คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 16
คุณโชคดีแล้วครับที่หนีมาได้และปลอดภัย นับว่าเป็นเรื่องดีครับ ผมเองก็เคยมีประสบการณ์เจอคนสติไม่ดีมาคุกคาม ถึงได้สนใจศึกษาการป้องกันตัวครับ จึงอยากขอเขียนยาวสักนิด
ถ้าเจอคนสติไม่ดี หนีได้ให้หนีนะครับ เพราะคนสติไม่ดีบางทีจะไม่กลัวอะไรและจะไม่ค่อยคิดอะไร ทำให้เขากล้าจะทำเรื่องร้ายๆได้ง่าย และมีความฮึกเหิมตลอดเวลา ยังไม่นับว่าบางคนเมายา ทำให้มีความอดทนสูงกว่าปกติ การที่จะไปสู้กับเขา ก็เป็นไปได้ว่าจะต้องสู้กับคนไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย มีความเสี่ยงสูงมากเลยครับ
ผมอยากบอกว่า การมี awareness การสังเกตสิ่งรอบข้าง และรักษาระยะห่าง มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยครับ ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ของคุณ จขกท มีรายละเอียดยังไงแบบเป๊ะๆ แต่การที่เขาเดินสวน จขกท มา นั่นแปลว่าคุณ จขกท อาจจะไม่ทันรู้ตัวว่ามีคนสติไม่ดีเข้ามาหา กว่าจะรู้ตัวเขาก็เข้ามาใกล้แล้ว แปลว่าสิ่งที่ควรเพิ่ม คือการสังเกต และเว้นระยะห่างครับ
ในโอกาสครั้งหน้า (ซึ่งอย่าให้มีดีกว่า) ถ้าเดินถนนแล้วเห็นว่ามีคนน่าสงสัยอยู่ พยายามหลีกเลี่ยง อย่าเดินไปทางนั้น คือหาทางเดินไปทางอื่นเลยครับ เช่น ข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วพอพ้นระยะที่เขาอยู่จนไกลมากหรือจนมองไม่เห็น ก็ค่อยข้ามกลับมา หรือพยายามเดินไปในที่ที่มีคนเยอะๆ หรือกลับทางอื่นเลย
ถ้าเป็นคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้าน การแต่งตัวอาจจะมอซอ ทำให้สังเกตได้แต่ไกลๆ ถ้าเราเห็นแต่ไกลๆ เราก็เลี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆเลยครับ แต่บางครั้งมันก็อาจจะดูไม่ออกว่าเป็นคนสติไม่ดี การแต่งตัวหรือบุคลิคก็อาจจะบอกจากระยะไกลไม่ได้ ซึ่งกว่าจะรู้ตัว เขาก็ใกล้เราแล้ว เราก็อาจหนีเขาตั้งแต่เขาอยู่ไกลๆไม่ได้ แล้วเราก็อาจจะต้องเดินสวนกับเขา ถึงอย่างนั้น เวลาเราจำเป็นต้องเดินไปใกล้เขา เราก็ต้องรักษาระยะห่างครับ อย่างแย่สุดก็สองช่วงแขน ถ้าจะให้ดีควรจะมากกว่านั้นไปอีกครับ ซึ่งการสังเกต หลีกเลี่ยง และรักษาระยะ นี่คือพื้นฐานของการเอาตัวรอดเลยครับ ส่วนประเด็นรายละเอียดอื่นๆ ผมขอเขียนต่อข้างล่างเป็นหัวข้อๆไปเลยนะครับ
- พยายามสังเกตสิ่งรอบข้าง ผู้คนรอบข้างตลอดเวลา ดูสิ่งของที่เขาถือ อากัปกิริยา การแต่งตัว อย่าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือก้มหน้าก้มตาเดินจนไม่รู้ตัวว่าใครมาใกล้ตัว
