สวัสดีครับ
ผมอยากฟังความเห็นของเพื่อนๆครับว่าคิดยังไงถ้าคุณเป็นผมตอนนี้ ขอโทษนะครับยาวนิดนึง
ผมทำงานอยู่ บ. หนึ่ง (start-up business) ตอนเริ่มตั้ง บ. นายทุนจีนเสนอเงินให้จำนวน $1xx,xxx ต่อปีพร้อมวีซ่าทำงาน (เงินเทียบเท่าตำเเหน่งผจก.ทั่วๆไป) ตอนเเรกเขาเสนอต่ำกว่านี้เเต่ผมลังเลเพราะไม่รู้ว่าเขาทำงานอย่างไร เเต่เขาบอกจะบริหารเเนว บ ฝรั่ง ไม่สนวิธีการ สนใจเเค่ผลลัพธ์ ผมเลยโอเค ถือว่าเงินเพิ่มงานเพิ่ม
พอมาทำช่วงเเรกก็ไม่ค่อยมีงาน ผมก็เริ่มบริหารฝั่งออฟฟิศ คิดวางระบบการทำงานนี่นั้น อันไหนที่รู้สึกไม่มีประโยชน์ตัดออก app ไหนมีประโยชน์ซื้อมา เน้นทำเร็วทำง่ายประหยัดเวลาทำงานเเละคน ถ้าว่ากันตามจำนวนคนที่มี ตำเเหน่งผมคือ ผจก ทั่วไป ให้ดูเเล เเอดมิน + รับผิดชอบงานเอกสารคนอื่นที่เข้ามา
นายทุนบอกผมว่าไม่ต้องยุ่งงานของเเผนกอื่นสอนงานเเอดมิน+รับผิดชอบเอกสารทุกอย่างยกเว้นจ่ายเงินพนักงาน ผม ok ถือว่าเงินเพิ่มรับผิดชอบหน้าที่ใครหน้าที่มันยิ่งดี เเล้วใครมีปัญหาอย่ากลับให้ผมเเก้ก็พอ
1. ผมเสนอไปว่าเรื่องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆจิปาถะของ บ. (ยกเว้นเงินเดือน) เราทำเป็น folder drive เอา เเล้วมีอะไรเราเเค่ลากใส่ ตั้งเเจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการอัพไฟล์ --------> นายทุนบอกว่าไม่เอา ให้เราเเนบค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายเเล้วส่งเมลให้นายทุนโดยตรง ผมเสนอไปว่ามันเสียเวลา เเกบอกผมไม่เข้าใจ สุดท้ายผมโอเค ถือว่าเเค่เเผนกเดียวเสียเวลาไม่น่าจะเยอะ
2. bills/invoice/quote บ สำหรับทำ bookeeping นายทุนบอกให้ผมหาเเอพมาเลือกอันที่ฟีเจอร์น้อยที่สุดเข้าใจง่ายสุด ให้หน้าที่ผมจัดการเรื่อง invoice ซึ่งผมก็ทำไปปกติไม่มีปัญหาอะไร เขาบอกลองใช้ พอมาใช้ 3-4 เดือน เเกบอกให้ไปยกเลิก นายทุนไม่โอเคเเกบอกให้ใช้วิธีของเขาคือ ออกเอกสารทุกอย่างเป็น manual ผมออกเลข quote ให้เเต่ละคน (สร้างtemplateมาอันนึงเเล้วเปลี่ยนชื่อ/วดป/ข้อมูล) เก็บ record เข้า excel ทำเป็นช่องเเบ่งเลข invoice/quote/ลูกค้าใครจ่ายเเล้วหรือ ออกเอกสารให้ลูกค้าเเล้วเปลี่ยนสี ทุกคนจะได้ทราบว่ารายการนี้ทำเเล้ว. พอผมถามจุดประสงค์เพื่ออะไรทำไมเราต้องมาออกให้เเต่ละคนทั้งๆที่เเอพก็รันออโต้ได้เเล้วฟิลเตอร์ได้ว่าใครเป็นคนออก quote/รายการ ไหน แกบอกผมไม่เข้าใจ เเกทำมานานเป็น 10ปี เเล้วเเบบเเกดีกว่า --->ผมไม่ค่อยโอเคเพราะมันจะเพิ่มเวลาเเล้วมั่วง่าย เเต่ไม่พูดอะไร ถึงไม่เข้าใจก็ทำตามไป ไม่อยากมีปัญหา
