สวัสดีค่ะ ขอเกริ่นก่อนนะคะ ครอบครับเรามีพี่น้อง 4 คน เราเป็นลูกคนที่ 3 1.พี่คนโต(ห่างกับเรา 1ปีกว่า) 2.แฝด 3.เรา(แฝดน้อง) 4.น้องสุดท้อง(ห่างกับเรา8ปี) ค่ะ แล้วเราก็มีพ่อแม่อยู่ด้วยกันนะคะ แต่พ่อมักไปอยู่ไหนไม่รู้วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ค่ะ น้องเราตอนเด็กๆ เป็นลูกรักพ่อ เลยเคยได้ใช้โทรศัพท์พ่อดู ถึงรู้ว่ามีอีกบ้านนึงค่ะ ซึ่งเราก็สงสัยแหละ แต่เราคิดว่าเราโตพอแล้ว ถ้าพ่อเขาคิดว่ามันเป็นความสุขเราก็ไม่ยุ่งค่ะ สถานะปัจจุบันนะคะ พี่คนโตเรา ป้ารับไปเลี้ยงตั้งแต่เด็กเพราะเขาไม่มีลูกค่ะ ปจน.เรียนจบแล้ว เลยไปเรียนภาษาและทำงานต่างประเทศ เรากับแฝดและน้อง ปจน.เรากับแฝดก็เรียนจบแล้วค่ะ พ่อแม่เลี้ยงค่ะ เมื่อก่อนตอนยังไม่มีน้อง พ่อสนิทกับเรา ส่วนแฝดจะสนิทกับแม่ค่ะ
ปัญหาของเรา คือ เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศในบ้าน เมื่อก่อนตอนยังไม่มีน้อง เราเป็นเด็กพูดเยอะ เรียนรู้ไว พ่อเลยสนิทกับเรา ส่วนแฝดจะสนิทกับแม่ค่ะ ตอนพ่อไม่อยู่ แม่ก็จะทำร้ายเรา จิกแขนเราตอนพ่อไม่อยู่จนเลือดออก เคยมีครั้งนึงตอนเด็กมากๆ เราพูดไม่ถูกใจเขาก็ตบปากเราจนปากมันเลือดคลั่ง บวมตุย (ซึ่งพ่อกลับมาบ้าน ซึ่งเราตอนนั้นก็พยายามกัดปากตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้พ่อเห็นแล้วนะคะ แต่สุดท้ายพ่อก็เห็น พ่อก็ด่าแม่ ยกใหญ่ค่ะ หลังจากนั้น เราเลยพยายามไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากให้ที่บ้านทะเลาะกัน นั้นเป็นสาเหตุของจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเลือกไม่พูดสิ่งที่อาจทำให้แม่ พ่อไม่พอใจ และเราชอบจด เวลาเครียดค่ะ
ที่บ้านเรา พ่อ ตอนดีก็ตามใจเกิน ตอนโมโหชอบด่า บางทีก็18+ ตบ ตี ทำร้ายร่างกายจนเกินเหตุ(เผื่อสงสัย เอาดาบไล่ฟัน หลังๆตบ ตี เราเริ่มนิ่งแล้วค่ะ คิดซะว่าอยากทำไรก็ทำไป และเคยเอาไม้แขวนเสื้อฟาดหัวเราจนเลือดหยดไหลเลอะชุดนักเรียนตอนมอปลาย) เราในตอนเด็กบางทีมันก็เครียด เลยเลือกจดคำหยาบหรือสิ่งที่พ่อด่าลงใส่กระดาษและตั้งคำถาม ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น พอได้เขียนมันก็ลืมเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นค่ะ เหมือนคุยกับตัวเองค่ะทุกครั้งที่เจออะไร วันที่เท่าไร ตั้งแต่ มอต้นขึ้นมอปลาย เพราะไม่รู้จะทำยังไง ค่ะ นั้นทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในบ้านต่อไปได้ แล้ววันนึง พ่อก็เจอสมุดเล่มที่เราเขียนระบายค่ะ เพราะพ่อชอบค้นของพื้นที่ส่วนตัวพวกเราค่ะ แล้วพ่อก็โมโหมาก ด่า และ เกลียดเราไปเลย ส่วนแม่ก็มาด่าเราต่อ แล้วบอกว่า ไปเขียนด่าอะไรพ่อไว้ พ่อเขาเจอ ก็ให้เราไปกราบขอโทษพ่อ หลังจากนั้นเรากับพ่อก็เลยไม่ค่อยคุยกัน และพ่อเลยตามใจแค่น้องคนสุดท้ายกับแฝดเราแทน
ส่วนแฝด
