เพราะความไม่รู้ จ่ายแพงกว่าความรู้เสมอครับ
การซื้อบ้าน เปรียบเหมือนการเล่นเวท,ตีกอล์ฟ,ฯลฯ ถ้าเราจ้างเทรนเนอร์,โปรมาสอน เราจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูก
การหา"ข้อมูล"กับการหา"ความรู้" ไม่ใช่สิ่งเดียวกันนะครับ
ถ้าซื้อบ้านแบบทั่วๆไป หาข้อมูลในหนังสือ,เว็บไซต์,เพจต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบว่าหลังไหนคุ้มกว่า ก็จะเหมือนกับ เราเดินเข้าไปในฟิตเนส เห็นคนอื่นเล่นท่าไหน,จับยังไง ก็ทำตามเขา สะเปะสะปะ ลองถูกลองผิด จะไม่ได้ผล หรือถ้าฟลุ๊คได้ผล ก็จะได้แบบครึ่งๆกลางๆ เป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ก้าวข้ามไปขั้น advance ซะที
แต่สำหรับคนที่ศึกษา แบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็จะคล้ายกับคนที่มีมืออาชีพ สอนข้อควรระวังต่างๆ วาง framework ให้เดินตามอย่างชัดเจน ถึงจะค่อยซื้อ
บางคนอาจคิดว่า ตลอดทั้งชีวิตคงซื้อบ้านแค่หลังเดียว ไม่ได้คิดจะเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องเป็นราว
ให้ลองคิดแบบนี้ครับ สมมุติบ้านราคา 2 ล้าน(เป็นราคาทั่วๆไปเลย)
ถ้าเราเข้าคอร์สเรียน สมมติราคา 1 แสน
ผมการันตีว่า คนที่เรียนจะ save เงินกับบ้านหลังนี้หลังเดียว ไม่ต่ำกว่า 2แสนบาท
เพราะถ้ามีความรู้ เราจะหาบ้านได้ในราคาที่ถูกลงกว่าการหาแค่ข้อมูล ขั้นต่ำก็หลักแสนแล้วครับ
และก็ยังนำความรู้ ไปใช้ในการ deal กับผู้รับเหมา ไม่ให้ถูกโกง หรือถูกทิ้งงาน ซึ่งตรงนี้มูลค่าก็เป็นแสนอีกเช่นกัน
รวมไปถึง วิธีการเลือกวัสดุ,เลือกเฟอร์นิเจอร์,เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อการตกแต่ง
หรือแม้กระทั่งปล่อยเช่า เราจะเห็นว่าตามเพจต่างๆ มีเจ้าของมาบ่น ทั้งเรื่องเก็บค่าเช่าไม่ได้,ห้องพัง,คนเช่าทิ้งค่าน้ำค่าไฟไว้,บลาๆๆ
สิ่งเหล่านี้ถ้าได้ลงทุนเรียน จะป้องกันได้แทบ100%
พอจะเห็นภาพแล้วยังครับ ว่ามูลค่าที่สูญเสียไปกับความไม่รู้ ย่อมมากกว่าราคาในการลงทุนเพื่อความรู้เสมอ
และในโลกแห่งความเป็นจริง คนๆนี้ ก็ยังสามารถเอาความรู้นี้ ไปช่วยหรือให้คำแนะนำกับคนในครอบครัว,เพื่อนรัก
รวมไปถึง คนๆนี้อาจซื้อบ้านหลังที่ 2,3,4
หรือหารายได้จากใช้ความรู้นี้ ได้อีกไม่จำกัด ไม่ใช่แค่ตลอดชีวิต แต่ยังส่งต่อให้ลูกหลานได้อีกด้วย
อ่านถึงตอนนี้ อาจคิดว่าผมกำลังเชียร์คอร์สไหน แต่จริงๆแล้ว การเรียนรู้ มีทั้งแบบจ่ายเงินซื้อคอร์สตรงไปตรงมา และแบบที่แทบจะไม่ต้องเสียเงิน เช่นเรียนรู้แบบเจาะจงใน YouTube,facebook ซึ่งแน่นอนว่าลึกกว่าการซื้อหนังสือมาอ่านมาก
รวมทั้งสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ก็จะมีคอร์สให้เรียนฟรีในหลายๆหัวข้อครับ
ย้ำอีกที เงินที่ลงทุนไปกับการป้องกัน ย่อมน้อยกว่าเงินที่ต้องจ่ายไปกับความเสียหายแน่นอนครับ
