JJNY : 5in1 โกงกันทั้งประเทศ!│ก้าวไกลชี้ธูปะเตมีย์ผืนใหญ่│เสื้อแดง3อ.ขออยู่นิ่งๆ│สินเชื่อแบงก์โตต่ำ│3 นายพลรับโทษประหาร

โกงกันทั้งประเทศ! เด็ก Gen Z ยี้กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรมในโรงเรียน
https://www.dailynews.co.th/news/3189088/
 
"ธำรงศักดิ์โพล" เปิดผลสำรวจคน Gen Z ที่กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่ชอบกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ยกเหตุผล โตไปไม่โกงแต่โกงกันทั้งประเทศแล้ว 
 
 
เมื่อวันที่ 19 ก.พ. รศ.ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊ก เปิดผลสำรวจประเด็นวิชาหรือกิจกรรมใดที่คน Gen Z รู้สึกไม่ชอบหรือไม่อยากเรียนมีรายละเอียดดังนี้
 
งานวิจัยส่วนบุคคลของ รองศาสตราจารย์ ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์ ผู้อำนวยการหลักสูตรปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต คณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เก็บข้อมูลแบบสอบถามจากคน Gen Z (ช่วงอายุ 15-19 ปี) ที่กำลังศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย จำนวน 504 คน (13 พฤศจิกายน ถึง 1 ธันวาคม 2566)
 
1. ข้อคำถามว่า “วิชาหรือกิจกรรมใดที่ท่านรู้สึกไม่ชอบหรือไม่อยากเรียน (เลือกได้ไม่เกิน 4 ตัวเลือก)”
 
ผลการวิจัยพบว่า วิชาหรือกิจกรรมที่คน Gen Z มัธยมปลาย ไม่ชอบหรือไม่อยากเรียนมีดังนี้
1. กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม ร้อยละ 40.8 (204)
2. วรรณคดี ร้อยละ 40.2 (201)
3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ ร้อยละ 24.6 (123)
4. งานฝีมือ หรือการงานอาชีพ ร้อยละ 19.8 (99)
5. ประวัติศาสตร์ ร้อยละ 16.4 (82)
6. ภาษาไทย ร้อยละ 15.6 (78)
7. สุขศึกษาและพละศึกษา ร้อยละ 10.0 (50)
8. ภาษาอังกฤษ ร้อยละ 9.0 (45)
9. สังคมศึกษา ร้อยละ 8.2 (41)
 
คำอธิบาย คน Gen Z มัธยมปลายที่ไม่ชอบหรือไม่อยากเรียน (สามลำดับแรก)

1. กิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม เช่น วิชาที่บังคับทำกิจกรรมก็ไม่เรียกว่าส่งเสริมคุณธรรมแล้วล่ะ, ส่งเสริมคุณธรรมต้องเรี่ยไรเงินบริจาคของนักเรียนด้วยรึ, ทำไมต้องนั่งสมาธิ ไม่อยากทำ, ครูในวิชาบางคนช่างพูดจาร้าย, โตไปไม่โกง ก็โกงกันทั้งประเทศแล้ว, กิจกรรมที่ไม่มีความจริงใจ, ไม่ทำไม่ได้คะแนน
2. วิชาวรรณคดี เช่น ให้เป็นวิชาเลือกของคนสนใจดีกว่า, ไม่สอดคล้องกับยุคสมัย, เยอะเกิน, จะจำจะสอบไปทำไม, อ่านนิยายสมัยใหม่ดีกว่า
3. กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ เช่น จิตสาธารณะต้องบังคับใช้แรงงานกันเหรอ, ทำเพื่อคะแนนไม่ใช่จิตสาธารณะ, ครูทำได้เงินเดือน พวกหนูเสียเวลา, ต้องจดลงสมุดทำความดี ก็สอนให้โกหกแล้ว
 
2. ข้อคำถามว่า “วิชาศาสนา ศีลธรรม จริยธรรม ยังต้องมี หรือควรยกเลิก หรือควรย่นย่อไปรวมกับวิชาอื่น”
 