เราตอนเด็กเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ แต่ตอนนี้กลับกัน ตอนนี้ แฝดเราพูดมาก ส่วนเราไม่พูดแทน เราทำไรก็ คอยแอบแซะ อิจฉา แต่ตัวเองไม่ทำ แต่เวลาเขาทำไร เราก็ไม่ไปอะไรด้วยนะคะ แค่รู้สึกว่า อยากได้อะไรก็แค่ทำแค่นั้นเอง เพราะเรารู้สึกค่อนข้างเหนื่อยค่ะ เขาอยากได้อะไรก็เอาไป
ส่วนน้องเรา
ก็เป็น เด็กโกหกเก่ง ขี้ขโมยเงินเรา ขโมยเงินแม่ในกระเป๋า และแอคติ้งเก่งตั้งแต่เล็กๆ เพราะที่บ้านให้น้องดูละครน้ำเน่าตั้งแต่เด็ก และพ่อฝึกให้น้องหัดใช้เงินฟุ่มเฟื่อย และโกหกเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น หนีไปกิน mk มา 2 พ่อลูก ให้บอกแม่ว่ากินก๋วยเตี๋ยวข้างทางมา
เมื่อก่อนตอนเรา ไม่มีใคร เราก็คุยแค่กับแฝดทุกเรื่องที่ดีและไม่ดี หรือเราทำไรมา ได้อะไรมา คิดว่าเล่าให้ฟังเพราะคุยกันและเป็นประสบการณ์ base เราเมื่อก่อน กล้าคิด กล้าลอง กล้าลงมือทำค่ะ แต่แฝดเราจะไม่กล้าทำนู้นทำนี่ มันมีปัญหาก็ปรึกษาเรา เราก็จะช่วยเสมอ ถ้าเรื่องอะไรที่เราช่วยได้ แต่ตอนเรามีปัญหา มันก็ไม่ช่วยเราเลยเก็บเงียบ เอาแต่อะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว ได้อะไรดีมาก็จะเก็บไว้คนเดียว แต่เราไม่ว่าจะมีอะไรเราคิดถึงและแบ่งมันเสมอ จะมีอันที่ผู้ใหญ่บอกหรือถามย้ำๆ เท่านั้น ว่าแบ่งเราหรือยังๆ ถึงจะได้ อะไรที่เรามีปัญหาเราบอกมัน เผื่อมันจะได้ช่วยบอกแม่แบบที่เราเคยทำ พอคนอื่นถามเรื่องเรา มันก็ตอนไม่รู่ไม่ทราบเราไม่ได้บอกอะไร และจะพูดแต่สิ่งที่ทำให้เรามีปัญหากับครอบครัว แล้วเราต้องตามอธิบายแก้ทีหลังว่าไม่ใช่ แบบนั้น แบบนี้ (อันนี้เราพึงมารู้ตัวทีหลังนะคะ) เราเลยเลยปรึกษามันแล้วค่ะ
ตอนนี้เราเลยเป็นอากาศ ในบ้าน เราจึงหาโอกาสให้ตัวเองไม่คิดมาก และไปหางานทำใหม่ กทม.ค่ะ แต่ปรากฎ อม่ก็ชอบโพสต์น้อยใจในเฟสบุ๊ค ต่างๆ ทำให้คนรุมว่าเรา เราก็งงและท้อใจค่ะ แล้วทำตัวเปื่อยค่ะ พอเราเปื่อย เขาก็เงียบ แต่ไม่ได้ให้ตังเรากินเราใช้นะคะ เราเงินหมด เราก็ฮึบ ไปทำอะไรสักอย่างใหม่อีก แล้วเราบอกแม่ให้รู้ แม่ก็เอาอีก โพสต์เฟสอีก ลบเพื่อนเราจากเฟส อะไรเขาไม่เข้าใจเขาก็ไม่ถาม เขาไม่เคยมาคุยกับเราโดยตรงค่ะ ชอบเอาเรื่องเราไปคุขไปพูดกับคนอื่นแทน เราคุยด้วยอะไรด้วยก็ไม่ค่อยตอบ จนเราท้อที่จะคุย และเราก็ไม่คุยกับใครเลยค่ะ ตอนนี้เรากลายเป็นคนเสียความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าคุยไม่กล้าพูดเหมือนแต่ก่อน รู้สึกเหมือนทำอะไรก็ผิด จะหาประสบการณ์ จะทำอะไร อุสาตั้งใจเรียนมา สุดท้ายก็ไม่ได้มีใครรัก ไม่รู้แล้วค่ะ ว่าตอนนี้ต้องทำอะไร เลือกวิธีไม่บอกให้เขารู้ละกัน ก็ดูกลายเป็นลูกเนรคุณอีก บางทีเราเล่าเรื่องให้ป้าเราฟังโดยให้เขาไปรับรู้ด้วย เพราะเขาไม่ถาม เขาก็เอาไปพูด นินทา หัวเราะที่ทำงานของเขา แล้วก็นินทาเรา เราโดนบอกว่า มีอะไรก็บอกแม่เขาบ้าง พอเราบอกก็เป็นแบบนั้น เอาเราไปเยาะเย้ย แต่ไม่คุยตรงๆ เราควรจัดการปัญหานี้ยังไงดีคะ เราเหนื่อยและท้อแล้ว
มีใครเคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็น "อากาศ" ในบ้านบ้างคะ?
