เราเป็นเด็กตจว. ที่มาเรียนในกทม เราเรียนปวส.(จบแล้ว) กำลังรับวุฒิ แล้วก็ยังทำงานประจำ เราเรียนภาคพิเศษแค่วันเดียวที่เหลือทำงาน ไม่มีวันหยุดเลยค่ะ เราอยู่กทมทำงานได้2ปี มี2ที่อย่างละปี ที่ล่าสุดเราตัดสินใจลาออกเพราะว่าเรามีปัญหากับที่ทำงานจนเราทนไม่ไหว เราก็เลยลาออก ทั้งๆที่เราไม่มีเงินเก็บ ไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่เราเหนื่อยจริงๆ เราแค่พยายามใช้ชีวิตให้คุ้ม ได้กิน ได้เที่ยว ได้เรียน ได้ทำงาน ช่วงแรกๆเราเอ็นจอยกับชีวิตมาก หลังๆมาเริ่มไม่ใช่ หลังจากที่ลาออกโดนไม่ปรึกษาใครเลย เราก็เป็นคนว่างงาน เงินเดือนก็แทบจะไม่เหลือ เราคิดอยู่อย่างเดียวคือกับบ้านไปหาแม่ แม่เราก็ไม่ได้ว่าอะไรในตอนแรก เรากลับบ้านไปพักผ่อน ค่อยกลับไปเริ่มใหม่ สิ่งแรกที่เรารู้สึกแย่มากๆคือ การบอกพ่อว่าลาออก พ่อพูดกับเราว่าทำไมไม่ทน ใช่ว่าพ่อจะอยู่ช่วยเราได้ตลอด ทำไมไม่พยายาม แม่ก็บอกอีกว่า จะอยู่ขอเงินพ่อแม่ตลอดรึไง ขอบอกก่อนว่า พ่อเป็นคนส่งเราเรียน ส่วนแม่เรานั้นไม่มีงานทำเพราะแม่เราไม่ค่อยสบาย เจ็บสุดๆก็คงเป็นพี่ที่พูดแรง จนทำเรารู้สึกเป็นภาระครอบครัวไปเลย เพราะเราต้องจ่ายค่าห้องร่วมกัน เราก็ไม่ได้ปรึกษาพี่ เพราะเราไม่ค่อยถูกกัน คุยกันทีไรเราคีกันตลอด พี่เราเป็นคนพูดแรงมาก แรกๆเราเข้าใจในบางเรื่อง แต่เรื่องนี้เรารู้สึกแย่มากๆ พี่ไล่เราออกไปอยู่คนเดียว ไม่ต้องเรียนแล้ว ออกมาทำงานเลย พูดจนเรารู้สึกไร้ค่าจริงๆแต่ใช่ว่าเราไม่รู้สึกผิดนะ เราก็พยายามหางานใหม่ เอาเป็นว่าคำพูดของคนในครอบครัวทำให้เราเหนื่อยแค่นั้นจริงๆค่ะ ทุกคนซัพพอร์ตทางเงิน แต่ไม่เคยซัพพอร์ตทางจิตใจเลย ล้มทีไรมีแต่คนเหยียบซ้ำ เราก็อายุแค่นี้ ทำไมต้องมารู้สึกกดดัน ขนาดนี้ เราแทบไม่ปรึกษาใครเลยค่ะเวลามีเรื่องลำบากใจ แบกรับมาคนเดียวตลอด จนตอนนี้ทนไม่ไหวแล้ว ไม่อยากอยู่แล้วค่ะ เป็นภาระให้พ่อแม่ แล้วยังมาทำให้พี่ทุกข์ใจอีก คือเราไม่อยากอยู่แล้วค่ะ ถ้าเราไม่อยู่พ่อก็คงไม่ต้องส่งเราเรียน แม่ก็คงไม่ต้องมานั่งร้องไห้เป็นห่วงเรา พี่ก็คงไม่ต้องมาทุกข์ใจ
เราเหนื่อยแล้วจริงๆ ไม่รู้ควรตากโลกนี้ไปด้วยวิธีไหนดี
ทุกคนคงใช้ชีวิตได้ดีขึ้นถ้าไม่มีเรา
เหนื่อยค่ะ รู้สึกเป็นภาระของครอบครัว ไม่อยากใช้ชีวิตแล้วค่ะ ไม่มีที่ปรึกษาแล้ว
เราเหนื่อยแล้วจริงๆ ไม่รู้ควรตากโลกนี้ไปด้วยวิธีไหนดี
ทุกคนคงใช้ชีวิตได้ดีขึ้นถ้าไม่มีเรา