ตามหัวข้อเลยค่ะ ตอนนี้เรารู้สึกนอยด์ๆ สับสนกับชีวิตว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มันดีพอแล้วหรือยังหรือควรทำยังไงกับชีวิตตอนนี้ดี เกริ่นก่อนว่า เราแต่งงานกับสามีมา7-8ปีแล้ว มีลูก2คน คนแรก7ขวบ คนเล็กเพิ่งจะ2เดือน จุดที่ทำให้เรารู้สึกแย่มากๆ และมีความคิดแว๊บเข้ามาในหัวหลายๆครั้งว่า "หรือกูต้องถอยออกมาวะ" คือความ"พูดไม่รู้จักคิด+คำพูดที่ไม่ให้เกียรติกันหลายๆครั้งเวลาสามีโมโห“ ซึ่งมันหลายครั้งมากๆ มากซะจนเราคิดว่า "เราแก้ไขมันไม่ได้ และเค้าก็คงไม่คิดจะแก้ไขมันเหมือนกัน " 😞
ตอนนี้เราทำหน้าที่แม่บ้านฟูลไทม์ค่ะ เลี้ยงลูกอยู่บ้าน เพราะลูกคนเล็กเพิ่งคลอด ยังต้องกินนมแม่อยู่ตลอด แต่ก่อนเราเคยมีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆที่เป็นของตัวเองแบบ 100% รายได้ต่อเดือน เดือนละหลายหมื่นไปจนถึงหลักแสน แต่ก็ต้องปิดตัวลงไปเพราะโควิด หลังจากที่เราวางมือจากงานของตัวเอง เราได้โดดเข้ามาช่วยธุรกิจของสามีมาหลายปี ช่วยมาตลอด ยันท้องได้ 7-8 เดือนก็ยังทำอยู่ ทั้งงานหน้าม่าน/หลังม่าน งานหนัก งานเหนื่อยแค่ไหน เราก็อดทนมาตลอด หลายครั้งเราถูกสามีต่อว่าต่อหน้าลูกน้องเป็นสิบๆคนเราก็ทน เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศขณะทำงาน จนมาตอนนี้ เราคลอดลูกคนเล็กได้2เดือน ก็เท่ากับว่า เราไม่ค่อยได้ช่วยงานเขาแบบเต็มที่สักเท่าไหร่มาประมาณ 3-4 เดือน เพราะเราอุทิศทุกอย่างให้ลูกทั้ง2คนหมด
- สามีเป็นคนปากร้ายค่ะ พูดไม่คิดกับทุกๆคนที่ทำให้เขาไม่พอใจ หรืออะไรที่มันไม่ได้ดั่งใจเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกเมีย แต่ลึกๆแล้วไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรือคิดร้ายกับใคร เป็นคนที่สนใจแต่งานแบบ 99.99% 1วันมี24ชม. ครุ่นคิดแต่เรื่องงานไปแล้ว25ชม. จริงๆในส่วนนี้เราเข้าใจนะคะว่าเค้าเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นหัวหน้าคนมีบริวารเยอะ มีงานให้ต้องคิดหลายทาง มันทำให้เกิดความเครียด แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เครียดจากงานมาลงกับลูกกับเมียมันใช่เหรอ? ความเอาใจใส่ให้ลูกให้เมียในวันๆนึงเรียกว่าแทบจะไม่มีเลย หรือมีก็นานๆครั้ง และไม่บ่อย โอกาสสำคัญต่างๆ วันเกิด วันวาเลนไทน์ สิ้นปี ปีใหม่ วันนั่นวันนี่บลาๆหรือวันใดๆที่คู่อื่นเค้าโรแมนติกกันบ้างเราแทบจะไม่เคยได้ของขวัญพิเศษอะไรจากเค้าเลยมาหลายปีแล้ว มีแต่พูดว่า มันก็วันธรรมดาวันนึง พูดไปโน่น เดี๋ยวให้ๆ แต่ก็ไม่เคยได้ พอเราไม่เรียกร้องก็กลายเป็นว่า เค้าไม่ซัพพอร์ตความรู้สึกของเราตรงนี้มาหลายปีมากๆแล้ว แต่เค้าไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องชู้สาว(แต่ตอนนี้ไม่รู้)
