JJNY : 5in1 อียูเสนอคว่ำบาตร│ชัยธวัช ชี้อย่าผลักคนไปสุดขั้ว│ปะทะคารมเดือด│ก้าวไกลข้องใจทบ.│เงินบาทอ่อนค่าตามภูมิภาค

อียูเสนอคว่ำบาตรเอกชนไทย จีน อินเดีย ฐานสนับสนุนรัสเซียทำสงครามยูเครน
https://www.isranews.org/article/isranews-news/126301-isranews-Sancttionnnc.html
  
 
อียูเสนอคว่ำบาตรเอกชนไทย จีน อินเดีย และอีกหลายสิบแห่งจากหลายประเทศ ฐานเอี่ยวสนับสนุนรัสเซียทำสงครามในยูเครน 
เผยก่อนหน้านี้เคยลิสต์ 620 บริษัทเอี่ยวนำเข้าสินค้าอิเล็กทรอนิกส์-สินค้าต้องห้ามก่อนส่งออกไปรัสเซียแล้ว 
ขณะโฆษกอียู-สถานทูตจีนยังไม่แสดงความเห็น
________________________________________________________________________________________
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวเกี่ยวกับกรณีสหภาพยุโรปหรืออียูได้สนอมาตรการคว่ำบาตรเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนรัสเซีย ซึ่งส่งผลกระทบมาถึงประเทศไทย ระบุว่าอียูได้มีการเสนอมาตรการจำกัดทางการค้าฉบับใหม่กับบริษัทจำนวนมากกว่า 12 แห่ง ซึ่งรวมถึงบริษัทสามแห่งในจีน หนึ่งแห่งในไทย หนึ่งแห่งในอินเดีย เนื่องจากว่าบริษัทเหล่านี้มีพฤติการณ์สนับสนุนความพยายามการทำสงครามของรัสเซียในยูเครน
 
ตามรายงานข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์กระบุว่าถ้าหากมาตรการที่ถูกเสนอ ถูกนำเอาไปใช้นั้นจะถือว่าเป็นครั้งแรกที่อียูได้มีการใช้มาตรการจำกัดทางการค้าต่อบริษัทในประเทศจีน นับตั้งแต่วันที่สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้ปะทุขึ้นมา โดยลิสต์ของบริษัทที่เกี่ยวข้องและถูกเสนอให้มีการจำกัดทางการค้าพบว่ามีบริษัทจากประเทศศรีลังกา คาซัคสถาน ไทย ฮ่องกง เซอร์เบีย และตุรเคีย รวมอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งบางบริษัทนั้นถือว่าตกเป็นเป้าหมายของมาตรการจำกัดทางการค้าเป็นครั้งแรก
 
ข้อเสนอเพื่อให้มีการใช้มาตรการดังกล่าวนั้นมีเป้าหมายเพื่อป้องกันไม่ให้บริษัทในยุโรปไปทำการค้ากับบริษัทที่ถูกระบุชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนรัสเซีย ซึ่งนี่สอดคล้องกับความพยายามของอียูในการจำกัดไม่ให้รัสเซียเข้าถึงสินค้าที่ถูกคว่ำบาตรผ่านช่องทางของบุคคลที่สาม
โดยก่อนหน้านี้ความพยายามที่จะพุ่งเป้าไปยังบริษัทในประเทศจีนมีอันต้องยกเลิกไป เพราะมีการต่อต้านจากประเทศสมาชิกอียูบางประเทศ รวมถึงการประท้วงจากกรุงปักกิ่ง
 
ขณะที่โฆษกคณะกรรมาธิการอียู รวมไปถึงสถานทูตจีนประจำกรุงบรัสเซลส์ ยังไม่ออกมาแสดงความเห็นในเรื่องมาตรการเหล่านี้
สำหรับรายชื่อของบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรประกอบไปด้วยบริษัทจากจีนสามแห่ง,บริษัทจากประเทศเหล่านี้อีกประเทศละหนึ่งแห่ง ได้แก่ประเทศอินเดีย ศรีลังกา เซอร์เบีย คาซัคสถาน ไทย ตุรเคีย และฮ่องกง
 