ปัญหาของเรา คือ เรารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นอากาศในบ้าน เมื่อก่อนตอนยังไม่มีน้อง เราเป็นเด็กพูดเยอะ เรียนรู้ไว พ่อเลยสนิทกับเรา ส่วนแฝดจะสนิทกับแม่ค่ะ ตอนพ่อไม่อยู่ แม่ก็จะทำร้ายเรา จิกแขนเราตอนพ่อไม่อยู่จนเลือดออก เคยมีครั้งนึงตอนเด็กมากๆ เราพูดไม่ถูกใจเขาก็ตบปากเราจนปากมันเลือดคลั่ง บวมตุย (ซึ่งพ่อกลับมาบ้าน ซึ่งเราตอนนั้นก็พยายามกัดปากตัวเองไว้ เพื่อไม่ให้พ่อเห็นแล้วนะคะ แต่สุดท้ายพ่อก็เห็น พ่อก็ด่าแม่ ยกใหญ่ค่ะ หลังจากนั้น เราเลยพยายามไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากให้ที่บ้านทะเลาะกัน นั้นเป็นสาเหตุของจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราเลือกไม่พูดสิ่งที่อาจทำให้แม่ พ่อไม่พอใจ และเราชอบจด เวลาเครียดค่ะ
ที่บ้านเรา พ่อ ตอนดีก็ตามใจเกิน ตอนโมโหชอบด่า บางทีก็18+ ตบ ตี ทำร้ายร่างกายจนเกินเหตุ(เผื่อสงสัย เอาดาบไล่ฟัน หลังๆตบ ตี เราเริ่มนิ่งแล้วค่ะ คิดซะว่าอยากทำไรก็ทำไป และเคยเอาไม้แขวนเสื้อฟาดหัวเราจนเลือดหยดไหลเลอะชุดนักเรียนตอนมอปลาย) เราในตอนเด็กบางทีมันก็เครียด เลยเลือกจดคำหยาบหรือสิ่งที่พ่อด่าลงใส่กระดาษและตั้งคำถาม ว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น พอได้เขียนมันก็ลืมเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้นค่ะ เหมือนคุยกับตัวเองค่ะทุกครั้งที่เจออะไร วันที่เท่าไร ตั้งแต่ มอต้นขึ้นมอปลาย เพราะไม่รู้จะทำยังไง ค่ะ นั้นทำให้เราสามารถใช้ชีวิตในบ้านต่อไปได้ แล้ววันนึง พ่อก็เจอสมุดเล่มที่เราเขียนระบายค่ะ เพราะพ่อชอบค้นของพื้นที่ส่วนตัวพวกเราค่ะ แล้วพ่อก็โมโหมาก ด่า และ เกลียดเราไปเลย ส่วนแม่ก็มาด่าเราต่อ แล้วบอกว่า ไปเขียนด่าอะไรพ่อไว้ พ่อเขาเจอ ก็ให้เราไปกราบขอโทษพ่อ หลังจากนั้นเรากับพ่อก็เลยไม่ค่อยคุยกัน และพ่อเลยตามใจแค่น้องคนสุดท้ายกับแฝดเราแทน
ส่วนแฝด
เราตอนเด็กเป็นคนไม่ค่อยพูดค่ะ แต่ตอนนี้กลับกัน ตอนนี้ แฝดเราพูดมาก ส่วนเราไม่พูดแทน เราทำไรก็ คอยแอบแซะ อิจฉา แต่ตัวเองไม่ทำ แต่เวลาเขาทำไร เราก็ไม่ไปอะไรด้วยนะคะ แค่รู้สึกว่า อยากได้อะไรก็แค่ทำแค่นั้นเอง เพราะเรารู้สึกค่อนข้างเหนื่อยค่ะ เขาอยากได้อะไรก็เอาไป
ส่วนน้องเรา
