ทนายเดชาบอก เกิดมาจะ 60 ปี ไม่เคยเจอคน “หน้าด้าน” แบบนี้ กรณียึดบ้านคนอื่น อาจารย์ปรเมศวร์ชี้ ความผิดเพียบ แนะไล่ฟ้องให้หมดทั้งบุคคล ทั้งบริษัท
รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันอีกครั้ง กรณีบ้านย่านรามอินทรา ถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นบริษัท เข้ามายึดครอง เคยออกรายการโหนกระแส เหมือนจะยอมรับผิด แล้วจะย้ายออกแล้ว แต่กลับย้อนเข้ามา ตัดโซ่เจ้าของบ้าน ขึ้นป้ายขายไก่ทอด แล้วยังยื่นฟ้องศาล ขอครอบครองปรปักษ์ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาอีกครั้ง
คุณอาย และคุณซัน หลานของอากู๋ เจ้าของบ้านที่แท้จริง เล่าว่าหลังจากในรายการจบไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ทางคู่กรณีรับปากว่าจะย้ายออก จะไปรับทราบข้อกล่าวหา คิดว่าเรื่องจะจบไปแล้ว แต่คุณอายบอกว่า ตำรวจเรียกเขามาเขาก็ไม่มา จนต้องออกหมายเรียก เขาถึงต้องมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน
17 ก.ย. 66 หลังจากเคลียร์กันในรายการโหนกระแสเรียบร้อย คุณอาย และ อากู๋ เข้าไปประเมินราคาบ้าน ซึ่งไม่เจอคนที่แอบเข้ามาอยู่อาศัย เขาเก็บของออกไปหมดแล้ว คุณอายล็อกกุญแจทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน ทำไว้อย่างแน่นหนา หากจะมีใครเข้าไปในบ้าน ต้องทำลายกุญแจเท่านั้น
ตอนที่คุยกันตอนมีปัญหาในรอบแรก คำพูดที่เขาพูดในทุกรายการคือ เขาไม่มีเจตนาครอบครอง เขาแค่อยู่อาศัยเพื่อดูแล รอเจ้าของบ้านตัวจริงมา เพื่อจะติดต่อขอซื้อ หรือขอเช่า
วันที่โฟนอินในรายการโหนกระแส เขาก็บอกว่าเขาจะไม่ฟ้องครอบครองปรปักษ์แน่นอน เขาตั้งใจจะซื้อบ้านด้วยเงินของตัวเอง ไม่อยากได้ของใครฟรีๆ แม้จะใช้กฎหมายก็ตาม
วันที่ไปเจรจากัน เขาเสนอขอซื้อในราคา 1.3 ล้านบาท เพราะเขาอ้างว่าราคาประเมินอยู่ที่ 9 แสนบาท แต่พอคุณอายเชิญเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาจริงๆ มันอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท เราบอกว่าถ้าเขาจะซื้อจริงๆ ต้องซื้อในราคาที่เราจะขาย เพราะเราไม่ได้อยากขายตั้งแต่แรก ถ้าอยากได้ ก็ต้องซื้อในราคา 2.5 ล้าน แล้วเอาเอกสารการประเมินราคาของเราไปยื่นสินเชื่อได้เลย ซึ่งก็ตกลงกันที่ว่า เราไม่ขาย
ส่วนคดีความที่ค้างอยู่ เขาขอผัดผ่อน ไม่ยอมส่งเอกสารมา ทำให้คดีล่าช้ายังไม่ได้ส่งอัยการฟ้อง ต่อมามีเอกสารส่งมาถึงเรา เป็นเอกสารฟ้องครอบครองปรปักษ์ ลงนามผู้ฟ้องคือ คุณศรีพรรณ ซึ่งเขาระบุว่าเป็นแม่บ้าน แต่นามสกุลเดียวกับเจ้าของบ้านข้างๆ ซึ่งโฟนอินเข้ามาครั้งที่แล้ว
