เพื่อให้เห็นความแตกต่างเราจึงเทียบข้อดีข้อเสียของเครื่องดื่มทั้งสองชนิด ไว้เป็นตัวเลือกพิจารณา โดยเว้นรสชาติ กลิ่นของกาแฟกับชาเขียวที่ออกจะเป็นรสนิยมส่วนตัวสักหน่อยเอาไว้ และเปรียบเทียบไปที่ประโยชน์ทางโภชนาการล้วนๆ
กาแฟดำ อุดมด้วยคาเฟอีน โดยกาแฟดำหนึ่งถ้วย 240 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 100 มิลลิกรัม ซึ่งคาเฟอีนในกาแฟทำให้ร่างกายตื่นตัวและรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันทีที่ดื่ม แต่ออกฤทธิ์ไม่ยาวนานทำให้หลายคนที่ต้องการคาเฟอีนเพื่อให้ตื่นตัวตลอดวัน ต้องดื่มกาแฟซ้ำ 2-3 แก้ว จนอาจทำให้ติดคาเฟอีนจากกาแฟ เมื่อไม่ได้ดื่มจึงรู้สึกปวดหัว แต่ถ้าดื่มในปริมาณและเวลาที่เหมาะสมเป็นประจำ กาแฟดำ ไม่ใส่นม น้ำตาล ครีมหรือไซรัปปรุงแต่งรสใดๆ เป็นเครื่องดื่มที่คนรักสุขภาพดื่มได้ดี เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เยอะ ลดความเสี่ยงมะเร็ง ช่วยด้านความจำ ดื่มกาแฟดำก่อนออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน จะยิ่งเพิ่มการเผาผลาญได้ดีมากขึ้น 3-11% ทั้งยังช่วยระงับความหิวควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ไม่กินจุกจิก
คำแนะนำในการดื่มกาแฟดำที่เหมาะสม ดื่มไม่เกิน 2-3 แก้ว ไม่ดื่มหลังบ่าย 2 หรือ 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
ชาเขียว เน้นย้ำว่าไม่ใส่นม น้ำตาล เป็นชาชงกับน้ำร้อนหรือน้ำเย็นธรรมดามีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟดำ โดยชาเขียว 1 ถ้วย มีปริมาณคาเฟอีน 30 มิลลิกรัม แต่คาเฟอีนในชาเขียวจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ทีละน้อย ยาวนาน ทำให้ร่างกายค่อยๆ ตื่นตัวตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันก็รู้สึกจิตใจสงบ ชาเขียวยังช่วยลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่นมะเร็ง และโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เพราะในชาเขียวมีคาเฟอีนและฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่สำคัญเรียกว่าคาเทชิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพร้อมๆ กับสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างดีและต่อเนื่องยาวนาน หากดื่มก่อนออกกำลังกาย จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ทั้งก่อนและขณะออกกำลังกาย
อีกทั้งชาเขียวยังประกอบด้วยวิตามินบี โฟเลต แมกนีเซียม และฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล เสริมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ลดอันตรายจากโรคอัลไซเมอร์และจัดการกับโรคเบาหวานประเภท 2
คำแนะนำในการดื่มชาเขียวที่เหมาะสม คือ ดื่มวันละไม่เกิน 2-3 แก้ว แก้วสุดท้ายของวันต้องดื่ม 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
ประโยชน์องค์รวมในชาเขียว
1.ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
2. กระตุ้นการทำงานของสมอง
3. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
4. ลดการอักเสบในร่างกาย
5. เร่งการเผาผลาญไขมันได้ดี และต่อเนื่อง
6. อารมณ์สงบ ผ่อนคลาย
7. ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
ประโยชน์องค์รวมในกาแฟดำ
1.กระตุ้นให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า
2. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
3.ออกกำลังกายได้มีประสิทธิภาพ และยาวนานขึ้น
4.เพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย
5. ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2
6. ลดความอยากอาหาร
7.ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
สรุปว่าชาเขียวหรือกาแฟดำดีกว่ากัน?
