คนที่มีค่าสายตาสั้น ทั้ง 2 ข้างที่ไม่เท่ากัน จะใส่แว่นสายตายากกว่าคนอื่นๆ ค่ะ เนื่องจากการมองเห็นของตาทั้ง 2 ข้างเห็นไม่เท่ากัน และภาพที่มองเห็นมีขนาดและความคมชัดที่ไม่เท่ากัน จะส่งผลให้ทุกครั้งที่ใส่แว่นสายตาจะรู้สึกไม่สบายตา บางคนมีอาการปวดหัว ปวดตา หรือบางคนเห็นภาพซ้อนได้เลยก็มีค่ะ
แล้วเราควรจะเลือกแว่นสายตาสำหรับคนที่มีค่าสายตา 2 ข้างต่างกันอย่างไรดี ?
1. วัดสายตากับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
แนะนำเลือกร้านที่มีนักทัศนมาตรประจำค่ะ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตา เป็นผู้วัดสายตาให้กับเรา ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจวัดสายตาเราอย่างละเอียด แม่นยำ และถูกต้อง และยังชำนาญในการวัดสายตาสำหรับคนที่มีค่าสายตา 2 ข้างต่างกันด้วยค่ะ
2. เลือกร้านแว่นที่มีเลนส์ทดลองตามค่าสายตาจริง
ให้เราได้ทดลองใส่เลนส์ทดลองตามค่าสายตาจริงของเราก่อนได้ด้วย เพื่อให้เราได้มั่นใจว่า ถ้าใส่ค่าสายตาตามที่วัดสายตามาได้แล้ว เราใส่แล้วสบายตาดีไหม ใส่แล้วภาพคมชัด ภาพเป็นธรรมชาติดีรึเปล่า และยังช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเราใส่แว่นค่าสายตานั้นแล้วเราจะใส่แว่นได้จริงๆ ด้วยค่ะ
3. ต้องเลือกเลนส์ที่รองรับค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน
เพราะเลนส์ที่มีค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน จะเห็นภาพทั้ง 2 ตา ที่ไม่เท่ากัน ถ้าเลือกเลลนส์ที่ชดเชยค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน จะช่วยให้มุมมองภาพที่ต่างกันเห็นดีขึ้น ทำให้ภาพที่เห็นเป็นธรรมชาติมากขึ้น ให้เราใส่แว่นสบายตามากขึ้น และปรับตัวง่ายค่ะ
และเแนะนำเลือกความหนาของเลนส์ด้วยค่ะ เพราะคนที่ค่าสายตาสั้น 2 ข้างต่างกัน ความหนาของเลนส์ทั้ง 2 ข้างจะมีความหนาที่ไม่เท่ากัน ทำให้แว่นตาไม่บาลานซ์กัน แว่นจะหนักและกดที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เราจะต้องเลือก index ให้ความหนาของตาทั้ง 2 ข้างใกล้เคียงกัน และยังทำให้น้ำหนักของเลนส์ทั้ง 2 ข้าง หนักพอๆ กันได้ด้วยค่ะ
4. ต้องเลือกรอบแว่นที่รองรับค่าสายตา 2 ข้างไม่เท่ากัน
เราจะต้องเลือกกรอบแว่นที่รองรับขนาดของเลนส์ที่มีความหนาของเลนส์ที่ไม่เท่ากันได้ด้วยค่ะ แนะนำเลือกกรอบแว่นที่สามารถช่วยบังความหนาของเลนส์ได้ด้วย เพื่อให้ไม่เห็นความหนาของเลนส์ที่ไม่เท่ากัน และกรอบแว่นนั้นจะต้องมีมาตรฐาน ต้องสามารถรองรับน้ำหนักของแว่นที่เลนส์ทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน เพื่อให้แว่นไม่ไหลหรือไม่ให้แว่นตกไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ถ้ากรอบนั้นมีคุณภาพ และมีมาตรฐาน จะสามารถถ่วงน้ำหนักของเลนส์ได้พอดี จะช่วยให้ใส่แว่นแล้วไม่ไหล และไม่เทไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งค่ะ
ค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน สามารถใส่เลนส์โปรเกรสซีฟได้ไหม?