- สังเกตสถานที่ ทางหนีทีไล่ สิ่งของรอบตัว ว่าถ้าเกิดเรื่อง จะหนีไปทางไหนถึงจะหนีได้ง่ายและหนีพ้น หรือถ้าจะต้องสู้ จะต้องใช้สิ่งของและสถานที่รอบตัวให้เป็นประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุด เช่น การเดิน อย่าเดินชิดมุมมากเกินไปเพราะจะหนีออกได้ยาก หรือพื้นต่างระดับ เราต้องคิดด้วยว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาแล้วตำแหน่งที่เรายืนอยู่ เขาจะผลักเราเสียหลักได้ง่ายรึเปล่า ดูสิ่งของเช่นก้อนหิน อิฐ ไม้กวาด เพื่อจะหยิบจับมาเป็นอาวุธได้ถ้าจำเป็น
- รักษาระยะห่างกับคนแปลกหน้าเสมอ มันอาจจะดูเหมือนหวาดระแวง ก็ดูความเหมาะสมของบุคคล เวลาและสถานที่ไปครับ แต่ระยะคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ถ้าเรารักษาระยะ อย่างน้อยเขาก็ต้องใช้เวลาเดินเข้ามาหาถ้าจะทำร้ายเรา ถ้าเรารักษาระยะ เราจะมีเวลาคิดว่านะทำอะไรมากขึ้น ถ้าเรารักษาระยะ อย่างน้อยเขาก็ยังทำอะไรเราไม่ได้
- ทำให้ตัวเองไม่เป็นเหยื่อ คนร้าย แม้แต่คนสติไม่ดี เขาก็มักจะเลือกคนที่เขาเล่นงานได้ง่ายๆครับ การแสดงความกลัวให้เขาเห็น บุคลิค ท่าเดินที่ดูแล้วทำให้คิดว่าคนคนนี้ไม่มีพิษภัย สิ่งของมีค่า เครื่องประดับ การถือของที่พะรุงพะรัง ขนาดตัว เครื่องแต่งกายที่ทำให้วิ่งหนีหรือต่อสู้ได้ไม่สะดวก การใส่รองเท้าที่ทำให้หนีได้ยาก ลองพิจารณาสิ่งพวกนี้ดูครับ บางอย่างเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนครับ แม้แต่การระวังตัว มองซ้ายมองขวา ถ้าเทียบกับการก้มหน้าก้มตา คนร้ายก็มีสิทธิ์จะเลือกเหยื่อที่ระวังตัวเองน้อยกว่าครับ
- การสู้ สู้เพื่อหนี ไม่ใช่สู้เพื่อแลกชีวิต ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องตะลุมบอนจนแหลกกันไปข้าง แค่สร้างจังหวะให้ตัวเองหนีได้ก็พอครับ จะอัดให้เขาจุกแล้วหนีหรือจะให้เขาหมดสภาพที่จะตามเราต่อ หรือจะกดเขาไว้แล้วรอคนมาช่วย เราต้องประเมินสถานการณ์ ประเมินฝีมือของเรา แล้วทำให้เหมาะสมครับ ถ้าได้เรียนการป้องกันตัวอย่างถูกต้อง มันจะตัดสินใจและประเมินได้ครับ
- การเรียนป้องกันตัว มันคนละอย่างกับการเรียนมวย เรียนมวยทำให้ป้องกันตัวได้ มันก็ใช่ครับ แต่แนวคิดและเทคนิคบางอย่างก็อาจไม่ได้จากการฝึกมวยเวที ผมขอยกตัวอย่างตัวผมเองนี่ละครับ ในตอนนั้นที่ผมเจอคนสติไม่ดี ผมได้เคยหัดมวยมาบ้างแล้ว เคยซ้อมเข้าคู่ และมั่นใจว่าป้องกันตัวได้ระดับนีง แต่ผมกลับไม่ระวังตัว ปล่อยให้คนมาเข้าข้างๆ และผมก็ฝึกแต่การสู้ในกติกา ไม่ได้ฝึกรับมือคนที่เข้าหาข้างๆตัวเองเลย และตอนนั้นผมไม่เคยฝึกสู้กับอาวุธมีด ถ้าหากเขามีมีด ผมก็อาจจะแย่แล้ว สุดท้ายโชคดีที่เขาแค่มาพูดคุกคาม ผมข้ามถนนหนีเขาก็ไม่ตามมา เป็นโชคดีของผมมาก แต่มันก็ทำให้รู้ว่า แค่ฝึกมวยบนเวทีมันยังไม่พอ ผมต้องฝึกจำลองสถานการณ์ในชีวิตจริงด้วย รวมถึงฝึกเกี่ยวกับอาวุธด้วย