ผลการวิจัยพบว่า คน Gen Z มัธยมปลาย เห็นว่ายังต้องมี ร้อยละ 14.8 (74 คน) ควรยกเลิก ร้อยละ 12.6 (63 คน) ควรย่นย่อไปรวมกับวิชาอื่น ร้อยละ 65.1 (325 คน) ไม่แสดงความเห็น ร้อยละ 7.4 (37 คน)

ขอบคุณข้อมูลจากเพจ “ธำรงศักดิ์โพล”
 



'เชตวัน สส.ก้าวไกล' ชี้ที่ดิน “สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์” ผืนใหญ่เฉือนมาทำสวนสาธารณะได้
https://prachatai.com/journal/2024/02/108137

'เชตวัน สส.ก้าวไกล' ชี้ที่ดิน “สนามกอล์ฟธูปะเตมีย์” ผืนใหญ่เฉือนมาทำสวนสาธารณะได้ - เห็นด้วยผุด ”สปอร์ต คอมเพล็กซ์“ ควบคู่ให้ประชาชนใช้ประโยชน์ แต่ต้องชัดว่าเป็นสวัสดิการแบบไหน แนะต้องมีมาตรการดูแลแคดดี้ที่ได้รับผลกระทบ ยกโมเดลสวนวชิรเบญจทัศ
 
19 ก.พ. 2567 ทีมสื่อพรรคก้าวไกล รายงานต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้ (19 ก.พ.) เชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคก้าวไกล (คูคต - ลำสามแก้ว - ลาดสวาย) ซึ่งเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟกองทัพอากาศ (ธูปะเตมีย์) เนื้อที่กว่า 625 ไร่ ซึ่งเป็นผู้เสนอญัตติให้มีการพิจารณาศึกษาแนวทางการใช้ที่ดินดังกล่าว เปลี่ยนจากสนามกอล์ฟมาทำสวนสาธารณะให้ประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงแนวคิดจะมีการใช้พื้นที่นี้ทำ “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” ว่า ชื่นชมกับแนวคิดเรื่อง “สปอร์ต คอมเพล็กซ์” เพราะอย่างน้อยก็เท่ากับเราเห็นตรงกันแล้วว่า ที่ดินผืนใหญ่ใจกลางเมือง 625 ไร่ สามารถที่จะทำประโยชน์อย่างอื่นให้คนส่วนใหญ่ได้ใช้ประโยชน์ มากกว่าการเป็นสนามกอล์ฟที่คนไม่กี่คนเท่านั้นได้ใช้ 
 
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่ต้องคิดหรือฟังเสียงประชาชนว่าอยากให้มีอะไรบ้าง สนามเทนนิส สนามแบดมินตัน สนามบาสเกตบอล สนามตะกร้อ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ฯลฯ และที่สำคัญคือการบริหารจัดการเป็นอย่างไร เพราะถ้าเป็นสวัสดิการภายในจากที่กองทัพเคยชี้แจง ก็ต้องเป็นสิ่งที่ทหารจะมีสัดส่วนใช้ประโยชน์มากกว่า ประชาชนมาใช้บริการต้องไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าเป็นสวัสดิการเชิงธุรกิจ ตรงนี้กองทัพก็ต้องมีการไปทำสัญญากับกรมธนารักษ์เจ้าของพื้นที่ ว่าจะแบ่งรายได้เข้าคลังเท่าไร ซึ่งก็น่าคิดว่าถ้ามีการเก็บเงินค่าใช้บริการ ประชาชนกี่คนจะสามารถเข้าถึงบริการนี้
 
เชตวัน กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการทำสปอร์ต คอมเพล็กซ์ ก็ยังสามารถแบ่งพื้นที่บางส่วนมาทำเป็นสวนสาธารณะได้ มีลู่วิ่ง มีเลนจักรยาน มีพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบริเวณ อ.ลำลูกกา ที่ได้ชื่อว่ามีค่าฝุ่น pm 2.5 สูง ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ ส่วนการที่ ผบ.ทอ. เคยบอกว่า มีสวนสาธารณะโซนเหนือ 3 แห่งเพียงพอแล้ว ทั้งสวนสุขภาพ ทอ.เฉลิมพระเกียรติ, สวนสุขภาพ ทอ.ท่าดินแดง และกำลังพัฒนาสวนบริเวณทุ่งสีกันนั้น ถ้าไปดูพื้นที่จริงๆ คนลำลูกกาไม่สะดวกเดินทางไปสวนสุขภาพเหล่านี้แน่ๆ เพราะถนนหนทางได้กลายเป็นตัวบล็อกคนจากฝั่งลำลูกกาให้ไปสู่จุดที่ว่ามาไม่สะดวก
 