3. นายทุนให้ผมจัดการทำเวลาของพนักงาน เเล้วส่งให้ไฟล์นายทุนเพื่อโอนเงินพนักงาน ผมถามเเกว่าต้องการเอาข้อมูลอะไรบ้าง เช่น ชื่อ/ชม ทำงาน/OT/... เเกให้ไฟล์ผมมาเเล้วบอกว่าเอาข้อมูลในนี้ ผมสร้างไฟล์ใหม่มีข้อมูลทุกอย่างตามไฟล์เก่าที่เเกให้มา เเต่เปลี่ยนรูปเเบบ เช่น ไฟล์เก่าต้องกรอก ชั่วโมงการทำงาน, ชั่วโมงลาหยุด, วันหยุดนักขัตฤกษ์ ขั้นด้วยเครื่องหมาย+ในเเต่ละcell ไฟล์ใหม่ผมเอาเครื่องหมาย+ออก กรอกเเค่ตัวเลขเพียวๆตัวเลขนี้เอามาจาก excel ใน เเอพที่ใช้ตอกบัตร ---> นายทุนผมบอกไม่โอเคจะเอาเเบบเดิมใส่เครื่องหมาย+กรอกเเมนนวลจะได้เป็นการตรวจ2รอบ ---> ผมบอกเขาว่าผมไม่โอเคเเละไม่เข้าใจ เเกเลยให้เเอดมินทำ เเอดมินคนจีนมาถามผมทำไมเขาทำexcelเเบบนี้มันเหมือนทำเเมนวลมากๆ ผมเลยบอกเเอดมินให้ไปถามนายทุนดูว่าทำไมเพราะนายทุนบอกผมไม่เข้าใจ สุดท้ายเเอดมินก็ไม่เข้าใจ เเล้วนายทุนก็มาบอกว่าเเอดมินชอบคิดว่าตัวเองเก่ง ผมเลยปล่อยเลยตามเลย
4. ผมเริ่มสอนงานเเอดมิน ผมให้เขาลองส่งอีเมลดู (นั่งข้างๆเเล้วบอกให้เขาพิมพ์) ลองให้เขาฝึกหาวิธีเเก้ไขปัญหาดู (สำหรับงานง่ายๆที่ไม่ได้เป็นปัญหาวงกว้าง เวลาที่ใช้เเก้ไขปัญหาไม่จำกัด เเต่ผมจำกัดเวลาให้เขาภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้) ---> นายทุนเห็นอีเมลกับปัญหา เเกบอกผมว่าเเกไม่โอเคกับวิธีการทำงานผมที่ให้เเอดมินส่งอีเมล (ทั้งผมทั้งเเอดมินรู้เเละบอกว่าเราต้องการฝึกเพื่อให้เขามีความมั่นใจเเละคิดที่จะเเก้ปัญหาเป็นกับนายทุน) --> สุดท้ายเขาให้เเอดมินไปฝึกงานในส่วนของเขา หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ผมก็ไม่เห็นเเอดมินอีกเลย...... เเละงานก็ถูกเเบ่งไปหาคนอื่นซึ่งผมคือหนึ่งในนั้น
5.ผมไม่ชอบทำ OT เพราะผมว่าถ้าผมงานเสร็จก่อนเวลาที่เหลือควรจะเป็นเวลาที่ผมได้พักเเต่ถ้าไม่ครบ 8 ชม/วัน ผมไม่กลับก่อน วันหนึ่งงานของคนหนึ่ง เขาบอกงานเขารีบตั้งเเต่ วันจันทร์ ผมบอกสิ้นสัปดาห์ไม่ก็สัปดาห์หน้าผมช่วยได้ ผมดูงานที่เขาบอกว่ารีบตั้งเเต่วันจันทร์ถึงวันพุธ คนที่บอกว่างานเขารีบ ไม่ได้เข้าไปเริ่มทำสักนิดนึง พอวันพุธเย็นนายทุนมาด่าผมว่าทำไมไม่ช่วยเขา (ผมคิดในใจเงินเดือนก็ได้เท่ากัน บอกผมอย่างยุ่งงานคนอื่น เเต่มีปัญหากลับมาหาผม ผมบีบงานผม ไม่เคยโยนงานไปให้คนอื่นเพื่อให้ผมได้พัก ไม่ใช่บีบงานเพิ่อให้ไปทำงานคนอื่นที่เขาทำไม่ทัน เเล้วผมจะบีบงานตัวเองเพื่ออะไรในเมื่อผมต้องไปทำงานของคนอื่น ผมไม่สนใจว่าคนที่บอกงานรีบ บอกอะไรนายทุน เเต่เเกมาถามผมว่า ผมทำงานวันละกี่ชม เเล้วจะให้ทำวันเสาร์) --->สุดท้ายเเก เอาเรื่องที่เเกบอกผมไม่ต้องยุ่งมาด่า เเถมถูกด่า 2ชมกว่า ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของผม เเละ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ด่าคือเรื่องอะไร โดยที่ผมถามกลับไปคำถามเดียวว่าถ้างานที่ผมทำอยู่มีปัญหาใครจะรับผิดชอบ เเละไม่มีคนกล้าออกมารับผิดชอบ
6.วันถัดไป ผมไปทำงานตามปกติ นายทุนชวนผมคุยเรื่องนี้ ผมบอกผมไม่อยากคุย เเกบ่นยาวต่ออีก ชม. เศษ ผมเลยยิ้มเเล้วพยักหน้าทุกอย่างที่เเกด่าจะได้จบๆไป เเกเลยบอกว่าเงินเดือนผมจ้างคนได้อีก 3 คนเเละเเกยังช่วยเรื่องวีซ่าทำงาน เเกเลยบอกผมว่าถ้ายังไม่เปลี่ยนก็ออก ผมพยักหน้าตอบ เเกเลยบอกไปคิดดูให้ดี จุดนี้ผมเริ่มคิดว่า บ. ต้องการคนมีชั่วโมงการทำงานเยอะๆเเละนายทุนอยากจะถือว่าการช่วยเรื่องวีซ่าคือบุญคุณ
ผมทำงานมาเกือบ 6 เดือน นายทุนบอกเรา work smart ไม่ใช่ work hard ผมยังไม่เห็นคำว่า smart จากการทำงานเเม้เเต่นิดเดียว ตารางงานออกเป็นวันต่อวัน/อันไหนขั้นตอนเยอะๆมาบีบงานอีกฝั่ง/ทุกอย่างmanualเกือบหมด
ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ พอดีรู้สึก down เเบบมากๆคือ ถึงขั้นจองจิตเเพทย์ไว้เเล้วอยากพบไวๆ 55+
ผมมองว่าที่นี่คือ safe zone มากถึงมากที่สุด ผลประโยชน์ได้เเน่ๆ อายุ30ต้นๆเข้าเเต่ถึง comfort zone (มั้ง) ก่อน
ข้อดี
1. บ. ไม่ไล่เราออกเเน่นอน เพราะไม่มีคนมาเเทน + start up + วีซ่าผูกกับ บ. เพือทำ green card
2. เงินเดือนไม่ดีมากเเต่ไม่เเย่(เทียบกับอายุประสบการณ์) สั่งอะไรเเก้ได้หมดโดนหนักสุด คือ ไม่โดนออกเเน่นอน เพราะใน บ. ไม่มีใครเเก้ได้
3. นายทุนไม่มีความคิดที่จะเพิ่มคนในฝั่งบริหาร ต้องการเน้นเเบ่งผลประโยนช์เยอะๆจากตัวหารน้อยๆ (family business) มากกว่า ผลประโยนช์เยอะๆจากตัวหารเยอะๆ (company business)
4. 2 ปีถัดไปนายทุนจะวางมือให้เราเป็นเงินเดือน+หุ้นลม
ข้อเสีย
1. ไม่ต้องคิดเน้นทำอย่างเดียวชดเชยด้วยเวลาทำงานเยอะๆบนระบบ manual
