น้องแฟนผู้ที่แทบไม่ทำอะไร

*ขอแก้ไขจาก น้องแฟน เป็น แฟนน้อง*
#แค่อยากระบาย
ขอเท้าความตั้งเริ่มต้นเลยนะคะ
บ้านเราเป็นห้องแถว 3 ชั้น ชั้นล่างด้านหน้าเป็นที่ทำงานด้านในหลังบ้านเป็นครัวกับห้องน้ำ 2 ห้อง ชั้น 2 มีห้องแยก 2 ห้อง ห้องตรงทางเดินเปิดโล่งไม่มีผนังกั้นซึ่งเป็นห้องนอนเรา เวลานอนจะเอาผ้ากั้นแทน ระดับพื้นที่อยู่ต่ำกว่าห้องใหญ่ประมาณหนึ่งช่วงแขนได้เวลาเดินขึ้นลงจะมีเสียงสะเทือนตึง ๆ ลงเท้าตลอดเวลา เป็นปัญหาประจำทะเลาะกันแบบไม่ค่อยเครียดทุกวัน ห้องถัดจากเราคือห้องใหญ่มีพ่อกับน้องชายนอน น้องชายมักชอบเล่นเกมเสียงดัง โวยวาย เราก็เตือนประจำพอ ลืมตัวก็ขึ้นเหมือนเดิมเราก็เตือนวนลูบไปแบบนี้ทุกวัน แม่เรานอนชั้น 3 คนเดียวและห้องแม่ในตอนกลางวันก็ใช้เป็นที่ตากผ้าด้วย เพราะมีปัญหากับเพื่อนข้างบ้าน กลางวันห้องแม่จะร้อนอบอ้าวมากแต่กลางคืนจะเย็นที่สุดในบ้าน 
พอน้องอายุ 17 ปี ก็มีแฟน ทางบ้านเราก็ทราบจากญาติแต่ไม่เคยเห็นหน้าแฟนน้องเลย จนผ่านไปได้เกือบปีก็เอาแฟนเข้ามาบ้านไม่บอกไม่กล่าวก่อน ตอนนั้นเราพึ่งกลับมาจากมหาลัยก็งงนิดหน่อย แต่เข้าใจคงพามาเปิดตัวนั่นล่ะ
คราวนี้เข้าสู่เนื้อหาบันเทิงของจริงค่ะ เพี้ยนจริงจัง
น้องเราพาแฟนมานอนเล่นบ้านไปกลับไม่ดึกมา 3-4 ทุ่มก็พากลับส่งบ้าน เพราะบ้านแฟนน้องไม่ไกลมาก 1-2 นาทีก็ถึง 1-2 ปี เราและที่บ้านแฮปปี้มาก แฟนน้องแสนดีดี๊ เรียบร้อย แต่... เรามาสังเกต 1-2 ปีที่ผ่านมา แฟนน้องเราทำอาหารไม่เป็น จานล้างไม่เป็น แม้กระทั่งเขี่ยเศษอาหารในจานตัวเองยังไม่ค่อยอยากทำ ไอ้เราก็คอยบอกผ่านน้องตัวเองว่าจานช่วยกวาดเศษอาหารด้วยก็ยังดีถ้าไม่ล้าง ปกติเราจะเป็นคนล้างถ้าอยู่บ้าน
ทุกอย่างก็ดูปกติสุขจนเข้าสู่ปีที่ 3 เป็นต้นไป ระดับความเกรงใจคือสมบัติของผู้ดีนางเริ่มสลัดทิ้งค่ะ เอาเสื้อผ้าตัวเองมาฝากซักที่บ้าน เราก็บอกผ่านน้องเราว่าซักเองตากเองนะ มันคาตะกร้าบนห้องแม่แล้วมันส่งกลิ่นอับ แรก ๆ ก็ทำ หลัง ๆ เราทำเองหมดเลย เพราะถ้าเราไม่ตากพ่อแม่เราจะตาก ไอ้เราก็ไม่ชอบให้พ่อแม่ลำบากซะด้วย ก็พยายามไม้ให้พวกท่านมาเจอ ส่วนจานอาหารมีเศษอาหารกองพะเนินและชอบกลับดึกขึ้นเรื่อย ๆ จาก 4 ทุ่มเป็นตี 2 ตี 3 พ่อเราเริ่มนอนดึกขึ้น บางวันขึ้นไปนอนกับแม่ แต่พ่อเรากรนทำให้แม่นอนไม่หลับเกือบน็อคหลายที เราก็เสนอกับพ่อบ่อย ๆ ว่าให้มานอนตากแอร์ห้องเราก่อนแต่พ่อดื้อบอกรอข้างล่างดีกว่า
เข้าสู่ปีที่ 5 บรรลัยสุด ๆ ไม่ทำอะไรเลย กินแล้วกองใส่ซิงค์ล้างจานก่อนกลับบ้านทั้งสองคน ตื่นเช้ามาสูดหายใจทำใจทุกครั้งที่เห็นภาพแมลงสาบนับสิบ ๆ ตัวรุมทึ่งกินเศษอาหารในจาน จนขนลุกสู้กลั้นใจล้างให้เสร็จ เสื้อผ้านางเริ่มมากขึ้นเอามาปนกับน้องเรากองเท่าภูเขาแล้วให้เราตาก (เพิ่มเติม หากเราบ่นมาก ๆ มันเอามาคละกับเสื้อผ้าของคนในบ้านซักรวม) เคยทิ้งไว้ 2 วันไม่ยอมตาก แม่กับพ่อเราขึ้นมาตากให้ เราก็กัดฟันในใจนะ ทำใจเย็น ๆ พยายามใช้เหตุผลถามว่าทำไมไม่ล้างจาน ไม่ตากผ้า ของตัวเองกับแฟนก็ควรทำช่วยกัน น้องเรามันก็บอก "ว่าง ๆ เดี๋ยวทำเองปล่อยมันไปงั้นล่ะ" แมร่งไอ้เราก็ไม่สามารถตรัสรู้ได้ว่า ว่างของมัน หรือว่างของแฟนมันกับมันนี่กี่โมงที่จะได้ฤกษ์ยามตากผ้า สุดจะทนกับการที่ต้องมาตากเสื้อในยันกางเกงในให้แฟนมันด้วยเนี่ย 