นี่ยังไม่นับว่าปริมาณคนที่อยู่ใกล้กับสนามกอล์ฟธูปะเตมีย์นั้น อยู่กันอย่างหนาแน่น เป็นชุมชน บ้านเรือนมากมาย แต่ไม่มีพื้นที่สีเขียว คือไม่ต้องตามเกณฑ์มาตรฐานขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดให้แต่ละเมืองมีพื้นที่สีเขียว 9 ตารางเมตรต่อคนก็ได้ ขอแค่เท่า กทม. คือ 6.99 ตารางกิโลเมตรต่อคน สำหรับบริเวณนี้ยังแทบเป็นไปไม่ได้เลย ยืนยันว่าเรื่องสวนสาธารณะของเราชาวปทุมธานี ยังมีไม่เพียงพอ” เชตวัน กล่าว
 
เชตวัน กล่าวด้วยว่า สำหรับเรื่องแคดดี้ที่จะตกงานหากยกเลิกการทำสนามกอล์ฟ ก็ต้องไปดูว่ามีจำนวนเท่าไร และรูปแบบในการเปลี่ยนผ่านนี้จะมีการชดเชย การเยียวยาหรือแม้แต่สร้างอาชีพใหม่ให้กับผู้ได้รับผลกระทบอย่างไร คงไม่ใช่เลิกปุ๊บทิ้งให้คนลอยเคว้งคว้างแน่นอน ดูตัวอย่างสนามกอล์ฟการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่วันนี้เปลี่ยนมาทำเป็นสวนสาธารณะที่ชื่อสวนวชิรเบญจทัศ ก็มีการชดเชยและดูแลบรรดาแคดดี้ ที่วันนี้หลายๆ คนเป็นผู้ประกอบการให้เช่ารถจักรยาน เป็นผู้ประกอบการร้านค้าในสวนสาธารณะแห่งนี้ สำหรับสนามกอล์ฟธูปเตมีย์ มีทางเลือกที่มากกว่าเสียอีก เพราะถ้าทำเป็นสปอร์ต คอมเพล็กซ์ อย่างแนวคิดท่าน ผบ.ทอ.ด้วยแล้ว ก็สามารถให้สิทธิ์มาเป็นเจ้าหน้าที่ดูแลสนามกีฬาต่างๆ ดูแลสวนสาธารณะ หรือให้สิทธิ์แรกๆ ในการเป็นผู้ประกอบการต่างๆ ในพื้นที่ ตรงนี้ก็ต้องมาดูกัน คงไม่มีการลอยแพทิ้งขว้างอย่างแน่นอน
 
เชตวัน กล่าวทิ้งท้ายว่า แผนดำเนินการนี้ต้องไม่ใช่การทำให้แคดดี้ตกงาน แต่จะเป็นการดำเนินการควบคู่กับแผนปรับเข้าสู่ตำแหน่งงานที่มีรายได้ประจำแน่นอน มีสวัสดิการรองรับ และต้องมีระบบซึ่งจะรับประกันงานและรายได้ระยะยาว สวัสดิการที่มั่นคงกว่า ไม่ว่าจะโดยการบริหารโดยกองทัพ หรือโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น



เสื้อแดง 3 อำเภอเชียงใหม่ ไม่ร่วมงานรวมพลใน กทม. ขออยู่นิ่งๆ รอดูท่าทีทักษิณ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4433099

กลุ่มเสื้อแดง 3 อำเภอเชียงใหม่ ยอมรับความคิดเห็นแตกเป็น 2 ฝ่าย ขออยู่นิ่งๆ ในที่ตั้งไม่เคลื่อนไหว แต่ยืนยันยังส่งกำลังใจให้ ‘ทักษิณ’ หลังพักโทษ รอดูท่าทีอดีตนายกฯวางตัวอย่างไรในอนาคต
 