- เราเป็นคนไม่มีสังคมมีเพื่อนจริงๆไม่กี่คนและไม่ค่อยได้เจอกันตามวัย 30++ ไม่ออกไปสังสรรค์ที่ไหนกับใครมา6-7 ปีตั้งแต่มีลูก เราอุทิศทุกอย่างให้ลูกหมด ชีวิตที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องงานกับลูก เรียกว่าชีวิตค่อนข้างจะจำเจและน่าเบื่อพอสมควร แต่เราโอเคนะ ที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของลูกในทุกๆวัน ได้ช่วยงานของสามีบ้าง ถึงตัวเองจะไม่ได้มีรายได้เยอะเหมือนแต่ก่อนแต่เราโอเค ทำใจได้แล้ว แค่วันๆนึงขอได้กินกับข้าวธรรมดาๆแต่อร่อยถูกปาก ได้ดูคลิปในโซเชี่ยลเพลินๆ มันก็คือความสุขเล็กๆน้อยๆของเราแล้ว ส่วนทางสามีก็มีพาไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง ใช้เวลากับลูกบ้าง ไปเที่ยวบ้างแต่ไม่บ่อย แทบจะนับครั้งได้ในแต่ละปี
- เรื่องสถานะทางการเงินคือ เค้าให้เงินเราประจำในทุกเดือน(แต่ไม่เยอะ) เงินอีกส่วนคือบัญชีสำหรับใช้โอนเข้า/โอนออก เงินทั้ง2ส่วนนี้เราใช้ไปกับอาหารการกิน/ของใช้ลูก/ของใช้ภายในบ้าน/และจิปาถะ/ค่าเทอมลูก ไม่เคยเอาไปใช้ฟุ่มเฟือยเลย เช่น เสื้อผ้า/ของใช้แบรนด์เนมต่างๆ ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่อยู่กินกันมา ส่วนทางสามี รายรับเยอะค่ะในแต่ละวัน เราได้จับเงินสดจากการทำงานให้เค้าวันละ6หลักทุกวัน แต่เราไม่ได้รู้สึกอยากได้อยากมี อยากเอาเงินมาเป็นของเราเลย เงินเค้าก็คือเงินเค้า เราคิดแบบนี้
- คำพูดของเค้าที่ทำร้าย และกัดกินจิตใจเรามาโดยตลอด “โง่,ปัญญาอ่อน,ไม่มีสมอง”
- ที่ผ่านมาเราอดทนมาโดยตลอด 3-4 ปีแรกเราต้องทนอยู่กับคำครหา จากคนในครอบครัวของเค้าว่าเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้เราอยู่เพื่อเงิน แต่เราก็ผ่านมันมาได้โดยการทำงานหาเงินใช้เอง และเรา 2 คนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันด้วยซ้ำ เราอยู่เพราะลูกจริงๆ พอโดดมาทำงานกับเค้าปุ๊บก็โดนปฏิบัติแบบที่กล่าวมาข้างบนทั้งหมด
- เราคิดว่าข้อบกพร่องของตนเองในตอนนี้คือ ยังให้ความสุขเรื่องsexกับเค้าไม่ได้(เพิ่งผ่าคลอดมา) เราเป็นคนไม่โรแมนติกไม่หวือหวา, พูดตรงๆ , เป็นคนร้องไห้ง่าย เราสามารถร้องไห้กับเรื่องที่มาสะกิดใจนิดเดียวได้เป็นวันๆ บางทีลากยาวไปหลายวันเลย แค่คิดขึ้นมาในหัวก็น้ำตาไหลแล้ว(พิมพ์ๆตอนนี้ก็ยังอยากร้องอยู่)
