื้อของจากที่อื่นมาทานในร้านเรา สรุปทั้งหมดที่กล่าวมา ถ้าเป็นเพื่อนๆสมาชิกเจอปัญหานี้จะรับมือยังไงดี แล้วทั้งหมดที่เราทำลงไปเราผิดจริงๆหรือไม่T_T
เพื่อนๆสมาชิกมีความเห็นว่าเราทำถูกหรือผิดกันแน่นะ?