สำหรับคนชื่อ ศรีพรรณ นั้น คุณอายเคยได้พูดคุยมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่เข้าไปที่บ้าน เขาพูดว่าเขาไม่เจตนาจะครอบครอง แค่อยากคุย อยากเจอกับเจ้าของบ้าน เพื่อขอซื้อหรือขอเช่า ถ้าจะให้รื้อ ก็ยินดีรื้อออก โดยเขาอ้างว่าเจ้านายเขาเป็นคนเข้ามาต่อเติมอะไรต่างๆ นานา
ต่อมาล่าสุด คุณอายเข้าไปที่บ้าน พบว่ากุญแจ โซ่ ถูกตัดทิ้งหมด แล้วมีการติดป้ายเปิดเป็นร้านขายไก่ทอด มีการติดป้ายอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์ ใครเข้าไปในบ้านหลังนี้ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก
คุณอายไปแจ้งตำรวจ สน.โคกคราม แล้วตำรวจเข้าไปในพื้นที่ก่อน เขาก็เลยออกจากบ้านของเราก่อนที่เราจะไปถึง แล้วล็อกกุญแจของตัวเองไว้ ตำรวจเรียกเขาออกมาคุย เขาก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่รู้ๆ ให้คุยกับทนายอย่างเดียว
พอเราโทรคุยกับทนายของคู่กรณี เขาบอกว่า ที่ลูกความเขาย้ายออกมาจากบ้านของเรา เขาไม่ได้สละสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ เขาแค่ตกใจที่นักข่าวมากันเยอะ เขากลัวมีปัญหา ก็เลยย้ายออกมาชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็กลับเข้าไปอยู่เหมือนเดิม ซึ่งคุณอายถามจี้ว่า แบบนี้เท่ากับงัดกุญแจ ตัดกุญแจที่เราล็อกไว้แน่นหนา เพื่อเข้าไปอยู่ใช่ไหม เขาก็บอกแค่ว่าลูกความเขาไม่สละสิทธิ์
อาจารย์ปรเมศวร์บอกว่า โดยปกติแล้ว ที่คนเขาแย่งกันมักจะเป็นที่ดินรกร้าง ที่ไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ถ้ามีบ้าน มันไม่มีใครเขาแย่งกัน เพราะบ้านมันมีกรรมสิทธิ์ชัดเจน แล้วการที่เขามาต่อเติมในบ้านเรา มันเป็นการละเมิดชัดเจน ไอ้ตัดโซ่ เข้ามาติดป้ายอะไรต่างๆ นานา ก็บุกรุก ผิดกฎหมายหลายข้อ ตำรวจจะอ้างว่าเป็นคดีเดิมไม่ได้ ต้องรับแจ้ง
แล้วที่ไปติดป้ายอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์ ศาลยังไม่ตัดสินเลย กล้าไปติดป้ายได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเจ้าของ แบบนี้ต้องบอกว่าหน้าไม่บาง อาจารย์ปรเมศวร์บอกว่าแบบนี้ต้องเก็บทุกเม็ด ฟ้องคนไม่พอ ต้องฟ้องบริษัทด้วย มีความผิดกันหมด
ขณะที่ทนายเดชาบอกว่า ได้คุยกับอากู๋เจ้าของบ้านแล้ว จะเอาติดคุกให้หมด คนเข้ามายึด คนยื่นฟ้อง คนเบิกความเท็จ เรื่องนี้ต้องบอกว่าหน้าด้าน ถ้าไม่บอกว่าหน้าด้านจะเรียกว่าอะไร เข้ามาอยู่แล้วออกไป ยังกล้ากลับเข้ามาอีก
หลักฐานอะไรต่างๆ ใน Google Street View มันมัดตัวไว้หมด ว่าเขาย้ายเข้ามาในปี 60 ไม่ใช่ปี 53 หลักฐานตรงนี้มันแก้ไขปลอมแปลงไม่ได้ คดีนี้อยู่เฉยๆ ก็ชนะแล้ว แล้วทนายความที่รับว่าความให้คู่กรณี ก็กล้ารับได้ยังไง ทนายคนก่อนเขาถอนตัว ยอมถอย ยอมขอโทษขอโพยไปแล้ว เพราะรู้ว่าแบบนี้มันไร้คุณธรรม