- เรายังโชคดีกว่าคู่อื่นนิดหน่อยตรงที่ เรายังมีแม่ช่วยดูแลหลานๆบ้าง มีแม่บ้านช่วยดูแลงานบ้าน ในส่วนของเราดูแลลูกทั้ง2คนทั้งหมด ให้นมคนเล็กทั้งวันทั้งคืนทุก2-3ชั่วโมง กลางคืนไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลย ส่วนคนโตก็ต้องดูแลเรื่องโภชนาการ และพัฒนาการทั้งหมด วันนี้จะกินอะไร มีของใช้อะไรที่ลูกขาดเหลือไหม มีการบ้านต้องทำ ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอะไรไหม เราก็จัดการในส่วนนี้ไปพร้อมๆกับดูแลคนเล็กนี่แหละ
บทสรุปเลยคือ ตอนนี้เรารู้สึกตัวเล็กมากๆ พอมันไม่สามารถหาเงินที่เป็นของตัวเองได้แบบ 100% ทุกอย่างที่สามีปฏิบัติกับเรามันดูหน่วงๆไปหมด
คำพูดของแม่ยังทำเราจุกอกมาเสมอทุกครั้งที่เราเสียใจ " แม่เลี้ยงลูกมาอย่างดี ทั้งๆที่แม่ก็ไม่มีเงินทองมากมาย ยังส่งเสียลูกจนเรียนจบปริญญามาได้ แม่ไม่เคยทำให้ลูกร้องไห้เลยสักครั้งในชีวิต แล้วทำไมเราต้องทนหล่ะลูก บ้านช่องเราก็มีให้กลับ 😭"
ตอนนี้เราก็พอมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึง(ไม่มาก) อยากไปใช้ชีวิตกับลูกๆกับแม่แบบสบายใจ ไม่ต้องมีใครมาทำร้ายจิตใจที่บ้านของเราเองที่ ตจว. แต่ก็ยังติดตรงที่ลูกคนโตยังเรียนอยู่(เพิ่งจ่ายค่าเทอมไปด้วย) เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูในตัวลูกเราไม่สนใจ เพราะไม่ได้จดทะเบียน และแอบห่วงความรู้สึกลูกว่าจะยังไงดี ลูกจะโอเคไหม เราก็คิดมาเสมอว่าเงินทองของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ ความสุขความสบายใจในชีวิตสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ชีวิตคู่ ไม่เท่ากับ คู่ชีวิต
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ค่ะ 🙏
รู้สึกอยากเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเอาตอนที่มีลูก2คน+เงินเก็บ1Mกว่าๆ จะไหวไหมคะ
ตอนนี้เราทำหน้าที่แม่บ้านฟูลไทม์ค่ะ เลี้ยงลูกอยู่บ้าน เพราะลูกคนเล็กเพิ่งคลอด ยังต้องกินนมแม่อยู่ตลอด แต่ก่อนเราเคยมีธุรกิจส่วนตัวเล็กๆที่เป็นของตัวเองแบบ 100% รายได้ต่อเดือน เดือนละหลายหมื่นไปจนถึงหลักแสน แต่ก็ต้องปิดตัวลงไปเพราะโควิด หลังจากที่เราวางมือจากงานของตัวเอง เราได้โดดเข้ามาช่วยธุรกิจของสามีมาหลายปี ช่วยมาตลอด ยันท้องได้ 7-8 เดือนก็ยังทำอยู่ ทั้งงานหน้าม่าน/หลังม่าน งานหนัก งานเหนื่อยแค่ไหน เราก็อดทนมาตลอด หลายครั้งเราถูกสามีต่อว่าต่อหน้าลูกน้องเป็นสิบๆคนเราก็ทน เพราะไม่อยากให้เสียบรรยากาศขณะทำงาน จนมาตอนนี้ เราคลอดลูกคนเล็กได้2เดือน ก็เท่ากับว่า เราไม่ค่อยได้ช่วยงานเขาแบบเต็มที่สักเท่าไหร่มาประมาณ 3-4 เดือน เพราะเราอุทิศทุกอย่างให้ลูกทั้ง2คนหมด