2. ไม่ได้พัฒนาทักษะอื่นๆ จนหมดไฟในการทำงาน
3. ระยะยาว ไม่ได้พัฒนาทักษะ อายุมากขึ้นจะไปทำ บ อื่นยิ่งยากเพราะมีเรื่องประสบการณ์+เงิน+อายุ มาเกี่ยว
4. ไม่มีอะไรมารับประกันว่านายทุนจะวางมือไหม เพราะ จาก 6 เดือนที่ผ่านมายกเลิกระบบออโต้เเล้วไปทำ manual
5. ถ้า บ. ไม่มีกำไรตามข้อกำหนดของรัฐบาล การทำ green card จะไม่สามารถทำได้ พูดง่ายๆคือถือวีซ่า ไปเรื่อยๆจะกว่า บ. จะทำกำไรได้
6. เงินเดือนมากสุดของคนใน บ. เท่ากับที่ผมได้คือ 1xx,xxx ต่อปี หมายความว่า เพดานเงินเดือนจะไม่เกินนี้เเล้วยกเว้นจะจ่ายเป็นกำไรจากหุ้นลม ทำให้หาคนเก่งๆมีประสบการณ์ต้องการเงินเข้ามายาก เพราะ บ. ไม่จ่ายหุ้นลมให้เเน่นอนถ้าไม่ทำงานนานๆ+ตำเเหน่งถึง
ข้อจำกัดของผม คือ วีซ่าผมมีระยะเวลาประมาณ1-2ปี ถ้า บ. เจ้ง ผมก้ต้องเจ้งเหมือนกันเนื่องจากวีซ่าถูกตัด. เเต่ใจนึงก็สงสารนายทุนถ้าเราออกเขาจะลำบากเพราะคนที่เหลือเเก้ปัญหาไม่เป็นสักอย่าง เเล้วเขาลงทุนไปเเล้ว.
การบริหารปัจจุบัน 6 เดือนที่ผ่านมา บ. ไม่มีกำไร โปรเจคใหญ่ที่ได้รับมาใหม่มี 3 งาน เเต่ประมูลได้เเค่โปรเจคเดียว จากพนักงานที่ทำ3-5ปี ที่เหลือเป็นโปรเจคเล็กๆ (รายรับหารเเค่จำนวนพนักงานฝั่ง บริหาร คือหมด ไม่รวมค่าพนักงานคนอื่นๆ/สินค้า/ทรัพย์สินอื่นๆ) เเละ ผมไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้เนื่องจากนายทุนบอกชัดเจนว่าเเกจะบริหารเองไม่ต้องมายุ่งให้เหตุผลว่านายทุนประสบการณ์ 10+ ปี เเต่วางมือมา 3-5 ปีเเล้ว ส่วนทางผมทำมา 3-5 ปีเเล้วล่าสุด
การบริหารฝั่งหน้างานจัดการวันต่อวัน บางวันให้พนักงาน นั่งว่างๆ ครึ่งวัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เเล้วเเจ้งตอนเย็นให้ทำ OT เพื่อให้งานเเทรกช่วงเย็นเสร็จเเละจ่าย OT เพิ่ม. (ผมกับคนอื่นๆที่เป็นเงินเดือนจะเป็น OFree) บางครั้งให้ทำวันเสาร์เพื่อให้งานเสร็จเร็วที่สุดเพื่อจะได้รับงานใหม่.
ส่วนงาน back end คือเเก้ปัญหาทุกอย่างจากฝั่งนายทุนเเละหน้างาน ถ้าซวยหน่อยก็ให้งานเอกสารเสร็จวันเสาร์เพื่อให้ได้ส่ง invoice ไวๆ ถ้าสุดหน่อยก็โดนวันอาทิตย์มาคุยงานวันจันทร์ (ตอนนี้โดนเเค่จองโน่นๆนี่ๆของงานวันจันทร์) จ-ศ หน้างานเลิกสายตลอดมีเเค่สายมากกับสายน้อย.
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
*เเก้ไข ต่อเดือนเป็นต่อปี + เพิ่ม สาเหตุ
ลาออกหรือไปต่อดีครับ??