ดังนั้นก็ ไปเรียนป้องกันตัวเถอะครับ เรียนมวยเวทีก็ได้ประโยชน์เช่นกัน แต่การป้องกันตัวมีมิติ เทคนิค และจิตวิทยามากกว่านั้นมาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็เรียนและฝึกมันให้หมดครับ เอาให้ถ่องแท้ และการเรียนมวยหรือเรียนป้องกันตัว มันต้องมีการเข้าคู่ มีการ sparring แบบไม่มีการเตี๊ยม ถ้าเรียนแล้วไม่มี sparring ไม่มีทางได้ผลครับ และควรฝึกคิด ฝึกจำลองสถานการณ์บ่อยๆ เพื่อที่ว่าเวลาเกิดเหตุจะได้มีสติ และมีวิธีรับมือได้ดีครับ
- ถ้าไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงสถานที่และเวลาที่มีความเสี่ยง ถ้าจำเป็นต้องไป เราอาจลงทุนจ่ายแพงนิดหน่อย นั่งรถสาธารณะหรือรถแกร๊ปคาร์ เพื่อซื้อความปลอดภัย แน่นอนมันอาจจะไม่ได้ปลอดภัย 100% แต่ก็ดีกว่าเดินเปลี่ยวๆ บนถนน ตอน 6 โมงเย็นครับ หรือถ้ามีรถส่วนตัวก็ดีเลยครับ
- สุดท้ายเรื่องอาวุธ สเปรย์พริกไทย มันผิดกฎหมายนะครับ การพกอาวุธใดๆที่มันเป็นอาวุธโดยสภาพ เช่นมีดต่อสู้ มันก็ผิดกฎหมาย แต่ว่า ถึงเวลามีภัยจริงๆ ตำรวจไม่ได้มาปกป้องเราในทันที ดังนั้นเลือกพกเอาตามความเสี่ยงครับ ถ้าเสี่ยงสูงจะเจอเรื่องแบบนี้อีก ก็พกไว้เถอะครับ เวลาเกิดเรื่องขึ้นมา จะได้เอาชีวิตรอดได้ แต่ก็ต้องศึกษาครับว่า พกแบบไหน เวลามีคดีถึงโดนโทษไม่แรง และศาลฟังขึ้น และต้องศึกษาว่า การทำแบบไหนถึงเรียกว่าไม่เกินกว่าเหตุ ศาลจะดูครับว่าเราเจตนาเล็งจุดตายเพื่อฆ่ารึเปล่า หรือดูว่าเราโจมตีซ้ำไปเยอะมั้ย ดูว่าเราฝึกมาดีมั้ย ดูความตกใจ ดูว่าผู้คุกคามหมดสภาพรึยัง ผู้คุกคามมีอาวุธมั้ย ดูหลายอย่างครับ มีดเล็กบางอย่างก็พกได้เช่นคัตเตอร์ ไม่ได้จัดเป็นอาวุธโดยสภาพ มีดสวิซอเนกประสงค์ ก็อาจยังพออธิบายได้ว่าพกมาเผื่อซ่อมนู่นนี่ ต้องศึกษาให้ดีครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าจะใช้อาวุธ เราก็ควรจะฝึกและศึกษามันให้ดีครับ
หนีได้ให้หนี เลี่ยงได้ให้เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ให้ยอม ยอมไม่ได้ให้สู้
ลองพิจารณาดูครับ หนีก่อน ถ้าหนีไม่ได้ บางเคส เขาต้องการแค่ทรัพย์สิน การให้ไปอาจปลอดภัยกว่าสู้ บางเคสเขาจะทำร้ายเรา เราก็ต้องสู้ ทั้งนี้ทั้งนั้นการไปเรียนป้องกันตัว จะทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้นครับ