- สามีเป็นคนปากร้ายค่ะ พูดไม่คิดกับทุกๆคนที่ทำให้เขาไม่พอใจ หรืออะไรที่มันไม่ได้ดั่งใจเขา ไม่เว้นแม้กระทั่งลูกเมีย แต่ลึกๆแล้วไม่ได้เป็นคนไม่ดีหรือคิดร้ายกับใคร เป็นคนที่สนใจแต่งานแบบ 99.99% 1วันมี24ชม. ครุ่นคิดแต่เรื่องงานไปแล้ว25ชม. จริงๆในส่วนนี้เราเข้าใจนะคะว่าเค้าเป็นเจ้าของธุรกิจ เป็นหัวหน้าคนมีบริวารเยอะ มีงานให้ต้องคิดหลายทาง มันทำให้เกิดความเครียด แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ได้ เครียดจากงานมาลงกับลูกกับเมียมันใช่เหรอ? ความเอาใจใส่ให้ลูกให้เมียในวันๆนึงเรียกว่าแทบจะไม่มีเลย หรือมีก็นานๆครั้ง และไม่บ่อย โอกาสสำคัญต่างๆ วันเกิด วันวาเลนไทน์ สิ้นปี ปีใหม่ วันนั่นวันนี่บลาๆหรือวันใดๆที่คู่อื่นเค้าโรแมนติกกันบ้างเราแทบจะไม่เคยได้ของขวัญพิเศษอะไรจากเค้าเลยมาหลายปีแล้ว มีแต่พูดว่า มันก็วันธรรมดาวันนึง พูดไปโน่น เดี๋ยวให้ๆ แต่ก็ไม่เคยได้ พอเราไม่เรียกร้องก็กลายเป็นว่า เค้าไม่ซัพพอร์ตความรู้สึกของเราตรงนี้มาหลายปีมากๆแล้ว แต่เค้าไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องชู้สาว(แต่ตอนนี้ไม่รู้)
- เราเป็นคนไม่มีสังคมมีเพื่อนจริงๆไม่กี่คนและไม่ค่อยได้เจอกันตามวัย 30++ ไม่ออกไปสังสรรค์ที่ไหนกับใครมา6-7 ปีตั้งแต่มีลูก เราอุทิศทุกอย่างให้ลูกหมด ชีวิตที่ผ่านมาก็มีแต่เรื่องงานกับลูก เรียกว่าชีวิตค่อนข้างจะจำเจและน่าเบื่อพอสมควร แต่เราโอเคนะ ที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของลูกในทุกๆวัน ได้ช่วยงานของสามีบ้าง ถึงตัวเองจะไม่ได้มีรายได้เยอะเหมือนแต่ก่อนแต่เราโอเค ทำใจได้แล้ว แค่วันๆนึงขอได้กินกับข้าวธรรมดาๆแต่อร่อยถูกปาก ได้ดูคลิปในโซเชี่ยลเพลินๆ มันก็คือความสุขเล็กๆน้อยๆของเราแล้ว ส่วนทางสามีก็มีพาไปกินข้าวนอกบ้านบ้าง ใช้เวลากับลูกบ้าง ไปเที่ยวบ้างแต่ไม่บ่อย แทบจะนับครั้งได้ในแต่ละปี
- เรื่องสถานะทางการเงินคือ เค้าให้เงินเราประจำในทุกเดือน(แต่ไม่เยอะ) เงินอีกส่วนคือบัญชีสำหรับใช้โอนเข้า/โอนออก เงินทั้ง2ส่วนนี้เราใช้ไปกับอาหารการกิน/ของใช้ลูก/ของใช้ภายในบ้าน/และจิปาถะ/ค่าเทอมลูก ไม่เคยเอาไปใช้ฟุ่มเฟือยเลย เช่น เสื้อผ้า/ของใช้แบรนด์เนมต่างๆ ไม่เคยเลยแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่อยู่กินกันมา ส่วนทางสามี รายรับเยอะค่ะในแต่ละวัน เราได้จับเงินสดจากการทำงานให้เค้าวันละ6หลักทุกวัน แต่เราไม่ได้รู้สึกอยากได้อยากมี อยากเอาเงินมาเป็นของเราเลย เงินเค้าก็คือเงินเค้า เราคิดแบบนี้
