เห็นด้วยมั้ยครับว่า หลายคนใช้พลังชีวิตส่วนใหญ่ในแต่ละวัน ไปกับการทำงานที่มักมีแรงกดดันในแบบต่างๆ
พอเลิกงาน ความสดชื่นสดใสก็เหลือน้อยลงโดยเปรียบเทียบ ทั้งที่หลังเลิกงานก็เป็นการใช้ชีวิตเหมือนกัน
หลายคนทำงานซะจนลืมหาความสุขเล็กๆ ใส่ตัว
ใครได้งานที่เติมเต็มความหมายของชีวิตก็ดีไป
บางคนอยากแค่หาไรทำแก้เหงา นั่นก็ถือว่าบรรลุจุดประสงค์
แต่สำหรับหลายคน การทำงานที่ไม่ชอบ เช้าถึงเย็น ทุกวัน เป็นปีๆ
มันแทบไม่มีความหมายอะไรกับชีวิต นอกจากหาเงินมาซื้อสินค้าและบริการ
ขนาดหนูถีบจักร ยังไม่ทำไรนานขนาดนั้น
สาเหตุส่วนนึงคงเพราะพวกเราหลายคนถูกสอนแต่เด็กให้ต้องทำงาน ดิ้นรนสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะ
แถมเรายังปล่อยให้ตัวเองให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เห็นโฆษณาและสิ่งเร้าใจ จนอยากได้นั่นอยากได้นี่อยู่เรื่อยๆ
ทำให้รู้สึกแย่เมื่อมีน้อยกว่าคนอื่น
ถึงเวลาเปลี่ยน mindset ของพวกเราหรือยังครับ
ว่าเรามีความสุขได้แม้ไม่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนที่สูง
เราเป็นของเราแบบนี้ ไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น ไม่ต้องเอาใจใคร ไม่ต้องสะสมความเครียด
ไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งตามกระแสคนส่วนใหญ่
แค่อยู่อย่างมีความสุขในแต่ละวัน ก็พอแล้ว
แน่นอนว่าคนที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งอาชีพการงาน ความรู้สึกเติมเต็ม มีชีวิตที่สมบูรณ์ ก็คงมี
แต่ชีวิตนั้นไม่ได้มีสำหรับทุกคน
ในเมื่อฐานพีระมิดกว้างกว่ายอดของมัน ตำแหน่งงานมันก็มีจำกัด
เราแค่เป็นคนธรรมดาที่มีความสุขเล็กๆ และเรียบง่ายในแต่ละวัน
มีเงินพอจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ มีเวลาให้คนสำคัญ ทั้งครอบครัวเพื่อนฝูง ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอครับ
พวกเรามีเวลาจำกัด โอกาสที่จะทำสิ่งที่อยากทำ ก็มีจำกัด
การมีวัตถุสิ่งของครบครัน อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับชีวิตของหลายๆ คน
การดิ้นรนน้อยลง อาจทำให้เราสูญเสียกำลังซื้อวัตถุสิ่งของ เสื้อผ้าแบรนด์เนม กาแฟแพงๆ อาหาร fine dining
แต่สิ่งที่ได้มาคือชีวิตที่สงบกว่า จิตใจที่สงบกว่า
ถึงเราจ่ายน้อยกว่า แต่ถ้าได้สารอาหารครบถ้วนมันก็โอเค
เราอาจไปเที่ยวสถานที่เดียวกับคนมีตังค์ได้ เพียงแค่เรานั่งสายการบินที่ถูกกว่า พักโรงแรมที่ถูกกว่า
สิ่งที่ได้ อาจคุ้มกับสิ่งที่เสียไปก็เป็นได้ จริงมั้ยครับ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จู่ๆ เกิดขึ้นเอง มันต้องมีการวางแผน
การกระทำในแต่ละวัน จะเป็นรากฐานของเราในอนาคต
บางคนแทบไม่เคยคิดอะไรอย่างอื่นนอกจากงานประจำเลย
ทั้งที่มีสิ่งอื่นทีทำได้ นอกจากงานรูทีน เช้าถึงเย็น
ถึงเวลาหรือยังครับ ที่พวกเราจะเลิกทุ่มเทให้กับงาน แล้วไปทุ่มเทให้กับความสุขในชีวิตแทน
ถึงเวลาหรือยัง ที่จะเลิกทุ่มเทให้กับงาน แล้วไปทุ่มเทให้กับความสุขในชีวิตแทน?