ได้ค่ะ
แต่จะต้องเลือกร้านแว่นที่มีความชำนาญเรื่องโปรเกรสซีฟเป็นอย่างดี เนื่องจากจะต้องวัดสายตาอย่างแม่นยำ และจะต้องเข้าใจโครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นอย่างดีค่ะ ทางร้านจะต้องรู้ว่าเลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นไหน ยี่ห้อไหน ที่รองรับค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน เพื่อให้แว่นโปรเกรสซีฟ ใส่ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น และปรับตัวได้ไวขึ้น จากที่เลนส์โปรเกรสซีฟทั่วๆ ไป จะต้องมีการปรับตัวในการใส่อยู่แล้ว ถ้าเรายิ่งมีค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน ยิ่งต้องปรับตัวมากกว่าคนทั่วไปค่ะ
โดยการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟ จะแนะนำเลือกรุ่นเลนส์ที่สูงขึ้น แล้วต้องเลือกยี่ห้อเลนศ์ที่เหมาะกับเรามากที่สุดด้วยค่ะ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเลนส์โปรเกรสซีฟยี่ห้อไหนเหมาะกับเรามากที่สุด?
จะต้องทดลองใส่เลนส์โปรเกรสซีฟทุกรุ่น ทุกยี่ห้อดูก่อนค่ะ เพื่อให้เราได้รู้ว่าเราเหมาะและชอบรุ่นไหน ยี่ห้อไหนมากที่สุด แนะนำเลือกร้านตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟที่มีเลนส์ทดลองโปรเกรสซีฟ ให้เราได้ลองใส่ก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อได้ค่ะ
สรุป
คนที่มีสายตา 2 ข้างต่างกัน แนะนำเลือกร้านแว่นที่มีนักทัศนมาตรหรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวัดสายตา ตัดแว่นเป็นอย่างดี เพื่อเราจะได้รับการวัดสายตาที่ละเอียด ถูกต้อง และแม่นยำ นอกจากนี้เราจะได้รับคำแนะนำในการเลือกกรอบและเลนส์ได้อย่างเหมาะสมกับค่าสายตาของเรามากที่สุด จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ
สายตาสั้นไม่เท่ากัน เลือกแว่นแบบไหนดี?
1. วัดสายตากับผู้เชี่ยวชาญโดยตรง
แนะนำเลือกร้านที่มีนักทัศนมาตรประจำค่ะ โดยให้ผู้เชี่ยวชาญในการวัดสายตา เป็นผู้วัดสายตาให้กับเรา ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจวัดสายตาเราอย่างละเอียด แม่นยำ และถูกต้อง และยังชำนาญในการวัดสายตาสำหรับคนที่มีค่าสายตา 2 ข้างต่างกันด้วยค่ะ
2. เลือกร้านแว่นที่มีเลนส์ทดลองตามค่าสายตาจริง
ให้เราได้ทดลองใส่เลนส์ทดลองตามค่าสายตาจริงของเราก่อนได้ด้วย เพื่อให้เราได้มั่นใจว่า ถ้าใส่ค่าสายตาตามที่วัดสายตามาได้แล้ว เราใส่แล้วสบายตาดีไหม ใส่แล้วภาพคมชัด ภาพเป็นธรรมชาติดีรึเปล่า และยังช่วยให้เรามั่นใจได้ว่าเราใส่แว่นค่าสายตานั้นแล้วเราจะใส่แว่นได้จริงๆ ด้วยค่ะ
3. ต้องเลือกเลนส์ที่รองรับค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน
