สุขภาพดีๆ ด้วยเลม่อน
เลม่อน (Lemon) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Citrus limon เป็นพืชที่อยู่ในกลุ่ม Citrus เลม่อนถูกนำมาใช้ประโยชน์ เช่น การประกอบอาหารซึ่งสามารถประกอบอาหารได้ทั้ง คาว และหวาน เนื่องจากเลม่อนเป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว ดังนั้นเมื่อทานคู่กับของสด เช่น หอยนางรมก็จะช่วยในเรื่องการดับกลิ่นคาวของหอยนางรมได้เป็นอย่างดี อีกทั้งในยังสามารถนำมาทำเป็นเครื่องดื่มทั้งร้อน และเย็น เพื่อเพิ่มความสดชื่อในแก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แล้วเลม่อนยังมีสรรพคุณดีมากมากมาย ซึ่งบทความนี้จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักเลม่อนกันมากขึ้น เช่น คุณประโยชน์ คุณค่าทางอาหาร วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ที่ประกอบอยู่ในเลม่อน รวมไปถึงสารสำคัญที่มีอยู่ในเลม่อนอีกด้วย
ขอบคุณรูปภาพจาก stevepb/pixabay.com
ข้อมูลทางโภชนาการของเลม่อน
โดยข้อมูลจาก U.S. DEPARTMENT OF AGRICULTURE (USDA) ได้ระบุข้อมูลทางโภชนาการของเลม่อนใน 100 g ไว้ดังนี้ 100 g = 22 kcal, Ca = 6 mg, P = 8 mg, Fe = 0.08 mg, Mg = 6 mg, K= 103 mg
และ วิตามินซี = 38.7 mg
จะเห็นได้ว่าเลม่อนนั้นมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมาย นอกจากวิตามินและแร่ธาตุที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่อื่นๆ รวมถึงกรดอะมิโนต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายของเราอีกมากมาย
ขอบคุณรูปภาพจาก bibin9363pbr/pixabay.com
นอกจากข้อมูลทางโภชนาการที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้นเลม่อนยังมีสรรพคุณต่างๆ ที่หากทานแล้วก็จะทำให้มีสุขภาพกายที่ดี ผิวพรรณสดใส เปร่งประกายได้อีกด้วย เราจะมาดูกันว่าเลม่อนนั้นมีสรรพคุณอะไรบ้าง
1. เลม่อนมีสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆมากมากมาย สามารถต้านหวัดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีสารช่วยในการต่อต้านการเกิดมะเร็งได้
2. เลม่อนมีวิตามินที่มีส่วนช่วยให้หลอดเหลือดแข็งแรง และลดความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี
3. ช่วยในระบบทางเดินอาหารดีขึ้น
4. ป้องกันโรคโลหิตจาง
5. ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไตได้
6. เลม่อนยังเป็นผลไม้ที่ใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
ขอบคุณรูปภาพจาก pixel2013/pixabay.com
ซึ่งจากข้อมูลเบื้องต้นที่ผู้เขียนได้ทำการอ่านพร้อมทั้งหาข้อมูลเพิ่มเติมจึงได้นำเลม่อนมาทำเป็นเครื่องดื่ม โดยในตอนเช้าของแต่ละวันจะทำการนำเลม่อนมาผ่าครึ่ง แล้วบีบลงไปในน้ำเย็นที่เตรียมไว้ จากนั้นก็จะทานในตอนเช้าซึ่งผลที่ได้ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือทำให้ร่างกายของเรานั้นมีความสดชื่น ไม่ง่วง อีกทั้งช่วยในเรื่องของการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ซึ่งผู้เขียนเลือกทานน้ำเลม่อนในตอนเช้า 4 วันต่อสัปดาห์นั่นเอง
จะเห็นได้ว่าเลม่อนนั้นมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่หาทานกันไม่ยาก สามารถหาที่ได้ตามห้างสรรพสินค้า หรือตลาด เป็นต้น โดยเลม่อนมักนำมาทำหรือเป็นส่วนประกอบของอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น น้ำปั่นเลม่อน ที่เมื่อดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายสดชื่น และสามารถนำมาดับกลิ่นคาวของอาหารสด เช่น การทานคู่กับหอยนางรมได้อีกด้วย
แหล่งที่มา
1.
https://fdc.nal.usda.gov
2.
https://medthai.com/
แหล่งที่มาของรูปภาพ
ขอบคุณรูปภาพปกจาก Richardjohn/pixabay.com
มาสุขภาพดีด้วยเลม่อนกันเถอะ
โดยข้อมูลจาก U.S. DEPARTMENT OF AGRICULTURE (USDA) ได้ระบุข้อมูลทางโภชนาการของเลม่อนใน 100 g ไว้ดังนี้ 100 g = 22 kcal, Ca = 6 mg, P = 8 mg, Fe = 0.08 mg, Mg = 6 mg, K= 103 mg
และ วิตามินซี = 38.7 mg
จะเห็นได้ว่าเลม่อนนั้นมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆมากมาย นอกจากวิตามินและแร่ธาตุที่กล่าวมาข้างต้นแล้วนั้น ยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่อื่นๆ รวมถึงกรดอะมิโนต่างๆ ที่มีความจำเป็นต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่างกายของเราอีกมากมาย
1. เลม่อนมีสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆมากมากมาย สามารถต้านหวัดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งมีสารช่วยในการต่อต้านการเกิดมะเร็งได้
2. เลม่อนมีวิตามินที่มีส่วนช่วยให้หลอดเหลือดแข็งแรง และลดความดันโลหิตได้เป็นอย่างดี
3. ช่วยในระบบทางเดินอาหารดีขึ้น
4. ป้องกันโรคโลหิตจาง
5. ช่วยป้องกันโรคนิ่วในไตได้
6. เลม่อนยังเป็นผลไม้ที่ใช้ในการควบคุมน้ำหนัก
จะเห็นได้ว่าเลม่อนนั้นมีประโยชน์ที่ดีต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่หาทานกันไม่ยาก สามารถหาที่ได้ตามห้างสรรพสินค้า หรือตลาด เป็นต้น โดยเลม่อนมักนำมาทำหรือเป็นส่วนประกอบของอาหารทั้งคาวและหวาน เช่น น้ำปั่นเลม่อน ที่เมื่อดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายสดชื่น และสามารถนำมาดับกลิ่นคาวของอาหารสด เช่น การทานคู่กับหอยนางรมได้อีกด้วย
แหล่งที่มา
1. https://fdc.nal.usda.gov
2. https://medthai.com/
แหล่งที่มาของรูปภาพ
ขอบคุณรูปภาพปกจาก Richardjohn/pixabay.com