ปัญหาครอบครัว อยากระบาย และขอคำแนะนำ

เราแค่อยากเป็นคนสำคัญ

เราเลย ทำดีและสร้างผลประโยชน์กับครอบครัวส่วนรวม โดยไม่สนว่าคนอื่น ๆ จะมองอย่างไร

เรา Defend ทุก ๆ ทางที่ทำได้เพื่อให้ครอบครัวอยู่รอด

แต่ว่าก็เจอคนในครอบครัวที่ไม่เข้าใจ และ หักหลังความไว้ใจของเรา

เราที่ทำทุกอย่างเพื่อให้มีเงินทองมาใช้ในครอบครัว และ รักษาแหล่งรายได้ (ร้านค้า) แต่ว่า แม่ไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดเรา เพราะเราบริหารงานโดยมุ่งเน้นลงทุนเพื่อให้ได้กำไรสูงสุด เพื่อที่สร้างแหล่งผลิตเงินที่มัานคงที่จะทำให้ยืนระยะยาว ๆ โดยวิธีการใดก็ได้ ที่ไม่ผดกฏหมาย แต่ว่าแม่ขายไปวัน ๆ ไม่สนว่าจะตุนสินค้า แค่เน้นพอขายไปวัน ๆ ไม่พัฒนาและปรับปรุงที่จะทำให้มีความสามารถยืนยาวในการทำเงิน เช่นเรื่องตู้แช่น้ำแข็ง , นำตู้เย็นไปไว้ข้างในร้านปกติจะอยู่ใกล้คนขายเพื่อให้คนซื้อสินค้ามากขึ้น และไม่ต้องคอยเดินหยิบไปส่งให้ลูกค้าที่นอกร้าน (แม่อายุ 67 แล้วแถมผ่าหลังกระดูกทับเส้นมาอีก) พอแย็บเรื่องไป ก็บอกวาไม่มีเงินซื้อ แต่ว่ามีเงินไปเที่ยว ครั้งละ 1,500-2,000 บาท ไม่รวมค่ากินอยู่ ไปแทบทุกเดือน

เรื่องพี่ชาย ไม่เคยรับรู้อะไรเลยที่สำคัญในครอบครัวเลย เช่นหนี้สิน เพราะแม่ไม่บอก แแต่เหตุทำไมถึงไม่บอกก็ไม่รู้ ? จนเรื่องผู้หญิงอันนี้แสดงชัดเจนที่สุดแล้ว ในรอบแรกตอนเรียนอยู่มหาลัย ก็เอาส่วนที่กินอยู่ของน้องชาย ไปปรนเปรอสาว จนในเดือนนั้น น้องชายต้องไปขอเชื่อมาม่า 1 ลัง เพื่อกิน 1 เดือน , ในรอบนั้นก็ให้อภัย 1 รอบแล้ว , มาปัจจุบัน เงิน 200,000 บาท ที่เป็นมรดกจากอาที่เสียชีวิต ตอนนั้นแม่ป่วย (ไปผ่าตัดหลังเรื่องกระดูกทับเส้น) เรามาบริหารร้าน ต้องเอาเงินไปหมุนซื้อของ เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด เพราะมีคาใช้จ่ายเดือนละ 40,000 บาท ทำงานไม่ได้เงินเดือน มีของแค่ไม่กี่ชิ้นที่เอาเงินร้านซื้อ ตุนจนเงินหลือ 120,000 บาท พอทางนั้นรู้ก็หาว่าเราจะฮุบเงินทอง แต่ ๆ ๆ ก่อนที่จคืนธุรกิจไป ยอดสินค้าที่ซื้อมันได้ตั้ง 220,000 บาท ถ้าเอามาขายจะได้กำไรเท่าไร ? อันนี้คือจะฮุบใช่ไหม , แล้ว ที่ทะเลาะกันรอบ 2 คือจะเอาเงิน 200,000 บาทไปซื้อทองเพื่อเป็นสินสอดแต่งสาวเพราะว่าราคามันขึ้นไปไกล กลัวอด ไม่คิดถึงคนอื่น ๆ ถ้า 200,000 บาทเอาไปซื้อทองจะประคองร้านให้รอดอย่าง นี่ก็ชัดเจนแล้วว่ามีแต่ตักตวงแถมผู้หญิงอีก

เราเริ่มรักตัวเองมากขึ้น ตัดสิ่งแย่ ๆ ออกไปจากชีวิต เซ็ตขอบเขตสิ่งที่รับได้รับไม่ได้

เราผลักพี่ชายแบบนี้ออกจากชีวิต ไม่คิดที่จะพูดด้วย ไม่อยากอยู่ใกล้ ไม่อยากพูดด้วย งงานแต่งท่จะจัดปลายปีใครจะไปก็ไป เราไม่ไป

ส่วนแม่ ร้านค้าคืนอำนาจไปให้เขาทุกอย่าง ไม่อยากทะเลาะ จะทำอะไรก็ทำไม่ต้องมาถามว่าซื้ออะไร เพราะการบริหารต่างกัน ซื้อมาเยอะก็ว่าซื้อมาทำไม เดียวทะเลาะกันอีกคืนเลยดีกว่า และเรื่องเราก็กำหนดว่าจะใช้งานทำนู่นนี่นั่น กรุณาบอกล่วงหน้าสัก 10-15 นาทีด้วยเพราะเรามีงานที่จะต้องทำเพื่อสร้างที่ผลิตเงิน (เขียนโปรแกรม) แต่เขากลับจะเอาเดี๋ยวนั้นเลย ไม่มีเวลาให้เลยเตรียมตัวเลย กำลังความคิดดี ๆ หลุดประจำ

พอเราเริ่มทำ แบบที่บอกไป ญาติ ๆ พี่น้องมองเราแปลก ๆ เหมือนเราเป็นตัวปัญหา เราพูดตรงจริงจังทุกครั้ง เขาชอบเงียบใส่ เหมือนเราเป็นตัวอะไรสักอย่าง

เราไม่รู้ว่าเราจะก้าวต่อไปได้ไกลแค่ไหน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่