แล้วที่อายกับซันไปแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม ถ้า สน.ในท้องที่ไม่สามารถดูแลคนในท้องที่ได้ ก็จะฟ้องเอง ขนาดป้ายขายไก่ทอดที่เป็นหลักฐาน ตำรวจเขายังไม่ไปเก็บมาเลย
คดีนี้ยืนยันว่าจะเอาติดคุกให้หมด ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดนแน่ ปล่อยเอาไว้ไม่ไหว ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านนี้คงไม่เหลือ โดนคนหน้าด้านแบบนี้ไปยึดหมด
ขณะที่เบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นไว้อยู่ในป้ายขายไก่ทอดน้ำปลา เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ โฟนอินมาบอกว่า ตนเองอยู่สงขลา และไม่ได้ขายไก่ทอดน้ำปลา เป็นนักศึกษาธรรมดา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านหลังดังกล่าวที่มีกรณีพิพาท แต่กลับถูกเอาเบอร์ไปขึ้นป้าย จนมีคนติดต่อ มีคนโทรมาถาม 2-3 วันแล้ว ตนเองก็รู้สึกงงมาก หากเป็นการนำเบอร์ไปแอบอ้างขึ้นป้าย อยากให้เอาออกด้วย เพราะตอนนี้ตนเดือดร้อนมาก มีคนแอดไลน์มาด่าเต็มเลย อยากบอกว่าตนไม่เกี่ยว ขอให้เอาเบอร์ตนออกเถอะ
ขณะที่ คุณอาย ทิ้งท้ายในรายการว่า เรื่องนี้จะไม่ยอมเจรจาอีกแล้ว ไม่ยอมความ ไม่เคลียร์ จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด มีผู้เสียหายอีกหลายคนที่เจอเคสคล้ายกัน ส่งกำลังใจมา และรอดูว่าคดีของเราจะเป็นอย่างไร รอใช้คำพิพากษาของคดีเราเป็นฎีกาไปดำเนินคดีกับเคสของเขาเองอีกเพียบ
ที่มา : โหนกระแส
#ครอบครองปรปักษ์ #ยึดบ้าน #บ้านร้าง #โหนกระแส
ทนายเดชาบอก เกิดมาจะ 60 ปี ไม่เคยเจอคน “หน้าด้าน” แบบนี้ กรณียึดบ้านคนอื่น อาจารย์ปรเมศวร์ชี้ ความผิดเพียบ แนะไล่ฟ้อง
รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันอีกครั้ง กรณีบ้านย่านรามอินทรา ถูกเพื่อนบ้านซึ่งเป็นบริษัท เข้ามายึดครอง เคยออกรายการโหนกระแส เหมือนจะยอมรับผิด แล้วจะย้ายออกแล้ว แต่กลับย้อนเข้ามา ตัดโซ่เจ้าของบ้าน ขึ้นป้ายขายไก่ทอด แล้วยังยื่นฟ้องศาล ขอครอบครองปรปักษ์ จนกลายเป็นข่าวใหญ่โตขึ้นมาอีกครั้ง
คุณอาย และคุณซัน หลานของอากู๋ เจ้าของบ้านที่แท้จริง เล่าว่าหลังจากในรายการจบไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ทางคู่กรณีรับปากว่าจะย้ายออก จะไปรับทราบข้อกล่าวหา คิดว่าเรื่องจะจบไปแล้ว แต่คุณอายบอกว่า ตำรวจเรียกเขามาเขาก็ไม่มา จนต้องออกหมายเรียก เขาถึงต้องมารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอน
17 ก.ย. 66 หลังจากเคลียร์กันในรายการโหนกระแสเรียบร้อย คุณอาย และ อากู๋ เข้าไปประเมินราคาบ้าน ซึ่งไม่เจอคนที่แอบเข้ามาอยู่อาศัย เขาเก็บของออกไปหมดแล้ว คุณอายล็อกกุญแจทั้งหน้าบ้าน หลังบ้าน ทำไว้อย่างแน่นหนา หากจะมีใครเข้าไปในบ้าน ต้องทำลายกุญแจเท่านั้น
