เรื่องสั้น : ผมมาจากหิว (I come from hungry)

กระทู้สนทนา
เรื่องสั้น : ผมมาจากหิว (I come from hungry)
โดย : ละเว้

ที่ River view villa นี่ หากจะถามว่าผมอยู่ในตำแหน่งไหนของรีสอร์ตนี่ล่ะก็นะ อืม... ‘ฅนดูแล’ ผมคงใช้คำนี้แหละ

แต่ถ้าจะเอาตามจริงคงต้องบอกว่าเป็นผู้จัดการยันฅนสวนจะเหมาะมากกว่า เพราะที่นี่จะมีผมประจำการอยู่แค่ฅนเดียว กับการดูแลบ้านพักริมคลองทั้งสิบสองหลังแห่งนี้ ทุกสิ่งอย่างจึงต้องตกเป็นของผมแต่ผู้เดียว ไม่ว่าจะต้อนรับลูกค้า ขายห้อง ทำความสะอาด จัดห้อง น้ำ ไฟ ไปยันดูแลสวน เรียกว่าเหมาหมดทุกตำแหน่งทุกหน้าที่แบบไม่ต้องเหลือเผื่อแผ่ใคร 

“Hungry เหียว” เขาบอกแล้วหัวเราะเสียงดังจนพุงกระเพื่อมขณะตอบคำถามด้วยสำเนียงแปร่ง จากที่ผมถามว่าเขามาจากไหนหรือเป็นฅนชาติไหน

อารมณ์ดีตั้งแต่ครั้งแรกที่ทักทายกันเลยนะอีตาฮังการี ผมคิดในใจวันที่เขาเข้ามาเป็นลูกค้า เป็นเพื่อน... ไม่สิ เขาบอกว่ามันมากกว่านั้นนะ ผมจำได้

.
และนอกจากคำว่า เหียว หรือ หิว แล้ว ‘ตบสลบไสล’ จะเป็นอีกคำที่เขารู้จัก คำนี้เขาใช้มันบ่อยทีเดียวเมื่อเราคุยกัน โดยเฉพาะตอนอารมณ์ดีหรืออยากหัวเราะเสียงดังออกมา… 

ทั้งสองคำถือเป็นภาษาไทยที่จำได้ขึ้นใจสำหรับเขา

.
Mr. Underwear เป็นฉายาที่ พอล เพื่อนบ้านของเขา หรือลูกค้าอเมริกันฅนหนึ่งของผมขนานนามให้กับเขา ดังนั้นไม่ต้องบอกก็คงทราบนะว่า ชุดปกติเวลาอยู่ในรีสอร์ตของเขาจะเป็นแบบไหน ชีเปลือยดี ๆ นี่แหละ

.
"เป็นปลารึไง ปลามันกินน้ำ ฅนต้องกินเบียร์" เขาจะถามและบอกแบบนั้นทุกครั้งเมื่อผมไปยังบ้านพักของเขา และปฏิเสธคำถามที่ว่าเบียร์ไหม... 

ก็กินเบียร์แทนน้ำนี่ไงพุงถึงได้ย้วยแบบนี้ ผมคิดในใจ

.
“คุณรู้จักปลาร้าไหม” ผมถามเมื่อภรรยาฅนไทยของเขาบอกผมว่าจะทำปลาร้าให้เขากิน

“อะไรคือปลาร้า” เขาถามกลับ

“เป็นปลาที่ทำความสะอาด แล้วใส่เครื่องปรุงทิ้งไว้ให้เน่า” ผมพยายามอธิบาย

“บ้านผมก็มี บ้านผมใช้แซลมอนใส่เครื่องปรุงแล้วทิ้งไว้ให้เน่าเหมือนกัน” 

คำตอบของเขาทำเอาผมถึงกับอึ้งนะ แต่จากการหาข้อมูลผมจึงได้ทราบว่า ไม่ได้มีแต่ไทยหรือประเทศทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้นที่กินปลาร้า ทั้ง ญี่ปุ่น เกาหลี และประเทศฝรั่งล้วนแต่กินปลาร้าเหมือนกัน

