เครดิตแหล่งข่าว/เจ้าของบทความโดย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4436811
เศรษฐกิจ ซึมยาว คนประหยัด เลี่ยงเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ฉุดตลาดเช่าเหงา
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้อัพเดตภาพรวมตลาดเช่าที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ พบว่าดัชนีค่าเช่ามีทิศทางเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นถึง 7% เทียบไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน ส่วนดัชนีค่าเช่าของที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ ดัชนีค่าเช่าในระยะยาว ยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง โดยดัชนีค่าเช่าของที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นถึง 64% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด ส่วนดัชนีค่าเช่าแนวสูงเพิ่มขึ้น 5%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมความต้องการเช่าทั่วประเทศปรับตัวลดลงอย่างมากถึง 27% เทียบไตรมาสก่อน และลดลง 25% เทียบปีก่อน โดยมีเพียงบ้านเดี่ยวเท่านั้นที่มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นถึง 35% เทียบไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้น 23% เทียบปีก่อน อันเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมาเป็นเวลานาน จึงหลีกเลี่ยงการขยับขยายหรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเพื่อลดความเสี่ยงในการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่อาจกลายเป็นภาระออกไป
หากมองในระยะยาว ถือว่าภาพรวมความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยยังคงเติบโต โดยปรับเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด โดยบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นมากที่สุด 74% ตามมาด้วยคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 60% มีเพียงทาวน์เฮ้าส์ที่ลดลง 26%
โดยความต้องการเช่าที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดเช่าที่ได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่พร้อมมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือไม่ต้องการมีภาระหนี้ระยะยาว และชอบความยืดหยุ่นในการเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่า
ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในระดับค่าเช่า 10,000-30,000 บาท/เดือน ครองตลาดด้วยสัดส่วนสูงสุดที่ 44% ของจำนวนที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าทั้งหมดทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้มากกว่าและเป็นช่วงค่าเช่าที่จับต้องได้ ครอบคลุมทุกรูปแบบที่อยู่อาศัย
หากแบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่าคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ในระดับค่าเช่า 10,000-30,000 บาท/เดือน มีจำนวนมากที่สุด ในสัดส่วน 47% และ 33% ตามลำดับ ส่วนบ้านเดี่ยวที่มีจำนวนมากที่สุดจะอยู่ที่ระดับค่าเช่ามากกว่า 100,000 บาท/เดือน สัดส่วน 52%
ทำเลที่มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกรุงเทพฯ ในไตรมาสล่าสุด ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลแหล่งงานและใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์การเดินทางในเมืองหลวง
อันดับ 1 ได้แก่ เขตหนองแขม เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน ซึ่งเป็นทำเลชานเมืองที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-หลักสอง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย บางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต
ตามมาด้วยเขตสายไหมเทียบไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น 20% ลดลง 10% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า , เขตคลองสามวา เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน, เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนและเขตดินแดง เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน
เศรษฐกิจ ซึมยาว คนประหยัด เลี่ยงเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ฉุดตลาดเช่าเหงา
https://www.matichon.co.th/economy/news_4436811
เศรษฐกิจ ซึมยาว คนประหยัด เลี่ยงเปลี่ยนที่อยู่อาศัย ฉุดตลาดเช่าเหงา
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดีดีพร็อพเพอร์ตี้เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ ได้อัพเดตภาพรวมตลาดเช่าที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ พบว่าดัชนีค่าเช่ามีทิศทางเติบโตอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะที่อยู่อาศัยแนวสูงอย่างคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นถึง 7% เทียบไตรมาสก่อนและเพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน ส่วนดัชนีค่าเช่าของที่อยู่อาศัยแนวราบอย่างบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปีก่อน
นอกจากนี้ ดัชนีค่าเช่าในระยะยาว ยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง โดยดัชนีค่าเช่าของที่อยู่อาศัยแนวราบเพิ่มขึ้นถึง 64% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด ส่วนดัชนีค่าเช่าแนวสูงเพิ่มขึ้น 5%
อย่างไรก็ดี ภาพรวมความต้องการเช่าทั่วประเทศปรับตัวลดลงอย่างมากถึง 27% เทียบไตรมาสก่อน และลดลง 25% เทียบปีก่อน โดยมีเพียงบ้านเดี่ยวเท่านั้นที่มีความต้องการเช่าเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นถึง 35% เทียบไตรมาสก่อน เพิ่มขึ้น 23% เทียบปีก่อน อันเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภคได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจมาเป็นเวลานาน จึงหลีกเลี่ยงการขยับขยายหรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยเพื่อลดความเสี่ยงในการเพิ่มค่าใช้จ่ายที่อาจกลายเป็นภาระออกไป
หากมองในระยะยาว ถือว่าภาพรวมความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยยังคงเติบโต โดยปรับเพิ่มขึ้นถึง 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด โดยบ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นมากที่สุด 74% ตามมาด้วยคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น 60% มีเพียงทาวน์เฮ้าส์ที่ลดลง 26%
โดยความต้องการเช่าที่เพิ่มขึ้นสะท้อนให้เห็นแนวโน้มการเติบโตของตลาดเช่าที่ได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มผู้บริโภคที่ยังไม่พร้อมมีบ้านเป็นของตัวเอง หรือไม่ต้องการมีภาระหนี้ระยะยาว และชอบความยืดหยุ่นในการเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่า
ทั้งนี้ ที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าในระดับค่าเช่า 10,000-30,000 บาท/เดือน ครองตลาดด้วยสัดส่วนสูงสุดที่ 44% ของจำนวนที่อยู่อาศัยเพื่อเช่าทั้งหมดทั่วประเทศ เนื่องจากเป็นสินค้าที่ตอบรับกับความต้องการของผู้บริโภคส่วนใหญ่ได้มากกว่าและเป็นช่วงค่าเช่าที่จับต้องได้ ครอบคลุมทุกรูปแบบที่อยู่อาศัย
หากแบ่งตามประเภทที่อยู่อาศัย พบว่าคอนโดมิเนียมและทาวน์เฮ้าส์ในระดับค่าเช่า 10,000-30,000 บาท/เดือน มีจำนวนมากที่สุด ในสัดส่วน 47% และ 33% ตามลำดับ ส่วนบ้านเดี่ยวที่มีจำนวนมากที่สุดจะอยู่ที่ระดับค่าเช่ามากกว่า 100,000 บาท/เดือน สัดส่วน 52%
ทำเลที่มีดัชนีค่าเช่าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในกรุงเทพฯ ในไตรมาสล่าสุด ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลแหล่งงานและใกล้แนวรถไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์การเดินทางในเมืองหลวง
อันดับ 1 ได้แก่ เขตหนองแขม เพิ่มขึ้น 22% จากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน ซึ่งเป็นทำเลชานเมืองที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าและศูนย์การค้าขนาดใหญ่ มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน หัวลำโพง-หลักสอง รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย บางแค-พุทธมณฑลสาย 4 ในอนาคต
ตามมาด้วยเขตสายไหมเทียบไตรมาสก่อนเพิ่มขึ้น 20% ลดลง 10% เมื่อเทียบปีก่อนหน้า , เขตคลองสามวา เพิ่มขึ้น 14% จากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน, เขตห้วยขวาง เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนหน้า เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อนและเขตดินแดง เพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนหน้าและเพิ่มขึ้น 17% จากปีก่อน