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายสว่าง วงศ์วิลาศ แกนนำชมรมคนรักฝาง แม่อาย ไชยปราการ ผู้นำมวลชนคนเสื้อแดงอำเภอสายเหนือ จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า กลุ่มคนเสื้อแดงในพื้นที่ 3 อำเภอ คือฝาง แม่อาย และไชยปราการ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร หลัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับการพักโทษเมื่อวันที่ 18 ก.พ.67 ที่ผ่านมา เนื่องจากช่วงหลังกลุ่มเสื้อแดงมีความคิดแตกออกเป็น 2 มุม ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายตรงข้าม
 
นายสว่างกล่าวว่า กลุ่มชมรมคนรักฝาง แม่อาย ไชยปราการ จึงขออยู่นิ่งๆ รอให้ทุกอย่างคลี่คลาย แต่ยังส่งกำลังใจให้อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะวีรบุรุษประชาธิปไตยหลังได้รับการพักโทษ
 
ตอนนี้ยังไม่อยากแสดงความคิดเห็น หรือเคลื่อนไหวทางการเมืองไปมากนัก เพราะในกลุ่มมีแนวคิดแตกออกเป็น 2 ฝ่าย ขณะเดียวกันหลังอดีตนายกฯได้รับการพักโทษออกมาแล้วก็ยังไม่รู้ว่าในอนาคตท่านจะวางตัวอย่างไร ผู้สนับสนุนส่วนใหญ่จึงรอดูท่าทีและขออยู่นิ่งๆ ในที่ตั้งก่อน” นายสว่างกล่าว

ส่วนกรณีกลุ่มเสื้อแดงในกรุงเทพฯจะจัดงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณคนเสื้อแดง นายสว่างกล่าวว่า ทางชมรมคงไม่เดินทางไปเข้าร่วม เพราะในพื้นที่ยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน บางคนยังปวดร้าวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังพรรคเพื่อไทยข้ามขั้วไปจับมือกับฝ่ายตรงข้าม จึงไม่พร้อมออกมาร่วมกิจกรรมที่จัดขึ้นในช่วงนี้



สินเชื่อแบงก์โตต่ำ 0.3% หลังระวังปล่อยกู้ คาดไตรมาส4 จับตาหนี้ครัวเรือนพุ่ง หวั่นลูกหนี้ไม่ไหว
https://www.matichon.co.th/economy/news_4432845

ธปท. เผยปี’66 สินเชื่อแบงก์พาณิชย์โตต่ำ 0.3% หลังระวังปล่อยกู้-หวั่นเศรษฐกิจวูบ กังวลลูกหนี้ไปไม่ไหว
 
เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) น.ส.อัจจนา ล่ำซำ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายตรวจสอบแบบจำลองและวิเคราะห์สถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ปี 2566 ปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ 2.51 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 2.38 แสนล้านบาท สาเหตุหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 6.70 แสนล้านบาท จากปีก่อนที่ 5.77 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นตามทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย อยู่ที่ 2.30 แสนล้านบาท เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 2.56 แสนล้านบาท ซึ่งปรับลดลงจากรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ
 
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิเมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 6.5 หมื่นล้านบาท และไตรมาส 4/2566 อยู่ที่ 5.3 หมื่นล้านบาท โดยกำไรปรับลดลงเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มมากขึ้น และค่าใช้จ่ายสำรองที่มีการกันสำรองเพิ่มมากขึ้น โดยปี 2566 มีการกันสำรองที่ 1.99 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1.83 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารมีการสำรองระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
 
น.ส.อัจจนากล่าวว่า ส่งผลให้อัตราส่วนทางการเงินของระบบธนาคารพาณิชย์ปี 2566 โดยส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3% เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 2.62% อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์สุทธิเฉลี่ย (ROA) อยู่ที่ 1.06% เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 1.01% และอัตราผลตอบแทนต่อส่วนของทุนเฉลี่ย (ROE) อยู่ที่ 7.92% เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 7.49%
 
ทั้งนี้ ภาพรวมธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 4/2566 ระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน 20.1% เงินสำรอง 179% และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูงที่ระดับ 204.4% สามารถทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่