โดยในเอกสารไม่ได้ระบุว่าการออกมาตรการนั้นจะครอบคลุมไปถึงขอบเขตความรับผิดชอบของอำนาจศาลในประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย
ก่อนหน้านี้อียูได้มีการลิสต์บริษัทจำนวน 620 แห่ง ซึ่งหลักๆแล้วมาจากประเทศรัสเซีย โดยทั้งหมดถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการนำเข้าเทคโนโลยีต้องห้ามและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และบริษัทเหล่านี้ได้มีการส่งออกเทคโนโลยีและสินค้าต่อไปยังรัสเซียอีกทอดหนึ่ง
นอกเหนือจากมาตรการจำกัด คว่ำบาตรทางการค้าแล้ว อียูยังได้มีการเสนอให้คว่ำบาตรบุคคลและนิติบุคคลอีก 110 ราย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายวงการคว่ำบาตรที่มากขึ้นในช่วงเวลาครบรอบสองปีที่รัสเซียได้รุกรานยูเครน
 
สำนักข่าวอิศรารายงานข่าวเพิ่มเติมว่าในรายงานข่าวของสำนักข่าวบลูมเบิร์กยังไม่ได้มีการระบุว่าบริษัทที่ถูกคว่ำบาตรรวมถึงบริษัทในไทยนั้นชื่ออะไรบ้าง
 
เรียบเรียงจาก:https://www.firstpost.com/world/indian-chinese-firms-among-two-dozen-companies-to-face-eu-sanctions-for-aiding-russia-report-13720032.html?fbclid=IwAR0JrBsKNmtzKtId1IeUnDEOyuI9fFvn12Th9vdsPvGNfF9r_Lg-canj_Jc#google_vignette


 
ชัยธวัช ชี้อย่าผลักคนไปสุดขั้ว หวังรัฐบาลมีสติ ใช้กุศโลบายทางการเมืองแก้ปัญหา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_8096556

ชัยธวัช เตือนอย่าผลักให้คนไปสุดขั้ว ฟังเสียงคนตะโกนบ้าง ยันปัญหาถวายความปลอดภัย ไม่ใช่เกิดจากอาชญากรรม แต่เกี่ยวข้องกับการเมือง หวังรัฐบาลมีสติ ระงับอารมณ์โกรธ
 
วันที่ 14 ก.พ.2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาญัตติด่วน ด้วยวาจาจำนวน 2 ญัตติ เรื่องการขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย ทบทวนระเบียบ แผนและมาตรการถวายความปลอดภัยขบวนเสด็จให้เหมาะสม ทันสมัย มีการฝึกซ้อม และประชาสัมพันธ์สื่อสารกับประชาชนเพื่อเป็นการถวายความปลอดภัยให้สมพระเกียรติ และรักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ
 
ต่อมาเวลา 15.45 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ตนฟังหลายคนอภิปราย เห็นว่า จริงๆ แล้ว เรามีความเห็นร่วมกันหลายอย่าง 1.เราเห็นตรงกันว่าการรักษาความปลอดภัยให้กับบุคคลสำคัญ นั้นเป็นเรื่องสำคัญ เป็นหลักปฏิบัติสากล และขบวนเสด็จ เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเหมาะสม ไม่ได้สร้างผลกระทบกับประชาชน
 
2. เราเห็นตรงกันว่าขบวนเสด็จ ในวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมานั้น เจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างเหมาะสมแล้ว อย่างน้อยก็ในแง่ที่ว่าไม่ได้สร้างผลกระทบต่อประชาชนเกินสมควร
 
