ใครว่าง ๆ ควรอ่านเรื่องของพิว ๆ

สวัสดีค่ะ  เราอยากเขียนถึงความรักของคน  ๆ   นึงที่ชื่อว่าพิว ๆ ที่จริงแล้วไม่ใช่ชื่อจริง   ๆ ของเธอแต่เป็นฉายาที่คนอื่นตั้งให้  เดี๋ยวเราจะมาแนะนะตัวว่าเธอคือใคร ให้ทุกคนได้รู้จักกัน
       พิว ๆ ผู้ไม่เคยมีความรัก แต่พิว ๆ มีความรู้สึกรักและคิดว่าตัวเองเข้าใจว่ารักคืออะไร ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือพิว ๆ เป็นหญิงสาวที่อกหักรักคุด แอบชอบอยู่ข้างเดียว และไม่เคยถูกรักตอบ เรื่องดังกล่าวคงชวนทำให้ผู้ที่มีประสบการณ์เกี่ยวความรักที่ไม่สมหวัง หรือผู้อ่านที่เกิดอารมณ์ร่วมรู้สึกหดหู่ไปตามกัน และไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเรื่องความรักที่ผิดหวังนี้ทำให้พิว ๆ นอนมองเพดาน และเริ่มต้นหาความหมายของชีวิตใหม่อยู่นานหลายเดือน ลองทำสิ่งใหม่ที่เธอไม่เคยทำ ทั้งเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืน ดื่มแอลกอฮอล์ หรือคุยกับคนแปลกหน้า แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นและพบความหมายที่เธอต้องการอยู่ดี ในที่สุดเธอพบวิธีการใช้เวลาในการช่วยเยียวยาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น แน่นอนว่าเธอยังไม่หายดี หากแต่เธอกลับมาใช้ชีวิตให้มีความสุขได้มากขึ้นแล้ว เรื่องดังกล่าวอาจชวนสงสัยว่าเธอประสบเรื่องของความรักเรื่องใดมา จึงเกิดอารมณ์ผิดหวังอันคลาสสิคนี้ขึ้นมา 
          เพื่อให้ทราบถึงบริบทที่เกิดขึ้นกับความรักครั้งนี้ของเธอ จะขอย้อนความไปตอนที่เธอได้เข้าร่วมโครงการ work and travel เธอได้แอบปลื้มเพื่อนคนหนึ่งที่ทำงานอยูใน Walmart ซึ่งเป็น second job ของเธอ เธอจึงมีโอกาสพบเพื่อนคนนี้เพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ในไม่กี่ชั่วโมงนั้นต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง ทำให้เธอแทบไม่มีโอกาสที่รู้จักเพื่อนคนดังกล่าวเลย หากแต่เรื่องที่น่าขันคือชั่วโมงเหล่านั้นมากพอที่จะมีโอกาสให้เธอรู้สึกชอบเขาผู้นั้นได้ เขาเป็นผู้ชายที่อ่อนโยน น่ารัก และใจดี ที่สุดใน   ตามความคิดของเธอ และนั่นก็เพียงพอต่อคุณสมบัติการเป็นผู้ที่เธอจะชอบแล้ว 
          พิว ๆ สามารถทำงานสองอยู่ใน walmart ได้เพียงเดือนเดียวเท่านั้น ก่อนที่วีซ่าทำงานของเธอจะหมดอายุ และเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป 1 เดือน เธอต้องเตรียมตัวไปเที่ยวตามจุดประสงค์ของโครงการ และเดินกลับประเทศของตนเอง แน่นนอนว่าเธอรู้สึกเสียดายไม่น้อยที่จะไม่มีโอกาสได้พบเพื่อนร่วมงานคนดังกล่าวแล้ว และตลอดทั้งเดือนที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของเธอกับเขาไม่ได้คืบหน้าขึ้นเลยนอกจากการเป็นเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะขอช่องทางการติดต่อของเขา เพราะเธอเป็นคนขี้อาย และคิดว่าคงจะกระอักกระอ่วนไม่น้อยหากต้องขอช่องทางการติดต่อของคนที่แทบจะไม่รู้จักกันนอกเหนือเวลางาน แต่เธอกลับคิดว่ามีเหตุผลมากพอที่จะให้ของขวัญกับเขาในฐานะการเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เธอจึงได้ให้แบงค์ 500 บาท ไทย แก่เขาในการบอกลา ที่จริงแล้วเธมีจุดประสงค์แอบแผงตามทฤษฎี The gift หรือการให้ของเพื่อหวังสิ่งตอบแทน ในเวลานั้นเธอไม่รู้ว่าจะได้รับอะไรกลับมา แต่หวังลึก ๆ ว่าจะเป็นความทรงจำของเขาเกี่ยวกับเธอ ในทุก ๆ ครั้งที่เขามองธนบัตรใบนั้น 
         เวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นอาทิตย์ พิว ๆ ยังคงคิดถึงเขา เธอได้พยายามหาช่องทางการติดต่อของเขาบน social platform ต่าง ๆ ด้วยชื่อ และข้อมูลของเขาตามที่เธอทราบ แต่สุดท้ายเธอก็ไม่พบกับสิ่งที่ต้องการ ความหวังสุดท้ายของเธอจึงเป็นการตามหาเขาในเอพ Tinder เนื่องจากสามารถจำกัดพื้นที่ในการ match กับผู้คนได้ และคงดีไม่น้อยหากพบว่าเขากำลังตามหาใครสักคนอยู่เช่นกัน และเธอก็พบกับความผิดหวังอีกเช่นเคย จากการที่เธอสมัคร Package เพื่อตามหาเขาเป็นเวล 1 เดือน เมื่อเธอถอดใจและพบว่ายังสามารถใช้งาน package ดังกล่าวได้อยู่อีกหลายวัน เธอจึงนึกสนุกในการ match หาเพื่อนใหม่ตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งนี้เพื่อเบนความสนใจของเธอจากเขาผู้นั้นด้วย เธอลองสุ่มเปลี่ยนพื้นที่ไปหลายประเทศ และมาหยุดลงที่รัฐ California ที่เธอได้ match กับผู้ชายคนหนึ่งชื่อว่า Alexander 
          โดยปกติแล้วเธอเป็นอีกคนที่อยากรู้จักผู้คน แต่เมื่อ match คนใด ๆ แล้วไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นบทสนทนาอย่างไร นอกจากเพียงแค่ทักทายและแยกย้ายหายกันไป ซึ่งแตกต่างออกไปเมื่อเธอเจอกับ Alexander ที่ทักเธอมาด้วยคำถามที่ว่า “ผมขอเดาได้ไหมว่าคุณมาจากประเทศอะไร” เนื่องจากเขามองเห็นบนโปรไฟล์ว่าเธออยู่ห่างออกไปกว่า 10,000 กิโลเมตร เธอเองก็สงสัยว่าเขาจะตอบถูกหรือเปล่า จึงรู้สึกสนใจในคำตอบที่เขากำลังจะเกิดขึ้น ผลที่ปรากฏคือเขาคิดว่าเธอมาจากประเทศมองโกเลีย ซึ่งถ้าใช่คงเป็นเรื่องที่คูลมาก เพราะเขาไม่เคยพบคนจากประเทศมองโกเลียมาก่อน เธอจึงตอบเขาไปว่า “แต่ฉันเคย” เขาจึงถามต่อว่า “แล้วคนมองโกเลียเป็นยังไง เหมือนคนทั่วไปหรือป่าว” ด้วยความรู้สึกตอนนั้นทำให้เธอมีความประทับใจแรกต่อเขาไม่ดีนัก เพราะคิดว่าเขาอาจเป็นพวกชอบแบ่งแยกคนที่ไม่เหมือนตัวเอง และมีความคิดที่เหมารวมคนแต่ละกลุ่ม เธอได้ตอบเขาไปว่า “เขาก็มีสองตา และเป็นคนที่ไม่ได้ต่างจากคนทั่วไป” ในตอนหลังเธอมาค้นพบว่าที่จริงแล้วเป็นเธอต่างหากที่มองคนอื่นในแง่ร้าย แบ่งแยกให้คนอื่นต่างจากตัวเอง และพยายามทำตัวเป็นผู้พิทักษ์ความยุติธรรมด้วยการเหมารวมคำถามที่ยังไม่มีบริบทของสิ่งใดเลยว่าเป็นคำถามเหมารวมผู้คน ทั้ง ๆ ที่เขาอาจสงสัยถึงกลุ่มคนที่ไม่เคยเจอเพียงเท่านั้น 