.
“ในนี้มีปลาร้านะ” ผมชี้ไปยังกับข้าวในชามเมื่อเราร่วมวงกันเย็นนั้น

“อร่อยดี” เขาบอกหลังจากตักซดเข้าไป

.
“ไม่ต้องทำกับข้าวนะเย็นนี้มากินที่บ้านผม” 

เขามักจะบอกกับผมแบบนั้นเสมอ ผมจึงกลายเป็นแขกประจำของเขาแทบทุกเย็น ด้วยความที่เขาชอบทำอาหารและอยากอวดฝีมือด้วยนั่นแหละ เข้าทางผมที่ทำกับข้าว เอ้อ... สุนัขไม่รับประทานเอาเสียเลย

วันนั้นเขาทำต้มยำกุ้ง แน่นอนว่าสำหรับผมแล้วอย่าให้มาทำอะไรแบบนี้เสียให้ยาก นึกอายเขาเหมือนกันที่เป็นฅนไทยแท้ ๆ แต่ต้องมากินต้มยำกุ้งฝีมือฝรั่ง

มันไม่เผ็ดเลยสักนิด ผมรู้สึกได้ทันทีที่ตักต้มยำกุ้งฝีมือเขาเข้าปาก แต่เขาก็ทำให้ผมต้องทึ่งเลยทีเดียวว่า เขาทำได้อย่างไรกัน มันไม่เผ็ดแต่อร่อยเข้มข้นจนไม่รู้สึกว่าขาดอะไรเลยจริง ๆ

.
ตลอดช่วงเวลาของการอยู่ด้วยกันคือการเรียนรู้ ผมได้รู้จักฝรั่งมากขึ้น ขณะที่คอยบอกเขาถึงความเป็นไทยเช่นกัน

เขาบอกว่าเขาชอบเมืองไทย ชอบผู้หญิงไทย ชอบความงามของหญิงไทย แต่ผู้หญิงไทยหลอกเก่งเขาว่าอย่างนั้น ก็แหมผู้หญิงแต่ละฅนของเขานี่รุ่นลูกรุ่นหลานเสียทั้งนั้น จะให้มาจริงใจกับคนหกเจ็ดสิบมันก็คงจะยากอยู่หรอกนะ ผมแค่คิดในใจไม่ได้บอกเขาไปหรอก

และนั่นแหละทำให้เขาเปลี่ยนผู้หญิงบ่อยมาก เพราะเขาเองก็ไม่กล้าที่จะจริงใจกับใครเช่นกัน

.
วันหนึ่งหลังกลับมาจากระยองเขาก็เก็บข้าวของย้ายออกไป แหลมแม่พิมพ์สวยมากเขาจะไปอยู่ที่นั่น เขาบอกผมแบบนั้น แต่ฅนที่ทราบเรื่องบอกว่าเป็นเพราะเขาไปเจอผู้หญิงฅนใหม่ที่นั่นต่างหาก

.
“You're my friend, You're my family” ผมนึกถึงคำพูดของเขาที่บอกกับผมในช่วงแรกของการเข้าพักที่นี่ ซึ่งเขาก็ทำให้ผมรู้สึกได้แบบนั้นจริง ๆ

“ครอบครัวของเรามีห้าฅน ตัวผม” 

เขาชี้ไปที่ตัวเอง

“เมียผม” 

เขาชี้ไปที่ภรรยาของเขาในตอนนั้น

“คุณ” 

เขาชี้มาที่ผม

“หมาดำ” 

เขาชี้ไปยังสุนัขจรที่เก็บมาเลี้ยงไว้

“และมินิไทเกอร์” 

เขาชี้ไปที่แมวจรอีกตัว

.
จะว่าไปแล้วเขานับว่าเป็นฅนต่างชาติที่ผมจะอดคิดถึงไม่ได้ ก็ผมเป็นฅนในครอบครัวของเขานี่นา เสียอย่างเดียวเท่านั้นและ ที่เขาปล่อยให้ผู้หญิงฅนเดียวมาทำให้ครอบครัวของเราต้องแตกแยกกันเสียนี่ 

เขาจากไปโดยไม่ห่วงมินิไทเกอร์หรือไอ้หมาดำเลยจริง ๆ

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่