เข้าสู่ปีที่ 6 นางก็เริ่มกลับดึกเกือบตี 5 ทุกวัน พ่อเราที่แก่ลงมากเอาเตียงเหล็กที่ถอดต่อได้มานอนชั่วคราว ชั้นล่างกลางคืนอากาศร้อน ผดขึ้นตามตัว เราพยายามเคาะเรียกถี่ ๆ และก็ได้ยินเสียงโวยกลับมาจากน้องชายเรา คราวนี้เราก็ปรี๊ดพยายามควบคุมอารมณ์อยู่เกือบครึ่งปี นางเองก็ได้ใจ เราเลยหาจังหวะเปิดใจกับน้องอีกครั้ง น้องเราก็เล่าว่าครอบครัวนางน่าสงสารต้องอัดกันนอนในห้องเช่าเล็ก ๆ 7-8 คน กับพ่อแม่และน้อง ๆ ตัวนางทำงานเต็มเวลาเหนื่อยกลับมาก็อยากจะนอน เราก็บอกน้องเรื่อย ๆ หลังจากที่คุยกันว่าพ่อร้อนพ่อแก่แล้ว เป็นการเอาคืนเหมือนกัน กลายเป็นสงครามเงียบใส่กันมาเรื่อย ๆ
เข้าสู่ปีล่าสุดปีนี้ ต้นปีใหม่เราใส่อารมณ์ไปหน่อยหลังจากน้องไปส่งแฟนกลับตี 4 จะครึ่ง น้องตะคอกใส่เราว่า "ก็มันได้เท่านี้!!" เราเงียบตึงใส่เลยจากนั้นเราไม่ยุ่งอะไรเกี่ยวกับน้องเลย เราก็นั่งทำงานในห้องของเรา จานชามเราก้มหน้าก้มตาล้างไม่สนใจ แม้จะเห็นแฟนน้องมันเอาเศษอาหารว่างใส่ในซิงค์ล้างจานต่อหน้าต่อตาเรา รู้สึกว่าเราไม่สามารถอยู่ได้กับคนแบบนี้ แต่เราจะอดทนให้ถึงที่สุด พยายามเก็บเงินเตรียมกู้ซื้อบ้านไปอยู่ไกล ๆ ปล่อยให้พวกเขามีความสุขกัน เพราะล่าสุดเราคุยกับพ่อแม่เรื่องนี้ เหมือนว่าแม่กับพ่อจะเกรงใจพวกเขามากขึ้นด้วย ไม่รู้ทำไม (แต่ลับหลังก็นินทานะ ทุกวันนี้ยังสงสัยรักปิดตาข้างเดียวไม่ตั้งคำถามใส่ลูกตัวเองเลยหรือ)
เราเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาคร่าว ๆ กับญาติสนิท ญาติเราก็ไปตะล่อมถามแฟนน้องตัวเองที่เป็นเพื่อนกับแฟนน้องเราให้ แล้วมาเล่าให้ฟังคร่าว ๆ ว่า พ่อแม่นางเลี้ยงมาให้นางไม่ต้องมาทำงานบ้าน เราก็เอาข้อมูลมาไล่เรียงตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้นางไม่ทำอะไรเลยจริง ๆ ซึ่งมันไม่ผิดเลยที่พ่อแม่จะเลี้ยงมาแบบนี้ แต่ผลเสียมันมากระทบกับคนอื่นซึ่งคือครอบครัวเรา และตัวเราเองก็โดนด้วย นางไม่คิดจะปรับปรุงตัว และจะโทษนางฝ่ายเดียวไม่ได้ น้องเราเองก็นิสัยเสีย มึน ให้ท้ายแฟนตัวเองตลอด ตัวเองก็ขี้เกียจด้วยจนภาระตกมาที่เรากับพ่อแม่
เราอ่ะโทษตัวเองนะที่รักน้อง ไม่ยอมให้น้องลำบาก แต่พอมันมีแฟน เราก็คิดว่ามันคงจะจัดการปัญหาของแฟนตัวเองได้โดยไม่มีกระทบกระชีวิตเราและพ่อแม่ ซึ่งระยะเวลาได้พิสูจน์แล้วว่าไม่มีอยู่จริง เราเองก็ได้แต่ต้องยอมอดทนและหาทางออกมาจากบ้านหลังที่อยู่นี้ให้ไวที่สุด และตั้งเป้าไว้ว่าไปแล้วไม่ต้องการหันกลับมาอาศัยอีก
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ให้ระบายความอัดอั้นใจค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่