อยากรณรงค์ให้ลงทุนกับความรู้แบบจริงจัง ก่อนที่จะลงทุน,ซื้อบ้าน
การซื้อบ้าน เปรียบเหมือนการเล่นเวท,ตีกอล์ฟ,ฯลฯ ถ้าเราจ้างเทรนเนอร์,โปรมาสอน เราจะได้ไม่ต้องลองผิดลองถูก
การหา"ข้อมูล"กับการหา"ความรู้" ไม่ใช่สิ่งเดียวกันนะครับ
ถ้าซื้อบ้านแบบทั่วๆไป หาข้อมูลในหนังสือ,เว็บไซต์,เพจต่างๆ เพื่อเปรียบเทียบว่าหลังไหนคุ้มกว่า ก็จะเหมือนกับ เราเดินเข้าไปในฟิตเนส เห็นคนอื่นเล่นท่าไหน,จับยังไง ก็ทำตามเขา สะเปะสะปะ ลองถูกลองผิด จะไม่ได้ผล หรือถ้าฟลุ๊คได้ผล ก็จะได้แบบครึ่งๆกลางๆ เป็นไปอย่างช้าๆ ไม่ก้าวข้ามไปขั้น advance ซะที
แต่สำหรับคนที่ศึกษา แบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็จะคล้ายกับคนที่มีมืออาชีพ สอนข้อควรระวังต่างๆ วาง framework ให้เดินตามอย่างชัดเจน ถึงจะค่อยซื้อ
บางคนอาจคิดว่า ตลอดทั้งชีวิตคงซื้อบ้านแค่หลังเดียว ไม่ได้คิดจะเป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นเรื่องเป็นราว
ให้ลองคิดแบบนี้ครับ สมมุติบ้านราคา 2 ล้าน(เป็นราคาทั่วๆไปเลย)
ถ้าเราเข้าคอร์สเรียน สมมติราคา 1 แสน
ผมการันตีว่า คนที่เรียนจะ save เงินกับบ้านหลังนี้หลังเดียว ไม่ต่ำกว่า 2แสนบาท
เพราะถ้ามีความรู้ เราจะหาบ้านได้ในราคาที่ถูกลงกว่าการหาแค่ข้อมูล ขั้นต่ำก็หลักแสนแล้วครับ
และก็ยังนำความรู้ ไปใช้ในการ deal กับผู้รับเหมา ไม่ให้ถูกโกง หรือถูกทิ้งงาน ซึ่งตรงนี้มูลค่าก็เป็นแสนอีกเช่นกัน
รวมไปถึง วิธีการเลือกวัสดุ,เลือกเฟอร์นิเจอร์,เครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อการตกแต่ง
หรือแม้กระทั่งปล่อยเช่า เราจะเห็นว่าตามเพจต่างๆ มีเจ้าของมาบ่น ทั้งเรื่องเก็บค่าเช่าไม่ได้,ห้องพัง,คนเช่าทิ้งค่าน้ำค่าไฟไว้,บลาๆๆ
สิ่งเหล่านี้ถ้าได้ลงทุนเรียน จะป้องกันได้แทบ100%
พอจะเห็นภาพแล้วยังครับ ว่ามูลค่าที่สูญเสียไปกับความไม่รู้ ย่อมมากกว่าราคาในการลงทุนเพื่อความรู้เสมอ
และในโลกแห่งความเป็นจริง คนๆนี้ ก็ยังสามารถเอาความรู้นี้ ไปช่วยหรือให้คำแนะนำกับคนในครอบครัว,เพื่อนรัก
รวมไปถึง คนๆนี้อาจซื้อบ้านหลังที่ 2,3,4
หรือหารายได้จากใช้ความรู้นี้ ได้อีกไม่จำกัด ไม่ใช่แค่ตลอดชีวิต แต่ยังส่งต่อให้ลูกหลานได้อีกด้วย
อ่านถึงตอนนี้ อาจคิดว่าผมกำลังเชียร์คอร์สไหน แต่จริงๆแล้ว การเรียนรู้ มีทั้งแบบจ่ายเงินซื้อคอร์สตรงไปตรงมา และแบบที่แทบจะไม่ต้องเสียเงิน เช่นเรียนรู้แบบเจาะจงใน YouTube,facebook ซึ่งแน่นอนว่าลึกกว่าการซื้อหนังสือมาอ่านมาก
รวมทั้งสถาบันต่างๆ ที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ก็จะมีคอร์สให้เรียนฟรีในหลายๆหัวข้อครับ
ย้ำอีกที เงินที่ลงทุนไปกับการป้องกัน ย่อมน้อยกว่าเงินที่ต้องจ่ายไปกับความเสียหายแน่นอนครับ