3. เราเห็นตรงกันว่า เราไม่อยากเห็นเหตุการณ์วันที่ 4 ก.พ.เกิดขึ้นมาอีก และตอนที่นายเอกนัฏ พร้อมพันธ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ได้อภิปรายเปิดญัตติ ตนฟังแล้วก็ดีใจที่นายเอกนัฏ คิดหาวิธีหรือเสนอวิธีบริหารจัดการที่จะไม่ให้เหตุการณ์อย่างวันที่ 4 ก.พ. บานปลายนำไปสู่การปะทะ ขัดแย้งใหญ่โตกว่านี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
 
นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะบริหารจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ให้บานปลายมากกว่านี้ได้อย่างไร เป็นประเด็นที่เราควรถกเถียงให้รอบด้าน ตนยังยืนยันว่าเวลาเราพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการถวายความปลอดภัย ซึ่งสืบเนื่องจากกรณี 4 ก.พ.เราไม่สามารถพิจารณาเฉพาะเรื่องกฎหมาย ระเบียบ แผนในการถวายความปลอดภัยได้อย่างเดียวเท่านั้น
 
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า เหตุการณ์เกี่ยวกับการถวายความปลอดภัย หลายครั้งเกี่ยวข้องกับปัญหาทางการเมือง ปัญหาทางความคิดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กรณีที่เกิดขึ้นปัจจุบัน ตนยังยืนยันว่า นี่ไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับการถวายความปลอดภัยอันเกิดจากการก่ออาชญากรรม เพื่อหมายปองทำร้ายพระบรมวงศานุวงศ์ แต่เป็นปัญหาสืบเนื่องจากปัญหาทางการเมืองและปัญหาทางความคิด ต้องยอมรับตรงนี้ก่อน ถึงจะมีการพิจารณาอย่างรอบด้านว่าจะจัดการการบริหารการถวายความปลอดภัย และจัดการกับการเมืองที่เกี่ยวข้องอย่างไร
 
นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า วันนี้คงไม่ใช่วาระที่เราจะมาพูดกันเรื่องการแก้ปัญหาทางการเมืองโดยละเอียด แต่อย่างน้อยที่เราเรียนรู้ได้จากกรณีตะวัน คือมันต้องมีปัญหาอย่างแน่นอนที่รัฐไทยสามารถทำให้คนๆ หนึ่งแสดงออกความคิดทางการเมืองด้วยการถือกระดาษแผ่นหนึ่ง แล้วผลักให้เขาตัดสินใจทำในสิ่งที่คนไทยจำนนวนมากไม่คาดคิดว่ามีใครกล้าทำ
 
มันต้องมีปัญหาอะไรสักอย่าง เมื่อคนหนึ่งเขาอยากจะพูด แต่เราไม่อยากฟัง เพราะมันไม่น่าฟังและไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน และจะไปปิดปากเขา สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจที่จะตะโกน และนำมาสู่สถานการณ์ที่เราไม่พึงปรารถนา ตนคิดว่านี่เป็นบทเรียนที่เราควรพิจารณากันจากนี้ โดยเฉพาะฝ่ายบริหาร
 
ขณะเดียวกัน ตนคิดว่าคนที่กำลังตะโกนอยู่ ก็ควรไตร่ตรองว่าวิธีการอะไรที่จะทำให้คนหันมาเปิดใจฟังพวกเรามากขึ้น การตะโกนแล้วไม่มีใครฟัง อาจเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาเช่นกัน สุดท้ายไม่ว่าจะฝ่ายไหน เราไม่ควรจัดการสถานการณ์ด้วยการผลักฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ไปสุดขั้วไปมากกว่านี้
 
นอกจากตนจะเสนอทบทวนกฎหมาย ระเบียบ แบบแผนต่างๆ แล้ว คิดว่าสิ่งที่ฝ่ายบริหารทำได้คือ กุศโลบายทางการเมือง ตนไม่สบายใจที่ฝั่งรัฐบาลพูดว่าถ้าไม่สบายใจให้ไปอยู่ประเทศอื่น หนักแผ่นดิน นิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้นทิ้ง นี่ตนยังนึกว่าเราอยู่ในรัฐบาลจากการรัฐประหาร
 