ตอนที่คุยกันตอนมีปัญหาในรอบแรก คำพูดที่เขาพูดในทุกรายการคือ เขาไม่มีเจตนาครอบครอง เขาแค่อยู่อาศัยเพื่อดูแล รอเจ้าของบ้านตัวจริงมา เพื่อจะติดต่อขอซื้อ หรือขอเช่า
วันที่โฟนอินในรายการโหนกระแส เขาก็บอกว่าเขาจะไม่ฟ้องครอบครองปรปักษ์แน่นอน เขาตั้งใจจะซื้อบ้านด้วยเงินของตัวเอง ไม่อยากได้ของใครฟรีๆ แม้จะใช้กฎหมายก็ตาม
วันที่ไปเจรจากัน เขาเสนอขอซื้อในราคา 1.3 ล้านบาท เพราะเขาอ้างว่าราคาประเมินอยู่ที่ 9 แสนบาท แต่พอคุณอายเชิญเจ้าหน้าที่มาประเมินราคาจริงๆ มันอยู่ที่ 2.5 ล้านบาท เราบอกว่าถ้าเขาจะซื้อจริงๆ ต้องซื้อในราคาที่เราจะขาย เพราะเราไม่ได้อยากขายตั้งแต่แรก ถ้าอยากได้ ก็ต้องซื้อในราคา 2.5 ล้าน แล้วเอาเอกสารการประเมินราคาของเราไปยื่นสินเชื่อได้เลย ซึ่งก็ตกลงกันที่ว่า เราไม่ขาย
ส่วนคดีความที่ค้างอยู่ เขาขอผัดผ่อน ไม่ยอมส่งเอกสารมา ทำให้คดีล่าช้ายังไม่ได้ส่งอัยการฟ้อง ต่อมามีเอกสารส่งมาถึงเรา เป็นเอกสารฟ้องครอบครองปรปักษ์ ลงนามผู้ฟ้องคือ คุณศรีพรรณ ซึ่งเขาระบุว่าเป็นแม่บ้าน แต่นามสกุลเดียวกับเจ้าของบ้านข้างๆ ซึ่งโฟนอินเข้ามาครั้งที่แล้ว
สำหรับคนชื่อ ศรีพรรณ นั้น คุณอายเคยได้พูดคุยมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนที่เข้าไปที่บ้าน เขาพูดว่าเขาไม่เจตนาจะครอบครอง แค่อยากคุย อยากเจอกับเจ้าของบ้าน เพื่อขอซื้อหรือขอเช่า ถ้าจะให้รื้อ ก็ยินดีรื้อออก โดยเขาอ้างว่าเจ้านายเขาเป็นคนเข้ามาต่อเติมอะไรต่างๆ นานา
ต่อมาล่าสุด คุณอายเข้าไปที่บ้าน พบว่ากุญแจ โซ่ ถูกตัดทิ้งหมด แล้วมีการติดป้ายเปิดเป็นร้านขายไก่ทอด มีการติดป้ายอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์ ใครเข้าไปในบ้านหลังนี้ถือว่ามีความผิดฐานบุกรุก
คุณอายไปแจ้งตำรวจ สน.โคกคราม แล้วตำรวจเข้าไปในพื้นที่ก่อน เขาก็เลยออกจากบ้านของเราก่อนที่เราจะไปถึง แล้วล็อกกุญแจของตัวเองไว้ ตำรวจเรียกเขาออกมาคุย เขาก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่รู้ๆ ให้คุยกับทนายอย่างเดียว
พอเราโทรคุยกับทนายของคู่กรณี เขาบอกว่า ที่ลูกความเขาย้ายออกมาจากบ้านของเรา เขาไม่ได้สละสิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ เขาแค่ตกใจที่นักข่าวมากันเยอะ เขากลัวมีปัญหา ก็เลยย้ายออกมาชั่วครั้งชั่วคราว แล้วก็กลับเข้าไปอยู่เหมือนเดิม ซึ่งคุณอายถามจี้ว่า แบบนี้เท่ากับงัดกุญแจ ตัดกุญแจที่เราล็อกไว้แน่นหนา เพื่อเข้าไปอยู่ใช่ไหม เขาก็บอกแค่ว่าลูกความเขาไม่สละสิทธิ์