ผมอยากฟังความเห็นของเพื่อนๆครับว่าคิดยังไงถ้าคุณเป็นผมตอนนี้ ขอโทษนะครับยาวนิดนึง
ผมทำงานอยู่ บ. หนึ่ง (start-up business) ตอนเริ่มตั้ง บ. นายทุนจีนเสนอเงินให้จำนวน $1xx,xxx ต่อปีพร้อมวีซ่าทำงาน (เงินเทียบเท่าตำเเหน่งผจก.ทั่วๆไป) ตอนเเรกเขาเสนอต่ำกว่านี้เเต่ผมลังเลเพราะไม่รู้ว่าเขาทำงานอย่างไร เเต่เขาบอกจะบริหารเเนว บ ฝรั่ง ไม่สนวิธีการ สนใจเเค่ผลลัพธ์ ผมเลยโอเค ถือว่าเงินเพิ่มงานเพิ่ม
พอมาทำช่วงเเรกก็ไม่ค่อยมีงาน ผมก็เริ่มบริหารฝั่งออฟฟิศ คิดวางระบบการทำงานนี่นั้น อันไหนที่รู้สึกไม่มีประโยชน์ตัดออก app ไหนมีประโยชน์ซื้อมา เน้นทำเร็วทำง่ายประหยัดเวลาทำงานเเละคน ถ้าว่ากันตามจำนวนคนที่มี ตำเเหน่งผมคือ ผจก ทั่วไป ให้ดูเเล เเอดมิน + รับผิดชอบงานเอกสารคนอื่นที่เข้ามา
นายทุนบอกผมว่าไม่ต้องยุ่งงานของเเผนกอื่นสอนงานเเอดมิน+รับผิดชอบเอกสารทุกอย่างยกเว้นจ่ายเงินพนักงาน ผม ok ถือว่าเงินเพิ่มรับผิดชอบหน้าที่ใครหน้าที่มันยิ่งดี เเล้วใครมีปัญหาอย่ากลับให้ผมเเก้ก็พอ
1. ผมเสนอไปว่าเรื่องจ่ายเงินค่าใช้จ่ายต่างๆจิปาถะของ บ. (ยกเว้นเงินเดือน) เราทำเป็น folder drive เอา เเล้วมีอะไรเราเเค่ลากใส่ ตั้งเเจ้งเตือนทุกครั้งที่มีการอัพไฟล์ --------> นายทุนบอกว่าไม่เอา ให้เราเเนบค่าใช้จ่ายที่เราจ่ายเเล้วส่งเมลให้นายทุนโดยตรง ผมเสนอไปว่ามันเสียเวลา เเกบอกผมไม่เข้าใจ สุดท้ายผมโอเค ถือว่าเเค่เเผนกเดียวเสียเวลาไม่น่าจะเยอะ
2. bills/invoice/quote บ สำหรับทำ bookeeping นายทุนบอกให้ผมหาเเอพมาเลือกอันที่ฟีเจอร์น้อยที่สุดเข้าใจง่ายสุด ให้หน้าที่ผมจัดการเรื่อง invoice ซึ่งผมก็ทำไปปกติไม่มีปัญหาอะไร เขาบอกลองใช้ พอมาใช้ 3-4 เดือน เเกบอกให้ไปยกเลิก นายทุนไม่โอเคเเกบอกให้ใช้วิธีของเขาคือ ออกเอกสารทุกอย่างเป็น manual ผมออกเลข quote ให้เเต่ละคน (สร้างtemplateมาอันนึงเเล้วเปลี่ยนชื่อ/วดป/ข้อมูล) เก็บ record เข้า excel ทำเป็นช่องเเบ่งเลข invoice/quote/ลูกค้าใครจ่ายเเล้วหรือ ออกเอกสารให้ลูกค้าเเล้วเปลี่ยนสี ทุกคนจะได้ทราบว่ารายการนี้ทำเเล้ว. พอผมถามจุดประสงค์เพื่ออะไรทำไมเราต้องมาออกให้เเต่ละคนทั้งๆที่เเอพก็รันออโต้ได้เเล้วฟิลเตอร์ได้ว่าใครเป็นคนออก quote/รายการ ไหน แกบอกผมไม่เข้าใจ เเกทำมานานเป็น 10ปี เเล้วเเบบเเกดีกว่า --->ผมไม่ค่อยโอเคเพราะมันจะเพิ่มเวลาเเล้วมั่วง่าย เเต่ไม่พูดอะไร ถึงไม่เข้าใจก็ทำตามไป ไม่อยากมีปัญหา
