เรื่องสั้น : ไอ้ดื้อ (ดรามา)

กระทู้สนทนา
เรื่อง : ไอ้ดื้อ
โดย : ละเว้

รถของเด็กพวกนั้นแผดเสียงดังลั่นผ่านหน้าบ้านเราไป วันนี้ไม่มีเสียงของมันเห่าไล่หลังเหมือนทุกวัน

มันชื่อไอ้ดื้อ ครั้งแรกที่ได้เห็นมันตัวเล็กและผอมโซเลยทีเดียว มันมาจากไหนไม่รู้ แม่ให้ข้าวกินแล้วมันก็อยู่กับเรามาตลอด แม่บอกว่าดีแล้ว แมวมาหาหมามาสู่เป็นเรื่องดี

ผมชอบเล่นกับมัน มันเองก็ชอบตาม ไม่ว่าผมจะไปหาปูปลาหรือที่ไหน ๆ ก็ตาม และมันก็ดื้อสมชื่อจริง ๆ มันชอบกัดรองเท้า กัดทุกอย่างแม้แต่หัวน้ำเหวี่ยงตามสวน และยังชอบคุ้ยโคนทุเรียนที่พ่อเพิ่งปลูก มันทำให้ต้นทุเรียนตาย พ่อโดนเถ้าแก่ดุ ดูเหมือนเถ้าแก่จะไม่ค่อยชอบไอ้ดื้อนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าแกจะไม่ชอบสุนัขนะ เพราะที่บ้านแกก็มีหมาที่แกให้นอนในห้องแอร์เลยด้วยซ้ำ พ่อชอบบอกว่า ‘ฅนอะไรเลี้ยงหมาอย่างกับลูก’ 

แต่ก็นั่นแหละ เมื่อไอ้ดื้อทำให้พ่อถูกดุ มันก็เลยถูกพ่อตีเพราะเรื่องนี้อยู่เป็นประจำ
อีกอย่างที่จะทำให้ไอ้ดื้อโดนตีก็คือเรื่องที่มันชอบวิ่งไล่รถ แต่ไม่ใช่ทุกคันหรอกนะที่ไอ้ดื้อมันจะไล่กวด

ถนนหน้าที่พักของเราจะเป็นทางซอยเข้าสวนไม่ค่อยมีรถผ่านมากนักหรอก แต่หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์แล้วล่ะก็ จะมีกลุ่มเด็กที่ชอบขับมอร์เตอร์ไซค์เร่งเครื่องเสียงดังผ่านไปมาแทบทั้งวัน นั่นแหละที่ไอ้ดื้อมันจะไม่ชอบเลย

.
เย็นนั้นมันตามผมไปหาปลาที่อ่างเก็บน้ำซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของเรามากนัก เสียงแว้นเฮฮาดังมาแต่ไกล ผมหันไปส่งเสียงกำราบ แต่มันกลับส่งเสียงดังและวิ่งไล่รถคันหนึ่ง เมื่อไม่ทันมันก็หันกลับ นั่นทำให้รถคันที่ตามหลังมาเกือบชนมัน ดีว่าไอ้ดื้อหลบได้ทัน แต่มันดันไปขวางทางของรถอีกคันที่วิ่งสวนมาพอดี คราวนี้ไม่พ้น มันโดนชนอย่างจัง รถคันนั้นเสียหลักล้มไถลไปกับมัน ไอ้ดื้อคงเจ็บมาก มันร้องเสียงหลงทีเดียว เด็กฅนนั้นก็คงเจ็บ ผมทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนมองขณะที่พวกเขาชี้หน้าด่า ฟังไม่ออกหรอกว่าพวกนั้นด่าว่าอะไร แต่ถึงฟังออกก็คงได้แต่ยืนนิ่งอยู่ดี 

พวกนั้นโกรธมาก เด็กฅนหนึ่งคว้าไม้จะไปฟาดไอ้ดื้อซ้ำแต่มันก็หนีไปได้

.
“ไอ้กบาลรึง  หาเรื่องมาให้อีกแล้วนะเมิง" พ่อบ่นมันเมื่อรู้เรื่องที่เกิดขึ้น

(กบาลรึง แปลว่าหัวแข็ง ใช้ในความหมายดื้อได้)

ไอ้ดื้อทำให้เราต้องเสียเงินที่พ่อบอกว่ามากพอดู ทั้งค่าซ่อมรถและค่ารักษาฅนเจ็บ ผมรู้ว่าพ่อไม่มีเงินมากนักหรอก พ่อมาทำงานที่นี่ได้ค่าแรงแค่วันละสองร้อย

‘เราไม่ใช่ฅนไทย จะหวังค่าแรงสามร้อยเท่าเขาคงจะยาก มีงานทำก็ดีแล้ว’

ผมเคยได้ยินพ่อบอกกับแม่แบบนั้น พ่อบอกว่าถึงอย่างไรก็ดีกว่าได้ค่าแรงแพงแล้วถูกโกง ก่อนหน้านี้พ่อเคยทำงานก่อสร้างที่เกาะแห่งหนึ่งแล้วไม่ได้ค่าแรงอะไรเลย ช่วงนี้ฝนตกบ่อยด้วยบางวันพ่อจึงไม่ได้ทำงาน นั่นเท่ากับไม่มีค่าแรง 

เมื่อพ่อมีเงินไม่พอเถ้าแก่จึงต้องจ่ายค่าปรับให้ก่อนแล้วค่อยหักคืนทีหลัง

.
“ช่วงนี้เราต้องประหยัดกันหน่อย” พ่อพูดกับแม่

“ไม่เป็นไรหรอก กินอดอย่างไรก็ยังดีกว่าอยู่บ้านเรา อย่างน้อยยอดตำลึงกับผักกระสังในสวนก็ยังพอหาได้” เสียงแม่บอกกับพ่อ อาจเหมือนที่แม่ว่า อยู่ที่นี่อย่างไรก็ยังดีกว่าที่บ้าน แต่ผมก็อดคิดถึงทุ่งนา อดคิดถึงเพื่อน ๆ ที่นั่นไม่ได้สักที เพราะนอกจากไอ้ดื้อแล้วผมก็ไม่มีเพื่อนที่นี่เลยนี่นา

.
รถของเด็กพวกนั้นแผดเสียงดังลั่นผ่านหน้าบ้านเราไป วันนี้ไม่มีเสียงของมันเห่าไล่หลังเหมือนทุกวัน

เรานั่งกินข้าวกันเงียบ ๆ ตะวันดวงโตเห็นได้เมื่อมองผ่านประตูออกไป เย็นนี้มันช่างเงียบเหงามากเลย

“พ่อไม่ได้ฆ่ามันใช่ไหม” ผมอดที่จะหันไปถามพ่อไม่ได้

“ไม่ได้ฆ่า” พ่อลากเสียงหนัก “มันไปกินหญ้าที่พ่อเพิ่งพ่นยานั่นแหละก็เลยตาย” พ่อตอบก่อนหันไปหยิบชิ้นเนื้อทอดจากสำรับขึ้นมา

“กินเข้าไปเถอะ สัจปิเซส์  นี่ไม่ใช่จะมีทุกวัน” พ่อพูดพลางส่งชิ้นเนื้อเข้าปากเคี้ยวกิน

ผมก้มมองเนื้อทอดในชามนั่นอีกครั้งก่อนหยิบมันขึ้นมา.

(คนขแมร์เรียกสุนัขว่า สัตว์ปิเซส์ แปลว่าสัตว์พิเศษ เรียกเนื้อสุนัขว่า สัจปิเซส์ แปลว่าเนื้อพิเศษ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่