ขอให้ปลอดภัยครับ
ถ้าเจอคนสติไม่ดี หนีได้ให้หนีนะครับ เพราะคนสติไม่ดีบางทีจะไม่กลัวอะไรและจะไม่ค่อยคิดอะไร ทำให้เขากล้าจะทำเรื่องร้ายๆได้ง่าย และมีความฮึกเหิมตลอดเวลา ยังไม่นับว่าบางคนเมายา ทำให้มีความอดทนสูงกว่าปกติ การที่จะไปสู้กับเขา ก็เป็นไปได้ว่าจะต้องสู้กับคนไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตาย มีความเสี่ยงสูงมากเลยครับ
ผมอยากบอกว่า การมี awareness การสังเกตสิ่งรอบข้าง และรักษาระยะห่าง มันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยครับ ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์ของคุณ จขกท มีรายละเอียดยังไงแบบเป๊ะๆ แต่การที่เขาเดินสวน จขกท มา นั่นแปลว่าคุณ จขกท อาจจะไม่ทันรู้ตัวว่ามีคนสติไม่ดีเข้ามาหา กว่าจะรู้ตัวเขาก็เข้ามาใกล้แล้ว แปลว่าสิ่งที่ควรเพิ่ม คือการสังเกต และเว้นระยะห่างครับ
ในโอกาสครั้งหน้า (ซึ่งอย่าให้มีดีกว่า) ถ้าเดินถนนแล้วเห็นว่ามีคนน่าสงสัยอยู่ พยายามหลีกเลี่ยง อย่าเดินไปทางนั้น คือหาทางเดินไปทางอื่นเลยครับ เช่น ข้ามถนนไปอีกฝั่งแล้วพอพ้นระยะที่เขาอยู่จนไกลมากหรือจนมองไม่เห็น ก็ค่อยข้ามกลับมา หรือพยายามเดินไปในที่ที่มีคนเยอะๆ หรือกลับทางอื่นเลย
ถ้าเป็นคนเร่ร่อนหรือคนไร้บ้าน การแต่งตัวอาจจะมอซอ ทำให้สังเกตได้แต่ไกลๆ ถ้าเราเห็นแต่ไกลๆ เราก็เลี่ยงตั้งแต่เนิ่นๆเลยครับ แต่บางครั้งมันก็อาจจะดูไม่ออกว่าเป็นคนสติไม่ดี การแต่งตัวหรือบุคลิคก็อาจจะบอกจากระยะไกลไม่ได้ ซึ่งกว่าจะรู้ตัว เขาก็ใกล้เราแล้ว เราก็อาจหนีเขาตั้งแต่เขาอยู่ไกลๆไม่ได้ แล้วเราก็อาจจะต้องเดินสวนกับเขา ถึงอย่างนั้น เวลาเราจำเป็นต้องเดินไปใกล้เขา เราก็ต้องรักษาระยะห่างครับ อย่างแย่สุดก็สองช่วงแขน ถ้าจะให้ดีควรจะมากกว่านั้นไปอีกครับ ซึ่งการสังเกต หลีกเลี่ยง และรักษาระยะ นี่คือพื้นฐานของการเอาตัวรอดเลยครับ ส่วนประเด็นรายละเอียดอื่นๆ ผมขอเขียนต่อข้างล่างเป็นหัวข้อๆไปเลยนะครับ
- พยายามสังเกตสิ่งรอบข้าง ผู้คนรอบข้างตลอดเวลา ดูสิ่งของที่เขาถือ อากัปกิริยา การแต่งตัว อย่าก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ หรือก้มหน้าก้มตาเดินจนไม่รู้ตัวว่าใครมาใกล้ตัว
- สังเกตสถานที่ ทางหนีทีไล่ สิ่งของรอบตัว ว่าถ้าเกิดเรื่อง จะหนีไปทางไหนถึงจะหนีได้ง่ายและหนีพ้น หรือถ้าจะต้องสู้ จะต้องใช้สิ่งของและสถานที่รอบตัวให้เป็นประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุด เช่น การเดิน อย่าเดินชิดมุมมากเกินไปเพราะจะหนีออกได้ยาก หรือพื้นต่างระดับ เราต้องคิดด้วยว่าถ้ามีเรื่องขึ้นมาแล้วตำแหน่งที่เรายืนอยู่ เขาจะผลักเราเสียหลักได้ง่ายรึเปล่า ดูสิ่งของเช่นก้อนหิน อิฐ ไม้กวาด เพื่อจะหยิบจับมาเป็นอาวุธได้ถ้าจำเป็น