          Alexander เห็นรูปของเธอที่ถ่ายใน Los Angeles กับเสาต้นหนึ่งที่ตั้งอยู่ด้านหน้าตึกที่มีหลังคาทรงโดม  นั่นคือหอดูดาว Griffith เขาได้ถามว่าเธอมาทำอะไรที่ L.A. เธอจึงบอกเขาว่าเธอก็ไม่รู้เหมือนกัน เพื่อนแค่พาเธอไปที่นั่น และเธอก็ไม่ได้ทำอะไรเลย อันที่จริงแล้วทำหลายอย่างเลยแหละแต่ก็เหมือนไม่ได้ทำอะไร เขาจึงบอกว่าเธอมา LA แต่ไม่ทำอะเลยหรือ ดูเหมือนชีวิตเขาดี นาทีนั้นเธอก็สัมผัสได้ว่า Alexander คงเป็นคนชอบพูดหยอกเล่น จึงไม่ติดใจเอาความกับความไม่ประทับใจแรกต่อเขา พร้อมเธอยังได้บอกเขาต่อว่าความจริงเธอก็ไป Universal studio นะ แต่ไปแล้วก็กลับไวมาก เพราะไม่ได้สนุกขนาดนั้น เขาบอกเธอว่าเขาเห็นด้วยที่นั่นไม่มีอะไรดีเลยนอกจาก butter beer ในความเป็นจริงแล้วพิว ๆ ชอบ Universal studio แต่ที่เธอกลับไวเพราะซื้อบัตร Express ที่ไม่ต้องต่อคิวเล่นเครื่องเล่น ทำให้เธอได้เล่นทุกอย่างที่อยากเล่นในเวลาไม่นาน และไม่รู้จะทำอะไรต่อ เขาถามเธอต่อว่าคนแคลิเป็นอย่างไรสำหรับเธอ เธอจึงบอกว่าไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับคนที่นั่นเท่าไหร่ จึงไม่รู้จะบอกยังไง แต่คนแคลิทำ root beer float อร่อยนะ ผลปรากฏว่า Alex ก็ชอบทาน Root beer float เหมือนกัน โดย Root beer float นี้เอง จะเป็นเครื่องดื่มรูทเบียร์ที่ on top ด้วยไอศกรีมวานิลลา เพื่อนหลายคนบอกเธอว่าเครื่องดื่มนี้รสชาติเหมือนยาหม่อง ซึ่งเธอรู้สึกประทับที่อย่างน้อยเขาประทับใจเครื่องดื่มชนิดนี้เช่นกัน
          การพูดคุยกับ Alexander ทำให้พิว ๆ รู้สึกสนใจ เพราะเขาเป็นคนที่คุยด้วยแล้วสนุก โดยไม่ต้องพยายาม รวมถึงมีลักษณะการพูดคุยที่พอดีกับความรู้สึกของเธอ อันไม่ทำให้เธอเกิดความรู้สึก akward ขึ้น ที่เธอมักรู้สึกเมื่อต้องพูดคุยกับคนแปลกหน้า บทสนทนาของทั้งสองคนดำเนินต่อไป พิว ๆ และ Alex ต่างแชร์เรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต และรู้จักกันมากขึ้นผ่านเรื่องราวและคำถามที่พิมโต้ตอบกันไปมา หลังจากจบบทสนทนาในช่องแชทนั้น Alex ได้ให้เบอร์กับเธอเพื่อย้ายช่องทางไปคุยใน whatsapp แทน ส่วนเธอก็ไม่ลืมที่จะปิดบทสนทนาด้วยประโยคที่ว่า “it was nice to meet you” เพราะเธอรู้สึกเช่นนั้นจากใจจริง จึงอยากบอกให้เขารับรู้เอาไว้ 
          บทสนทนาในแอพเขียวได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ Alex ส่งรูป Luggage cart มาให้เธอ เพราะเธอได้บอกเขาว่าเธอชอบมองมัน โดยไม่มีเหตุผล พวกเขาทั่งคู่คุยกันต่อเนื่องร่วมอาทิตย์ Alexander ไม่เคยจะลืมที่จะส่ง Good morning ถึงเธอในทุกเช้า และมักจะส่ง Good night ให้เธออยู่เสมอ ซึ่งเธอเองก็เริ่มรู้สึกมีความสุขที่ได้คุยกับเขาในทุก ๆ วัน ที่จริงแล้วในระยะเวลาร่วมอาทิตย์ที่เธอได้คุยกับเขา เธอคิดว่าเขา Nice และนั่นเป็นคุณสมบัติหลักที่เพียงพอที่ทำให้เธอตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่ง พิว ๆ ไม่ได้ตกหลุมรักคน nice ทุกคน แต่กับคน nice บางคนเธอจะสัมผัสถึงมวลที่แตกต่างออกไปจากการเป็นเพียงแค่มิตรภาพได้ นั่นคือความรู้สึกของเธอ 