3. นายทุนให้ผมจัดการทำเวลาของพนักงาน เเล้วส่งให้ไฟล์นายทุนเพื่อโอนเงินพนักงาน ผมถามเเกว่าต้องการเอาข้อมูลอะไรบ้าง เช่น ชื่อ/ชม ทำงาน/OT/... เเกให้ไฟล์ผมมาเเล้วบอกว่าเอาข้อมูลในนี้ ผมสร้างไฟล์ใหม่มีข้อมูลทุกอย่างตามไฟล์เก่าที่เเกให้มา เเต่เปลี่ยนรูปเเบบ เช่น ไฟล์เก่าต้องกรอก ชั่วโมงการทำงาน, ชั่วโมงลาหยุด, วันหยุดนักขัตฤกษ์ ขั้นด้วยเครื่องหมาย+ในเเต่ละcell ไฟล์ใหม่ผมเอาเครื่องหมาย+ออก กรอกเเค่ตัวเลขเพียวๆตัวเลขนี้เอามาจาก excel ใน เเอพที่ใช้ตอกบัตร ---> นายทุนผมบอกไม่โอเคจะเอาเเบบเดิมใส่เครื่องหมาย+กรอกเเมนนวลจะได้เป็นการตรวจ2รอบ ---> ผมบอกเขาว่าผมไม่โอเคเเละไม่เข้าใจ เเกเลยให้เเอดมินทำ เเอดมินคนจีนมาถามผมทำไมเขาทำexcelเเบบนี้มันเหมือนทำเเมนวลมากๆ ผมเลยบอกเเอดมินให้ไปถามนายทุนดูว่าทำไมเพราะนายทุนบอกผมไม่เข้าใจ สุดท้ายเเอดมินก็ไม่เข้าใจ เเล้วนายทุนก็มาบอกว่าเเอดมินชอบคิดว่าตัวเองเก่ง ผมเลยปล่อยเลยตามเลย
4. ผมเริ่มสอนงานเเอดมิน ผมให้เขาลองส่งอีเมลดู (นั่งข้างๆเเล้วบอกให้เขาพิมพ์) ลองให้เขาฝึกหาวิธีเเก้ไขปัญหาดู (สำหรับงานง่ายๆที่ไม่ได้เป็นปัญหาวงกว้าง เวลาที่ใช้เเก้ไขปัญหาไม่จำกัด เเต่ผมจำกัดเวลาให้เขาภายในวันนี้หรือพรุ่งนี้) ---> นายทุนเห็นอีเมลกับปัญหา เเกบอกผมว่าเเกไม่โอเคกับวิธีการทำงานผมที่ให้เเอดมินส่งอีเมล (ทั้งผมทั้งเเอดมินรู้เเละบอกว่าเราต้องการฝึกเพื่อให้เขามีความมั่นใจเเละคิดที่จะเเก้ปัญหาเป็นกับนายทุน) --> สุดท้ายเขาให้เเอดมินไปฝึกงานในส่วนของเขา หลังจากนั้น 2 อาทิตย์ผมก็ไม่เห็นเเอดมินอีกเลย...... เเละงานก็ถูกเเบ่งไปหาคนอื่นซึ่งผมคือหนึ่งในนั้น
5.ผมไม่ชอบทำ OT เพราะผมว่าถ้าผมงานเสร็จก่อนเวลาที่เหลือควรจะเป็นเวลาที่ผมได้พักเเต่ถ้าไม่ครบ 8 ชม/วัน ผมไม่กลับก่อน วันหนึ่งงานของคนหนึ่ง เขาบอกงานเขารีบตั้งเเต่ วันจันทร์ ผมบอกสิ้นสัปดาห์ไม่ก็สัปดาห์หน้าผมช่วยได้ ผมดูงานที่เขาบอกว่ารีบตั้งเเต่วันจันทร์ถึงวันพุธ คนที่บอกว่างานเขารีบ ไม่ได้เข้าไปเริ่มทำสักนิดนึง พอวันพุธเย็นนายทุนมาด่าผมว่าทำไมไม่ช่วยเขา (ผมคิดในใจเงินเดือนก็ได้เท่ากัน บอกผมอย่างยุ่งงานคนอื่น