- รักษาระยะห่างกับคนแปลกหน้าเสมอ มันอาจจะดูเหมือนหวาดระแวง ก็ดูความเหมาะสมของบุคคล เวลาและสถานที่ไปครับ แต่ระยะคือสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง ถ้าเรารักษาระยะ อย่างน้อยเขาก็ต้องใช้เวลาเดินเข้ามาหาถ้าจะทำร้ายเรา ถ้าเรารักษาระยะ เราจะมีเวลาคิดว่านะทำอะไรมากขึ้น ถ้าเรารักษาระยะ อย่างน้อยเขาก็ยังทำอะไรเราไม่ได้
- ทำให้ตัวเองไม่เป็นเหยื่อ คนร้าย แม้แต่คนสติไม่ดี เขาก็มักจะเลือกคนที่เขาเล่นงานได้ง่ายๆครับ การแสดงความกลัวให้เขาเห็น บุคลิค ท่าเดินที่ดูแล้วทำให้คิดว่าคนคนนี้ไม่มีพิษภัย สิ่งของมีค่า เครื่องประดับ การถือของที่พะรุงพะรัง ขนาดตัว เครื่องแต่งกายที่ทำให้วิ่งหนีหรือต่อสู้ได้ไม่สะดวก การใส่รองเท้าที่ทำให้หนีได้ยาก ลองพิจารณาสิ่งพวกนี้ดูครับ บางอย่างเปลี่ยนได้ก็เปลี่ยนครับ แม้แต่การระวังตัว มองซ้ายมองขวา ถ้าเทียบกับการก้มหน้าก้มตา คนร้ายก็มีสิทธิ์จะเลือกเหยื่อที่ระวังตัวเองน้อยกว่าครับ
- การสู้ สู้เพื่อหนี ไม่ใช่สู้เพื่อแลกชีวิต ดังนั้นไม่จำเป็นจะต้องตะลุมบอนจนแหลกกันไปข้าง แค่สร้างจังหวะให้ตัวเองหนีได้ก็พอครับ จะอัดให้เขาจุกแล้วหนีหรือจะให้เขาหมดสภาพที่จะตามเราต่อ หรือจะกดเขาไว้แล้วรอคนมาช่วย เราต้องประเมินสถานการณ์ ประเมินฝีมือของเรา แล้วทำให้เหมาะสมครับ ถ้าได้เรียนการป้องกันตัวอย่างถูกต้อง มันจะตัดสินใจและประเมินได้ครับ
- การเรียนป้องกันตัว มันคนละอย่างกับการเรียนมวย เรียนมวยทำให้ป้องกันตัวได้ มันก็ใช่ครับ แต่แนวคิดและเทคนิคบางอย่างก็อาจไม่ได้จากการฝึกมวยเวที ผมขอยกตัวอย่างตัวผมเองนี่ละครับ ในตอนนั้นที่ผมเจอคนสติไม่ดี ผมได้เคยหัดมวยมาบ้างแล้ว เคยซ้อมเข้าคู่ และมั่นใจว่าป้องกันตัวได้ระดับนีง แต่ผมกลับไม่ระวังตัว ปล่อยให้คนมาเข้าข้างๆ และผมก็ฝึกแต่การสู้ในกติกา ไม่ได้ฝึกรับมือคนที่เข้าหาข้างๆตัวเองเลย และตอนนั้นผมไม่เคยฝึกสู้กับอาวุธมีด ถ้าหากเขามีมีด ผมก็อาจจะแย่แล้ว สุดท้ายโชคดีที่เขาแค่มาพูดคุกคาม ผมข้ามถนนหนีเขาก็ไม่ตามมา เป็นโชคดีของผมมาก แต่มันก็ทำให้รู้ว่า แค่ฝึกมวยบนเวทีมันยังไม่พอ ผมต้องฝึกจำลองสถานการณ์ในชีวิตจริงด้วย รวมถึงฝึกเกี่ยวกับอาวุธด้วย