อาจารย์ปรเมศวร์บอกว่า โดยปกติแล้ว ที่คนเขาแย่งกันมักจะเป็นที่ดินรกร้าง ที่ไม่มีใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ แต่ถ้ามีบ้าน มันไม่มีใครเขาแย่งกัน เพราะบ้านมันมีกรรมสิทธิ์ชัดเจน แล้วการที่เขามาต่อเติมในบ้านเรา มันเป็นการละเมิดชัดเจน ไอ้ตัดโซ่ เข้ามาติดป้ายอะไรต่างๆ นานา ก็บุกรุก ผิดกฎหมายหลายข้อ ตำรวจจะอ้างว่าเป็นคดีเดิมไม่ได้ ต้องรับแจ้ง
แล้วที่ไปติดป้ายอ้างว่าได้ครอบครองปรปักษ์ ศาลยังไม่ตัดสินเลย กล้าไปติดป้ายได้ยังไงว่าตัวเองเป็นเจ้าของ แบบนี้ต้องบอกว่าหน้าไม่บาง อาจารย์ปรเมศวร์บอกว่าแบบนี้ต้องเก็บทุกเม็ด ฟ้องคนไม่พอ ต้องฟ้องบริษัทด้วย มีความผิดกันหมด
ขณะที่ทนายเดชาบอกว่า ได้คุยกับอากู๋เจ้าของบ้านแล้ว จะเอาติดคุกให้หมด คนเข้ามายึด คนยื่นฟ้อง คนเบิกความเท็จ เรื่องนี้ต้องบอกว่าหน้าด้าน ถ้าไม่บอกว่าหน้าด้านจะเรียกว่าอะไร เข้ามาอยู่แล้วออกไป ยังกล้ากลับเข้ามาอีก
หลักฐานอะไรต่างๆ ใน Google Street View มันมัดตัวไว้หมด ว่าเขาย้ายเข้ามาในปี 60 ไม่ใช่ปี 53 หลักฐานตรงนี้มันแก้ไขปลอมแปลงไม่ได้ คดีนี้อยู่เฉยๆ ก็ชนะแล้ว แล้วทนายความที่รับว่าความให้คู่กรณี ก็กล้ารับได้ยังไง ทนายคนก่อนเขาถอนตัว ยอมถอย ยอมขอโทษขอโพยไปแล้ว เพราะรู้ว่าแบบนี้มันไร้คุณธรรม
แล้วที่อายกับซันไปแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม ถ้า สน.ในท้องที่ไม่สามารถดูแลคนในท้องที่ได้ ก็จะฟ้องเอง ขนาดป้ายขายไก่ทอดที่เป็นหลักฐาน ตำรวจเขายังไม่ไปเก็บมาเลย
คดีนี้ยืนยันว่าจะเอาติดคุกให้หมด ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดนแน่ ปล่อยเอาไว้ไม่ไหว ไม่อย่างนั้นหมู่บ้านนี้คงไม่เหลือ โดนคนหน้าด้านแบบนี้ไปยึดหมด
ขณะที่เบอร์โทรศัพท์ที่ขึ้นไว้อยู่ในป้ายขายไก่ทอดน้ำปลา เจ้าของเบอร์โทรศัพท์ โฟนอินมาบอกว่า ตนเองอยู่สงขลา และไม่ได้ขายไก่ทอดน้ำปลา เป็นนักศึกษาธรรมดา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับบ้านหลังดังกล่าวที่มีกรณีพิพาท แต่กลับถูกเอาเบอร์ไปขึ้นป้าย จนมีคนติดต่อ มีคนโทรมาถาม 2-3 วันแล้ว ตนเองก็รู้สึกงงมาก หากเป็นการนำเบอร์ไปแอบอ้างขึ้นป้าย อยากให้เอาออกด้วย เพราะตอนนี้ตนเดือดร้อนมาก มีคนแอดไลน์มาด่าเต็มเลย อยากบอกว่าตนไม่เกี่ยว ขอให้เอาเบอร์ตนออกเถอะ
ขณะที่ คุณอาย ทิ้งท้ายในรายการว่า เรื่องนี้จะไม่ยอมเจรจาอีกแล้ว ไม่ยอมความ ไม่เคลียร์ จะดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด มีผู้เสียหายอีกหลายคนที่เจอเคสคล้ายกัน ส่งกำลังใจมา และรอดูว่าคดีของเราจะเป็นอย่างไร รอใช้คำพิพากษาของคดีเราเป็นฎีกาไปดำเนินคดีกับเคสของเขาเองอีกเพียบ
ที่มา : โหนกระแส
#ครอบครองปรปักษ์ #ยึดบ้าน #บ้านร้าง #โหนกระแส