ผมคิดว่าเราเคยมีบทเรียนมาแล้วว่า การใช้ความจงรักภักดีมาแบ่งแยกประชาชน สุดท้ายไม่ส่งผลดีกับใครเลย เราเคยผ่านเหตุการณ์ 6 ตุลามาแล้ว มันสอนเราว่าสุดท้ายต่อให้เราใช้กำลัง ใช้อาวุธร้ายแรงยิงเข้าไปสู่ประชาชน มันไม่ใช่ทางออก
 
ผมหวังว่ารัฐบาล สส.จะมีสติและระงับความโกรธ แล้วใช้กุศโลบายทางการเมืองแก้ปัญหา อย่าผลักใครให้ไปสุดขั้วไปมากกว่านี้ แล้วเพิ่มพื้นที่ตรงกลางให้มากที่สุด เพื่อให้คนเห็นต่างหาจุดร่วมกันได้ เพื่อให้ประเทศออกจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้น” นายชัยธวัช กล่าว



ปะทะคารมเดือด “ชาดา” ลั่นมีขบวนการล้มล้าง “รังสิมันต์ โรม” แนะตั้งสติใจเย็นนิดนึง
https://www.matichon.co.th/clips/news_4424985

นาทีเดือดระหว่างการประชุมสภาฯ นายรังสิมันต์ โรม สส.ก้าวไกล อภิปรายกรณีกลุ่มอาชีวะราชภักดีโพสต์ขู่ใช้ความรุนแรงกลับกลุ่มที่เห็นต่าง ด้าน “นายชาดา ไทยเศรษฐ์” สส.ภูมิใจไทย ลุกขึ้นโต้ยืนยันแค่ถ่ายรูปกับคนที่รักสถาบันส่วนการกระทำอื่นใดนั้นตนไม่เกี่ยวข้อง พร้อมกับชี้ว่ามีขบวนการที่จะล้มล้าง บั่นทอน ขณะที่ “รังสิมันต์” ชี้แจงว่าไม่ได้กล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังพร้อมกับแนะให้ตั้งสติใจเย็นๆ  ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้
 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
 


ก้าวไกล ข้องใจทบ. เอกสารลับมาก ซื้อที่นอน 99 ล้าน แพงกว่าปีก่อน ทั้งๆที่ซื้อเยอะกว่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4424228

จิรัฏฐ์ ข้องใจกองทัพบก เอกสารลับซื้อที่นอน 99 ล้าน แพงกว่าปีก่อน ทั้งๆที่ซื้อเยอะกว่า
 
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารฯ ได้โพสต์ผ่าน X เผยภาพเอกสารลับมากของปีที่แล้ว เกี่ยวกับโครงการจัดหายุทธภัณฑ์ (ที่นอน) ประจำหน่วย ให้กับหน่วยงานต่างๆ ในกองทัพ เพื่อไว้ใช้งานประจำ สำหรับพลทหารกองประจำการ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพลทหาร หลังจากใช้มานานกว่า 10 ปี มีสภาพชำรุดเสื่อมสภาพ จำนวน 90,000 หลัง ได้รับจัดหาแล้ว 14,289 หลัง
 
นายจิรัฏฐ์ ระบุว่า ลับมากทุกปี ปีที่แล้วกองทัพบก (ทบ.) ขอซื้อฟูก 10,000 หลัง วงเงิน 2.57ล้านบาท (ราคา 2,577 บาท/หลัง) แต่ปีนี้ ทบ. ขอซื้ออีก 34,655 หลัง วงเงิน 99.97 ล้านบาท (ราคา 2,885 บาท/หลัง) ทั้งที่เป็นการซื้อจำนวนมากกว่า แต่กลับซื้อได้ในราคาแพงกว่าเดิม สร้างความเสียหายแล้ว 7.6 ล้านบาท ก่อนตั้งคำถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ไม่คิดจะเปรียบเทียบราคาของปีก่อนเลยหรือ
 
https://twitter.com/Jirat_MP/status/1757590294206513221
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่