ก็เป็น เด็กโกหกเก่ง ขี้ขโมยเงินเรา ขโมยเงินแม่ในกระเป๋า และแอคติ้งเก่งตั้งแต่เล็กๆ เพราะที่บ้านให้น้องดูละครน้ำเน่าตั้งแต่เด็ก และพ่อฝึกให้น้องหัดใช้เงินฟุ่มเฟื่อย และโกหกเรื่องเล็กๆน้อยๆ เช่น หนีไปกิน mk มา 2 พ่อลูก ให้บอกแม่ว่ากินก๋วยเตี๋ยวข้างทางมา
เมื่อก่อนตอนเรา ไม่มีใคร เราก็คุยแค่กับแฝดทุกเรื่องที่ดีและไม่ดี หรือเราทำไรมา ได้อะไรมา คิดว่าเล่าให้ฟังเพราะคุยกันและเป็นประสบการณ์ base เราเมื่อก่อน กล้าคิด กล้าลอง กล้าลงมือทำค่ะ แต่แฝดเราจะไม่กล้าทำนู้นทำนี่ มันมีปัญหาก็ปรึกษาเรา เราก็จะช่วยเสมอ ถ้าเรื่องอะไรที่เราช่วยได้ แต่ตอนเรามีปัญหา มันก็ไม่ช่วยเราเลยเก็บเงียบ เอาแต่อะไรที่ตัวเองได้ประโยชน์อยู่ฝ่ายเดียว ได้อะไรดีมาก็จะเก็บไว้คนเดียว แต่เราไม่ว่าจะมีอะไรเราคิดถึงและแบ่งมันเสมอ จะมีอันที่ผู้ใหญ่บอกหรือถามย้ำๆ เท่านั้น ว่าแบ่งเราหรือยังๆ ถึงจะได้ อะไรที่เรามีปัญหาเราบอกมัน เผื่อมันจะได้ช่วยบอกแม่แบบที่เราเคยทำ พอคนอื่นถามเรื่องเรา มันก็ตอนไม่รู่ไม่ทราบเราไม่ได้บอกอะไร และจะพูดแต่สิ่งที่ทำให้เรามีปัญหากับครอบครัว แล้วเราต้องตามอธิบายแก้ทีหลังว่าไม่ใช่ แบบนั้น แบบนี้ (อันนี้เราพึงมารู้ตัวทีหลังนะคะ) เราเลยเลยปรึกษามันแล้วค่ะ
ตอนนี้เราเลยเป็นอากาศ ในบ้าน เราจึงหาโอกาสให้ตัวเองไม่คิดมาก และไปหางานทำใหม่ กทม.ค่ะ แต่ปรากฎ อม่ก็ชอบโพสต์น้อยใจในเฟสบุ๊ค ต่างๆ ทำให้คนรุมว่าเรา เราก็งงและท้อใจค่ะ แล้วทำตัวเปื่อยค่ะ พอเราเปื่อย เขาก็เงียบ แต่ไม่ได้ให้ตังเรากินเราใช้นะคะ เราเงินหมด เราก็ฮึบ ไปทำอะไรสักอย่างใหม่อีก แล้วเราบอกแม่ให้รู้ แม่ก็เอาอีก โพสต์เฟสอีก ลบเพื่อนเราจากเฟส อะไรเขาไม่เข้าใจเขาก็ไม่ถาม เขาไม่เคยมาคุยกับเราโดยตรงค่ะ ชอบเอาเรื่องเราไปคุขไปพูดกับคนอื่นแทน เราคุยด้วยอะไรด้วยก็ไม่ค่อยตอบ จนเราท้อที่จะคุย และเราก็ไม่คุยกับใครเลยค่ะ ตอนนี้เรากลายเป็นคนเสียความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้าคุยไม่กล้าพูดเหมือนแต่ก่อน รู้สึกเหมือนทำอะไรก็ผิด จะหาประสบการณ์ จะทำอะไร อุสาตั้งใจเรียนมา สุดท้ายก็ไม่ได้มีใครรัก ไม่รู้แล้วค่ะ ว่าตอนนี้ต้องทำอะไร เลือกวิธีไม่บอกให้เขารู้ละกัน ก็ดูกลายเป็นลูกเนรคุณอีก บางทีเราเล่าเรื่องให้ป้าเราฟังโดยให้เขาไปรับรู้ด้วย เพราะเขาไม่ถาม เขาก็เอาไปพูด นินทา หัวเราะที่ทำงานของเขา แล้วก็นินทาเรา เราโดนบอกว่า มีอะไรก็บอกแม่เขาบ้าง พอเราบอกก็เป็นแบบนั้น เอาเราไปเยาะเย้ย แต่ไม่คุยตรงๆ เราควรจัดการปัญหานี้ยังไงดีคะ เราเหนื่อยและท้อแล้ว