เเต่มีปัญหากลับมาหาผม ผมบีบงานผม ไม่เคยโยนงานไปให้คนอื่นเพื่อให้ผมได้พัก ไม่ใช่บีบงานเพิ่อให้ไปทำงานคนอื่นที่เขาทำไม่ทัน เเล้วผมจะบีบงานตัวเองเพื่ออะไรในเมื่อผมต้องไปทำงานของคนอื่น ผมไม่สนใจว่าคนที่บอกงานรีบ บอกอะไรนายทุน เเต่เเกมาถามผมว่า ผมทำงานวันละกี่ชม เเล้วจะให้ทำวันเสาร์) --->สุดท้ายเเก เอาเรื่องที่เเกบอกผมไม่ต้องยุ่งมาด่า เเถมถูกด่า 2ชมกว่า ในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของผม เเละ ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเรื่องที่ด่าคือเรื่องอะไร โดยที่ผมถามกลับไปคำถามเดียวว่าถ้างานที่ผมทำอยู่มีปัญหาใครจะรับผิดชอบ เเละไม่มีคนกล้าออกมารับผิดชอบ
6.วันถัดไป ผมไปทำงานตามปกติ นายทุนชวนผมคุยเรื่องนี้ ผมบอกผมไม่อยากคุย เเกบ่นยาวต่ออีก ชม. เศษ ผมเลยยิ้มเเล้วพยักหน้าทุกอย่างที่เเกด่าจะได้จบๆไป เเกเลยบอกว่าเงินเดือนผมจ้างคนได้อีก 3 คนเเละเเกยังช่วยเรื่องวีซ่าทำงาน เเกเลยบอกผมว่าถ้ายังไม่เปลี่ยนก็ออก ผมพยักหน้าตอบ เเกเลยบอกไปคิดดูให้ดี จุดนี้ผมเริ่มคิดว่า บ. ต้องการคนมีชั่วโมงการทำงานเยอะๆเเละนายทุนอยากจะถือว่าการช่วยเรื่องวีซ่าคือบุญคุณ
ผมทำงานมาเกือบ 6 เดือน นายทุนบอกเรา work smart ไม่ใช่ work hard ผมยังไม่เห็นคำว่า smart จากการทำงานเเม้เเต่นิดเดียว ตารางงานออกเป็นวันต่อวัน/อันไหนขั้นตอนเยอะๆมาบีบงานอีกฝั่ง/ทุกอย่างmanualเกือบหมด
ขอเพิ่มข้อมูลนะครับ พอดีรู้สึก down เเบบมากๆคือ ถึงขั้นจองจิตเเพทย์ไว้เเล้วอยากพบไวๆ 55+
ผมมองว่าที่นี่คือ safe zone มากถึงมากที่สุด ผลประโยชน์ได้เเน่ๆ อายุ30ต้นๆเข้าเเต่ถึง comfort zone (มั้ง) ก่อน
ข้อดี
1. บ. ไม่ไล่เราออกเเน่นอน เพราะไม่มีคนมาเเทน + start up + วีซ่าผูกกับ บ. เพือทำ green card
2. เงินเดือนไม่ดีมากเเต่ไม่เเย่(เทียบกับอายุประสบการณ์) สั่งอะไรเเก้ได้หมดโดนหนักสุด คือ ไม่โดนออกเเน่นอน เพราะใน บ. ไม่มีใครเเก้ได้
3. นายทุนไม่มีความคิดที่จะเพิ่มคนในฝั่งบริหาร ต้องการเน้นเเบ่งผลประโยนช์เยอะๆจากตัวหารน้อยๆ (family business) มากกว่า ผลประโยนช์เยอะๆจากตัวหารเยอะๆ (company business)
4. 2 ปีถัดไปนายทุนจะวางมือให้เราเป็นเงินเดือน+หุ้นลม
ข้อเสีย
1. ไม่ต้องคิดเน้นทำอย่างเดียวชดเชยด้วยเวลาทำงานเยอะๆบนระบบ manual