ดังนั้นก็ ไปเรียนป้องกันตัวเถอะครับ เรียนมวยเวทีก็ได้ประโยชน์เช่นกัน แต่การป้องกันตัวมีมิติ เทคนิค และจิตวิทยามากกว่านั้นมาก ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ก็เรียนและฝึกมันให้หมดครับ เอาให้ถ่องแท้ และการเรียนมวยหรือเรียนป้องกันตัว มันต้องมีการเข้าคู่ มีการ sparring แบบไม่มีการเตี๊ยม ถ้าเรียนแล้วไม่มี sparring ไม่มีทางได้ผลครับ และควรฝึกคิด ฝึกจำลองสถานการณ์บ่อยๆ เพื่อที่ว่าเวลาเกิดเหตุจะได้มีสติ และมีวิธีรับมือได้ดีครับ
- ถ้าไม่จำเป็นก็ควรหลีกเลี่ยงสถานที่และเวลาที่มีความเสี่ยง ถ้าจำเป็นต้องไป เราอาจลงทุนจ่ายแพงนิดหน่อย นั่งรถสาธารณะหรือรถแกร๊ปคาร์ เพื่อซื้อความปลอดภัย แน่นอนมันอาจจะไม่ได้ปลอดภัย 100% แต่ก็ดีกว่าเดินเปลี่ยวๆ บนถนน ตอน 6 โมงเย็นครับ หรือถ้ามีรถส่วนตัวก็ดีเลยครับ
- สุดท้ายเรื่องอาวุธ สเปรย์พริกไทย มันผิดกฎหมายนะครับ การพกอาวุธใดๆที่มันเป็นอาวุธโดยสภาพ เช่นมีดต่อสู้ มันก็ผิดกฎหมาย แต่ว่า ถึงเวลามีภัยจริงๆ ตำรวจไม่ได้มาปกป้องเราในทันที ดังนั้นเลือกพกเอาตามความเสี่ยงครับ ถ้าเสี่ยงสูงจะเจอเรื่องแบบนี้อีก ก็พกไว้เถอะครับ เวลาเกิดเรื่องขึ้นมา จะได้เอาชีวิตรอดได้ แต่ก็ต้องศึกษาครับว่า พกแบบไหน เวลามีคดีถึงโดนโทษไม่แรง และศาลฟังขึ้น และต้องศึกษาว่า การทำแบบไหนถึงเรียกว่าไม่เกินกว่าเหตุ ศาลจะดูครับว่าเราเจตนาเล็งจุดตายเพื่อฆ่ารึเปล่า หรือดูว่าเราโจมตีซ้ำไปเยอะมั้ย ดูว่าเราฝึกมาดีมั้ย ดูความตกใจ ดูว่าผู้คุกคามหมดสภาพรึยัง ผู้คุกคามมีอาวุธมั้ย ดูหลายอย่างครับ มีดเล็กบางอย่างก็พกได้เช่นคัตเตอร์ ไม่ได้จัดเป็นอาวุธโดยสภาพ มีดสวิซอเนกประสงค์ ก็อาจยังพออธิบายได้ว่าพกมาเผื่อซ่อมนู่นนี่ ต้องศึกษาให้ดีครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถ้าจะใช้อาวุธ เราก็ควรจะฝึกและศึกษามันให้ดีครับ
หนีได้ให้หนี เลี่ยงได้ให้เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ให้ยอม ยอมไม่ได้ให้สู้
ลองพิจารณาดูครับ หนีก่อน ถ้าหนีไม่ได้ บางเคส เขาต้องการแค่ทรัพย์สิน การให้ไปอาจปลอดภัยกว่าสู้ บางเคสเขาจะทำร้ายเรา เราก็ต้องสู้ ทั้งนี้ทั้งนั้นการไปเรียนป้องกันตัว จะทำให้ประเมินสถานการณ์ได้ดีขึ้นครับ
ขอให้ปลอดภัยครับ
แสดงความคิดเห็น
เจอคนบ้ายืนขวางไม่ให้เดิน ทำอย่างไรได้บ้าง
คนบ้ามองหน้าและกางแขนเต็มทางเดิน เราสามารถเดินไปได้เลย เราจึงหยุดและเดินถอยหลัง มันหัวเราะยิ้ม เดินเข้ามาต่อ เรากลัวมากค่ะ คนก็ไม่มีเลย ช่วง6โมงเย็น สุดท้ายตัดสินใจวิ่งลงถนนสวนผ่านมันมา
อยากรู้ว่า
1. ถ้าเป็นเพื่อนๆ จะทำอย่างไร มีวิธีอะไรแนะนำบ้าง
2. หากเรามีสเปรย์พริกไทสามารถใช้เพื่อป้องกันตัวเองได้ไหม
3. มีอาวุธที่ควรพกป้องกันตัวไหมและใช้ได้ในกรณีนี้ไหม