          ตั้งแต่เธอได้รู้จักกับ Alex ความรู้สึกคิดถึงคนที่เธอปลื้มจาก walmart ก็ไม่เคยเกิดขึ้นกับเธออีกเลย กลับกลายเป็นว่าเธอคิดถึงการได้คุยกัย Alexander ในทุก ๆ วันหนึ่งเขาตัดสินใจถามเธอว่าทำไมเธอจึงเล่น Tinder “เธอมาตามหาคนที่เธอเคยแอบปลื้ม” เธอตอบ แต่เธอบอกเขาว่าเธอไม่อยากพูดถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว เพราะเธอยอมแพ้ และไม่ได้อยากที่จะตามหาคนที่เธอปลื้มอีกต่อไป เขาขอโทษเธอที่ทำให้เธอต้องนึกถึงสิ่งที่ไม่น่าจดจำ ในความเป็นจริงแล้วเธอไม่เคยบอกเขาเลยว่าที่เธอล้มเลิกความตั้งใจเป็นเพราะเธอเจอเขา เธอเจอ Alexander ที่ทำให้เธอรู้สึกตั้งใจที่จะตื่นขึ้นมาในทุกเช้า ๆ เพื่อมาคุยกับเขา ในช่วงนั้นเธอเป็นบัณฑิตจบใหม่ ที่ยังไม่มีงานทำ ชีวิตของเธอว่างเปล่า ไม่ได้มีความสุขหรือความทุกข์จากสิ่งใด การที่เธอได้พูดคุยกับเขาอย่างสนุกสนานจึงเป็นเหมือนสีสันสดใสที่เข้ามาแต่งแต้มในชีวิตอันว่างเปล่าของเธอในเวลานั้น
          ส่วน Alexander เองนั้นกำลองมองหา Cute girl จาก Tinder เพราะเขาเองก็เป็นคนที่ขี้อายเกินกว่าที่จะขอสาว ๆ ออกเดต Tinder จึงเป็นทางลัดของเขาในการทำความรู้จักคน ๆ หนึ่ง ในระหว่างอาทิตย์ที่คุยกันมานี้ อยู่มาวันหนึ่ง Alex หยุดทักพิว ๆ มา แท้จริงแล้วเธอเองเป็นคนที่อ่านแต่ไม่ได้ตอบ เพราะไม่ใช่ประโยคที่ต้องมีคำตอบ หรือประโยคที่เธอจะหาเรื่องมาพูดต่อด้วยได้ ในขณะที่เธอเองก็รอให้เขาทักมาในทุก ๆ นาทีที่เธอมีเวลาว่างคิดถึงเขา และในที่สุดเธอก็พบว่าเขาได้เข้ามาเป็นภาพที่วิ่งวนในหัวของเธออย่างสมบูรณ์ เธอนั่งคิดว่าหรือเขาตั้งใจมาคุยเล่นกับเธอเพราะเขารู้สึกเหงา พอเขาหายเหงาเขาจึงจากไป ในเวลานี้เธอได้เรียนรู้ว่าความตั้งใจแรกของเธอมองหาคนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจจากคนที่เธอปลื้มในตอนแรกนั้นเป็นความคิดที่ไม่ดีนัก เพราะไม่ควรมีใครเป็นเพียงสิ่งแก้เหงาหรือเบี่ยงเบนความสนใจของใคร โดยไม่บอกให้คนนั้น ๆ รู้ก่อน แน่นอนการกระทำดังกล่าวไม่ได้มีข้อห้ามทางกฎหมาย และไม่อาจกล่าวหาได้ว่าเป็นการทำผิด เพียงแค่สามารถทำให้คน ๆ นึงรู้สึกเจ็บปวดได้ ทั้งโดยเจตนาหรือไม่ได้เจตนา 
          สองวันถัดมา เขาได้ทักเธอมาด้วยการส่งรูปภาพตัวการ์ตูนหัวกลม ๆ สีหน้ามึนงงมาหา และอธิบายว่านั่นคือเขาตอนที่เธอหยุดส่งข้อความหาเขา เธอตีมึนและบอกเขาไปว่าเธอไม่เข้าใจหรอกว่าสีหน้าแบบนั้นหมายถึงอะไร เขาจึงบอกว่ามันคือความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน เขาไม่อยากจะเสีย cute girl แบบเธอไป เธอจึงบอกเขาว่าไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากคุยกับเขาหรอก เพียงแค่เธอไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยกับเขา เห็นได้ชัดว่าความจริงเธอเป็นเพียงคนมีอีโก้ในตัวเอง ชอบเอาชนะในความสัมพันธ์ ไม่ยอมทำตามความรู้สึกที่แท้จริงของตนเอง ในอีกแง่นึงเธอช่างเป็นผู้น่าสงสาร ในฐานะคนรู้จักของเธอนั้น อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่รู้วิธีที่จะรัก แสดงความรักไม่เป็น เธออยู่คนเดียว ทำอะไรด้วยตนเองมาตลอด และนั่นเสริมสร้างอีโก้ในตัวเธอได้เป็นอย่างดี นอกจากอีโก้แล้วเธอยังขี้เกรงใจและขี้อาย แต่สิ่ง ๆ หนึ่งที่พอจะหาเหตุผลให้เธอเหมาะสมที่จะถูกรักกลับคือ เธอไม่เคยกั๊กความรู้สึกของตัวเองต่อใคร และไม่เคยเผื่อใจเมื่อเป็นเรื่องของความรัก เธอสามารถยกโลกให้คน ๆ นึงได้ย่างง่ายดายหากเธอรักเขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่