หากเทียบในแง่โภชนาการ ชาเขียวและกาแฟต่างก็เป็นเครื่องดื่มที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ในแต่ละด้านพอๆ กัน การเลือกว่าจะดื่มชาเขียวหรือกาแฟดำจึงอยู่ที่ความเหมาะสมของแต่ละคน สำหรับคนที่ต้องการกระปรี้กระเปร่าทันที ให้ดื่มกาแฟดำ รวมทั้งคนที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ยาวนานและทนขึ้น
สำหรับคนที่ไวต่อคาเฟอีนและคนที่ต้องการการตื่นตัวแต่ก็ยังรู้สึกสงบ ไม่ดีด ให้เลือกดื่มชาเขียว เนื่องจากมีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่า และมีแอล-ธีอะนีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ส่งเสริมภาวะสงบทางอารมณ์ คลายวิตกกังวล ขณะที่กาแฟมีคาเฟอีนสูงหากดื่มปริมาณมาก อาจทำให้เราต้องพึ่งพาคาเฟอีนจากกาแฟจนติดคาเฟอีนง่ายกว่าชาเขียว
CR.krua.co
"กาแฟดำ" กับ "ชาเขียวเพียว" กินอะไรดีกว่ากัน
เพื่อให้เห็นความแตกต่างเราจึงเทียบข้อดีข้อเสียของเครื่องดื่มทั้งสองชนิด ไว้เป็นตัวเลือกพิจารณา โดยเว้นรสชาติ กลิ่นของกาแฟกับชาเขียวที่ออกจะเป็นรสนิยมส่วนตัวสักหน่อยเอาไว้ และเปรียบเทียบไปที่ประโยชน์ทางโภชนาการล้วนๆ
กาแฟดำ อุดมด้วยคาเฟอีน โดยกาแฟดำหนึ่งถ้วย 240 มิลลิลิตร มีคาเฟอีนประมาณ 100 มิลลิกรัม ซึ่งคาเฟอีนในกาแฟทำให้ร่างกายตื่นตัวและรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันทีที่ดื่ม แต่ออกฤทธิ์ไม่ยาวนานทำให้หลายคนที่ต้องการคาเฟอีนเพื่อให้ตื่นตัวตลอดวัน ต้องดื่มกาแฟซ้ำ 2-3 แก้ว จนอาจทำให้ติดคาเฟอีนจากกาแฟ เมื่อไม่ได้ดื่มจึงรู้สึกปวดหัว แต่ถ้าดื่มในปริมาณและเวลาที่เหมาะสมเป็นประจำ กาแฟดำ ไม่ใส่นม น้ำตาล ครีมหรือไซรัปปรุงแต่งรสใดๆ เป็นเครื่องดื่มที่คนรักสุขภาพดื่มได้ดี เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่เยอะ ลดความเสี่ยงมะเร็ง ช่วยด้านความจำ ดื่มกาแฟดำก่อนออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงาน จะยิ่งเพิ่มการเผาผลาญได้ดีมากขึ้น 3-11% ทั้งยังช่วยระงับความหิวควบคุมความอยากอาหาร ทำให้ไม่กินจุกจิก
คำแนะนำในการดื่มกาแฟดำที่เหมาะสม ดื่มไม่เกิน 2-3 แก้ว ไม่ดื่มหลังบ่าย 2 หรือ 6 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
ชาเขียว เน้นย้ำว่าไม่ใส่นม น้ำตาล เป็นชาชงกับน้ำร้อนหรือน้ำเย็นธรรมดามีปริมาณคาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟดำ โดยชาเขียว 1 ถ้วย มีปริมาณคาเฟอีน 30 มิลลิกรัม แต่คาเฟอีนในชาเขียวจะค่อยๆ ออกฤทธิ์ทีละน้อย ยาวนาน ทำให้ร่างกายค่อยๆ ตื่นตัวตลอดทั้งวัน ขณะเดียวกันก็รู้สึกจิตใจสงบ ชาเขียวยังช่วยลดน้ำหนักและลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เช่นมะเร็ง และโรคที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ เพราะในชาเขียวมีคาเฟอีนและฟลาโวนอยด์ชนิดหนึ่งที่สำคัญเรียกว่าคาเทชิน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเร่งการเผาผลาญพร้อมๆ กับสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างดีและต่อเนื่องยาวนาน หากดื่มก่อนออกกำลังกาย จะช่วยเผาผลาญไขมันได้ทั้งก่อนและขณะออกกำลังกาย
อีกทั้งชาเขียวยังประกอบด้วยวิตามินบี โฟเลต แมกนีเซียม และฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอล เสริมการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ ลดอันตรายจากโรคอัลไซเมอร์และจัดการกับโรคเบาหวานประเภท 2
คำแนะนำในการดื่มชาเขียวที่เหมาะสม คือ ดื่มวันละไม่เกิน 2-3 แก้ว แก้วสุดท้ายของวันต้องดื่ม 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน
ประโยชน์องค์รวมในชาเขียว
1.ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
2. กระตุ้นการทำงานของสมอง
3. ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
4. ลดการอักเสบในร่างกาย
5. เร่งการเผาผลาญไขมันได้ดี และต่อเนื่อง
6. อารมณ์สงบ ผ่อนคลาย
7. ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน
ประโยชน์องค์รวมในกาแฟดำ
1.กระตุ้นให้ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า
2. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
3.ออกกำลังกายได้มีประสิทธิภาพ และยาวนานขึ้น
4.เพิ่มการเผาผลาญในร่างกาย
5. ลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภท 2
6. ลดความอยากอาหาร
7.ลดความเสี่ยงโรคอัลไซเมอร์
สรุปว่าชาเขียวหรือกาแฟดำดีกว่ากัน?
หากเทียบในแง่โภชนาการ ชาเขียวและกาแฟต่างก็เป็นเครื่องดื่มที่ปลอดภัยและมีประโยชน์ในแต่ละด้านพอๆ กัน การเลือกว่าจะดื่มชาเขียวหรือกาแฟดำจึงอยู่ที่ความเหมาะสมของแต่ละคน สำหรับคนที่ต้องการกระปรี้กระเปร่าทันที ให้ดื่มกาแฟดำ รวมทั้งคนที่อยากเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายได้ยาวนานและทนขึ้น
สำหรับคนที่ไวต่อคาเฟอีนและคนที่ต้องการการตื่นตัวแต่ก็ยังรู้สึกสงบ ไม่ดีด ให้เลือกดื่มชาเขียว เนื่องจากมีปริมาณคาเฟอีนต่ำกว่า และมีแอล-ธีอะนีน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ส่งเสริมภาวะสงบทางอารมณ์ คลายวิตกกังวล ขณะที่กาแฟมีคาเฟอีนสูงหากดื่มปริมาณมาก อาจทำให้เราต้องพึ่งพาคาเฟอีนจากกาแฟจนติดคาเฟอีนง่ายกว่าชาเขียว
CR.krua.co