เพราะเลนส์ที่มีค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน จะเห็นภาพทั้ง 2 ตา ที่ไม่เท่ากัน ถ้าเลือกเลลนส์ที่ชดเชยค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน จะช่วยให้มุมมองภาพที่ต่างกันเห็นดีขึ้น ทำให้ภาพที่เห็นเป็นธรรมชาติมากขึ้น ให้เราใส่แว่นสบายตามากขึ้น และปรับตัวง่ายค่ะ
และเแนะนำเลือกความหนาของเลนส์ด้วยค่ะ เพราะคนที่ค่าสายตาสั้น 2 ข้างต่างกัน ความหนาของเลนส์ทั้ง 2 ข้างจะมีความหนาที่ไม่เท่ากัน ทำให้แว่นตาไม่บาลานซ์กัน แว่นจะหนักและกดที่ฝั่งใดฝั่งหนึ่ง เราจะต้องเลือก index ให้ความหนาของตาทั้ง 2 ข้างใกล้เคียงกัน และยังทำให้น้ำหนักของเลนส์ทั้ง 2 ข้าง หนักพอๆ กันได้ด้วยค่ะ
4. ต้องเลือกรอบแว่นที่รองรับค่าสายตา 2 ข้างไม่เท่ากัน
เราจะต้องเลือกกรอบแว่นที่รองรับขนาดของเลนส์ที่มีความหนาของเลนส์ที่ไม่เท่ากันได้ด้วยค่ะ แนะนำเลือกกรอบแว่นที่สามารถช่วยบังความหนาของเลนส์ได้ด้วย เพื่อให้ไม่เห็นความหนาของเลนส์ที่ไม่เท่ากัน และกรอบแว่นนั้นจะต้องมีมาตรฐาน ต้องสามารถรองรับน้ำหนักของแว่นที่เลนส์ทั้ง 2 ข้างไม่เท่ากัน เพื่อให้แว่นไม่ไหลหรือไม่ให้แว่นตกไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง ถ้ากรอบนั้นมีคุณภาพ และมีมาตรฐาน จะสามารถถ่วงน้ำหนักของเลนส์ได้พอดี จะช่วยให้ใส่แว่นแล้วไม่ไหล และไม่เทไปฝั่งใดฝั่งหนึ่งค่ะ
ได้ค่ะ
แต่จะต้องเลือกร้านแว่นที่มีความชำนาญเรื่องโปรเกรสซีฟเป็นอย่างดี เนื่องจากจะต้องวัดสายตาอย่างแม่นยำ และจะต้องเข้าใจโครงสร้างเลนส์โปรเกรสซีฟเป็นอย่างดีค่ะ ทางร้านจะต้องรู้ว่าเลนส์โปรเกรสซีฟรุ่นไหน ยี่ห้อไหน ที่รองรับค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน เพื่อให้แว่นโปรเกรสซีฟ ใส่ใช้งานได้ง่ายมากขึ้น และปรับตัวได้ไวขึ้น จากที่เลนส์โปรเกรสซีฟทั่วๆ ไป จะต้องมีการปรับตัวในการใส่อยู่แล้ว ถ้าเรายิ่งมีค่าสายตา 2 ข้างต่างกัน ยิ่งต้องปรับตัวมากกว่าคนทั่วไปค่ะ
โดยการเลือกเลนส์โปรเกรสซีฟ จะแนะนำเลือกรุ่นเลนส์ที่สูงขึ้น แล้วต้องเลือกยี่ห้อเลนศ์ที่เหมาะกับเรามากที่สุดด้วยค่ะ
แล้วเราจะรู้ได้อย่างไร ว่าเลนส์โปรเกรสซีฟยี่ห้อไหนเหมาะกับเรามากที่สุด?
จะต้องทดลองใส่เลนส์โปรเกรสซีฟทุกรุ่น ทุกยี่ห้อดูก่อนค่ะ เพื่อให้เราได้รู้ว่าเราเหมาะและชอบรุ่นไหน ยี่ห้อไหนมากที่สุด แนะนำเลือกร้านตัดแว่นตาโปรเกรสซีฟที่มีเลนส์ทดลองโปรเกรสซีฟ ให้เราได้ลองใส่ก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อได้ค่ะ
สรุป
คนที่มีสายตา 2 ข้างต่างกัน แนะนำเลือกร้านแว่นที่มีนักทัศนมาตรหรือผู้เชี่ยวชาญเรื่องการวัดสายตา ตัดแว่นเป็นอย่างดี เพื่อเราจะได้รับการวัดสายตาที่ละเอียด ถูกต้อง และแม่นยำ นอกจากนี้เราจะได้รับคำแนะนำในการเลือกกรอบและเลนส์ได้อย่างเหมาะสมกับค่าสายตาของเรามากที่สุด จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรงค่ะ