2. ไม่ได้พัฒนาทักษะอื่นๆ จนหมดไฟในการทำงาน
3. ระยะยาว ไม่ได้พัฒนาทักษะ อายุมากขึ้นจะไปทำ บ อื่นยิ่งยากเพราะมีเรื่องประสบการณ์+เงิน+อายุ มาเกี่ยว
4. ไม่มีอะไรมารับประกันว่านายทุนจะวางมือไหม เพราะ จาก 6 เดือนที่ผ่านมายกเลิกระบบออโต้เเล้วไปทำ manual
5. ถ้า บ. ไม่มีกำไรตามข้อกำหนดของรัฐบาล การทำ green card จะไม่สามารถทำได้ พูดง่ายๆคือถือวีซ่า ไปเรื่อยๆจะกว่า บ. จะทำกำไรได้
6. เงินเดือนมากสุดของคนใน บ. เท่ากับที่ผมได้คือ 1xx,xxx ต่อปี หมายความว่า เพดานเงินเดือนจะไม่เกินนี้เเล้วยกเว้นจะจ่ายเป็นกำไรจากหุ้นลม ทำให้หาคนเก่งๆมีประสบการณ์ต้องการเงินเข้ามายาก เพราะ บ. ไม่จ่ายหุ้นลมให้เเน่นอนถ้าไม่ทำงานนานๆ+ตำเเหน่งถึง
ข้อจำกัดของผม คือ วีซ่าผมมีระยะเวลาประมาณ1-2ปี ถ้า บ. เจ้ง ผมก้ต้องเจ้งเหมือนกันเนื่องจากวีซ่าถูกตัด. เเต่ใจนึงก็สงสารนายทุนถ้าเราออกเขาจะลำบากเพราะคนที่เหลือเเก้ปัญหาไม่เป็นสักอย่าง เเล้วเขาลงทุนไปเเล้ว.
การบริหารปัจจุบัน 6 เดือนที่ผ่านมา บ. ไม่มีกำไร โปรเจคใหญ่ที่ได้รับมาใหม่มี 3 งาน เเต่ประมูลได้เเค่โปรเจคเดียว จากพนักงานที่ทำ3-5ปี ที่เหลือเป็นโปรเจคเล็กๆ (รายรับหารเเค่จำนวนพนักงานฝั่ง บริหาร คือหมด ไม่รวมค่าพนักงานคนอื่นๆ/สินค้า/ทรัพย์สินอื่นๆ) เเละ ผมไม่สามารถเข้าไปยุ่งได้เนื่องจากนายทุนบอกชัดเจนว่าเเกจะบริหารเองไม่ต้องมายุ่งให้เหตุผลว่านายทุนประสบการณ์ 10+ ปี เเต่วางมือมา 3-5 ปีเเล้ว ส่วนทางผมทำมา 3-5 ปีเเล้วล่าสุด
การบริหารฝั่งหน้างานจัดการวันต่อวัน บางวันให้พนักงาน นั่งว่างๆ ครึ่งวัน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น เเล้วเเจ้งตอนเย็นให้ทำ OT เพื่อให้งานเเทรกช่วงเย็นเสร็จเเละจ่าย OT เพิ่ม. (ผมกับคนอื่นๆที่เป็นเงินเดือนจะเป็น OFree) บางครั้งให้ทำวันเสาร์เพื่อให้งานเสร็จเร็วที่สุดเพื่อจะได้รับงานใหม่.
ส่วนงาน back end คือเเก้ปัญหาทุกอย่างจากฝั่งนายทุนเเละหน้างาน ถ้าซวยหน่อยก็ให้งานเอกสารเสร็จวันเสาร์เพื่อให้ได้ส่ง invoice ไวๆ ถ้าสุดหน่อยก็โดนวันอาทิตย์มาคุยงานวันจันทร์ (ตอนนี้โดนเเค่จองโน่นๆนี่ๆของงานวันจันทร์) จ-ศ หน้างานเลิกสายตลอดมีเเค่สายมากกับสายน้อย.
ขอบคุณทุกความเห็นครับ
*เเก้ไข ต่อเดือนเป็นต่อปี + เพิ่ม สาเหตุ