พอเลิกงาน ความสดชื่นสดใสก็เหลือน้อยลงโดยเปรียบเทียบ ทั้งที่หลังเลิกงานก็เป็นการใช้ชีวิตเหมือนกัน
หลายคนทำงานซะจนลืมหาความสุขเล็กๆ ใส่ตัว
ใครได้งานที่เติมเต็มความหมายของชีวิตก็ดีไป
บางคนอยากแค่หาไรทำแก้เหงา นั่นก็ถือว่าบรรลุจุดประสงค์
แต่สำหรับหลายคน การทำงานที่ไม่ชอบ เช้าถึงเย็น ทุกวัน เป็นปีๆ
มันแทบไม่มีความหมายอะไรกับชีวิต นอกจากหาเงินมาซื้อสินค้าและบริการ
ขนาดหนูถีบจักร ยังไม่ทำไรนานขนาดนั้น
สาเหตุส่วนนึงคงเพราะพวกเราหลายคนถูกสอนแต่เด็กให้ต้องทำงาน ดิ้นรนสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างฐานะ
แถมเรายังปล่อยให้ตัวเองให้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เห็นโฆษณาและสิ่งเร้าใจ จนอยากได้นั่นอยากได้นี่อยู่เรื่อยๆ
ทำให้รู้สึกแย่เมื่อมีน้อยกว่าคนอื่น
ถึงเวลาเปลี่ยน mindset ของพวกเราหรือยังครับ
ว่าเรามีความสุขได้แม้ไม่มีตำแหน่งหรือเงินเดือนที่สูง
เราเป็นของเราแบบนี้ ไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น ไม่ต้องเอาใจใคร ไม่ต้องสะสมความเครียด
ไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งตามกระแสคนส่วนใหญ่
แค่อยู่อย่างมีความสุขในแต่ละวัน ก็พอแล้ว
แน่นอนว่าคนที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งอาชีพการงาน ความรู้สึกเติมเต็ม มีชีวิตที่สมบูรณ์ ก็คงมี
แต่ชีวิตนั้นไม่ได้มีสำหรับทุกคน
ในเมื่อฐานพีระมิดกว้างกว่ายอดของมัน ตำแหน่งงานมันก็มีจำกัด
เราแค่เป็นคนธรรมดาที่มีความสุขเล็กๆ และเรียบง่ายในแต่ละวัน
มีเงินพอจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ มีเวลาให้คนสำคัญ ทั้งครอบครัวเพื่อนฝูง ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอครับ
พวกเรามีเวลาจำกัด โอกาสที่จะทำสิ่งที่อยากทำ ก็มีจำกัด
การมีวัตถุสิ่งของครบครัน อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องสำหรับชีวิตของหลายๆ คน
การดิ้นรนน้อยลง อาจทำให้เราสูญเสียกำลังซื้อวัตถุสิ่งของ เสื้อผ้าแบรนด์เนม กาแฟแพงๆ อาหาร fine dining
แต่สิ่งที่ได้มาคือชีวิตที่สงบกว่า จิตใจที่สงบกว่า
ถึงเราจ่ายน้อยกว่า แต่ถ้าได้สารอาหารครบถ้วนมันก็โอเค
เราอาจไปเที่ยวสถานที่เดียวกับคนมีตังค์ได้ เพียงแค่เรานั่งสายการบินที่ถูกกว่า พักโรงแรมที่ถูกกว่า
สิ่งที่ได้ อาจคุ้มกับสิ่งที่เสียไปก็เป็นได้ จริงมั้ยครับ
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จู่ๆ เกิดขึ้นเอง มันต้องมีการวางแผน
การกระทำในแต่ละวัน จะเป็นรากฐานของเราในอนาคต
บางคนแทบไม่เคยคิดอะไรอย่างอื่นนอกจากงานประจำเลย
ทั้งที่มีสิ่งอื่นทีทำได้ นอกจากงานรูทีน เช้าถึงเย็น
ถึงเวลาหรือยังครับ ที่พวกเราจะเลิกทุ่มเทให้กับงาน แล้วไปทุ่มเทให้กับความสุขในชีวิตแทน