- คำพูดของเค้าที่ทำร้าย และกัดกินจิตใจเรามาโดยตลอด “โง่,ปัญญาอ่อน,ไม่มีสมอง”
- ที่ผ่านมาเราอดทนมาโดยตลอด 3-4 ปีแรกเราต้องทนอยู่กับคำครหา จากคนในครอบครัวของเค้าว่าเราไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้เราอยู่เพื่อเงิน แต่เราก็ผ่านมันมาได้โดยการทำงานหาเงินใช้เอง และเรา 2 คนไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันด้วยซ้ำ เราอยู่เพราะลูกจริงๆ พอโดดมาทำงานกับเค้าปุ๊บก็โดนปฏิบัติแบบที่กล่าวมาข้างบนทั้งหมด
- เราคิดว่าข้อบกพร่องของตนเองในตอนนี้คือ ยังให้ความสุขเรื่องsexกับเค้าไม่ได้(เพิ่งผ่าคลอดมา) เราเป็นคนไม่โรแมนติกไม่หวือหวา, พูดตรงๆ , เป็นคนร้องไห้ง่าย เราสามารถร้องไห้กับเรื่องที่มาสะกิดใจนิดเดียวได้เป็นวันๆ บางทีลากยาวไปหลายวันเลย แค่คิดขึ้นมาในหัวก็น้ำตาไหลแล้ว(พิมพ์ๆตอนนี้ก็ยังอยากร้องอยู่)
- เรายังโชคดีกว่าคู่อื่นนิดหน่อยตรงที่ เรายังมีแม่ช่วยดูแลหลานๆบ้าง มีแม่บ้านช่วยดูแลงานบ้าน ในส่วนของเราดูแลลูกทั้ง2คนทั้งหมด ให้นมคนเล็กทั้งวันทั้งคืนทุก2-3ชั่วโมง กลางคืนไม่ได้นอนเต็มอิ่มเลย ส่วนคนโตก็ต้องดูแลเรื่องโภชนาการ และพัฒนาการทั้งหมด วันนี้จะกินอะไร มีของใช้อะไรที่ลูกขาดเหลือไหม มีการบ้านต้องทำ ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอะไรไหม เราก็จัดการในส่วนนี้ไปพร้อมๆกับดูแลคนเล็กนี่แหละ
บทสรุปเลยคือ ตอนนี้เรารู้สึกตัวเล็กมากๆ พอมันไม่สามารถหาเงินที่เป็นของตัวเองได้แบบ 100% ทุกอย่างที่สามีปฏิบัติกับเรามันดูหน่วงๆไปหมด
คำพูดของแม่ยังทำเราจุกอกมาเสมอทุกครั้งที่เราเสียใจ " แม่เลี้ยงลูกมาอย่างดี ทั้งๆที่แม่ก็ไม่มีเงินทองมากมาย ยังส่งเสียลูกจนเรียนจบปริญญามาได้ แม่ไม่เคยทำให้ลูกร้องไห้เลยสักครั้งในชีวิต แล้วทำไมเราต้องทนหล่ะลูก บ้านช่องเราก็มีให้กลับ 😭"
ตอนนี้เราก็พอมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึง(ไม่มาก) อยากไปใช้ชีวิตกับลูกๆกับแม่แบบสบายใจ ไม่ต้องมีใครมาทำร้ายจิตใจที่บ้านของเราเองที่ ตจว. แต่ก็ยังติดตรงที่ลูกคนโตยังเรียนอยู่(เพิ่งจ่ายค่าเทอมไปด้วย) เรื่องสิทธิ์เลี้ยงดูในตัวลูกเราไม่สนใจ เพราะไม่ได้จดทะเบียน และแอบห่วงความรู้สึกลูกว่าจะยังไงดี ลูกจะโอเคไหม เราก็คิดมาเสมอว่าเงินทองของนอกกายไม่ตายก็หาใหม่ ความสุขความสบายใจในชีวิตสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด
ชีวิตคู่ ไม่เท่ากับ คู่ชีวิต
ขอบคุณสำหรับพื้นที่ค่ะ 🙏