แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีที่น่าสงสารที่สุดของประเทศไทย

กระทู้สนทนา
เพี้ยนเพลีย

เห็นเธอแสดงบทผุ้แถลงผลงานวันนี้แล้ว  ยิ่งดูน่าสงสาร
และทำให้นึกถึงคำทางการเมืองคำหนึ่ง  ที่ พล.อ.เปรม ชอบใช้พูดกับนักข่าวเสมอ ๆ

นั่นคือคำว่า  กลับบ้านเถอะลูก
ไม่เป็นไร

การแถลงผลงานวันนี้ของแพทองธาร 
(ที่ลูกจ้างอย่างณัฐวุฒิพูดออกทีวีรายการคุยนอกจอกับสรยุทธเมื่อวานว่า รับรองว้าว
  แต่เห็นได้ชัดว่า การแถลงวันนี้ ไม่ว้าว แต่ออกไปทางแหวะ มากกว่า)

ก็แค่เหมือนเธอมาออกงานอีเว้นท์ในแต่ละวันตามปกติของเธอ
ออกงานแล้วจบงานจบวัน  ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน  ไม่มีกลิ่นวิสัยทัศน์ 
ไม่ได้บ่งบอกให้เห็นสักนิดว่าเธอรู้และเข้าใจอะไรสักเรื่องจริง ๆ (ขนาดเรื่องซอท์ฟพาวเวอร์ที่มีขึ้นเพื่อปั้นเธอ ยังไร้ผลงานแถลง)
แต่อบอวลไปด้วยกลิ่น "สคริปต์" ที่ทีมงานเห่ย ๆ เขียนให้เธอแถ-ลง

รูปแบบหรูหรา  เนื้อหารุ่งริ่ง
คือการแถลงผลงานในวันนี้ของแพทองธาร

ดูเธอน่าสงสารจริง ๆ
งานแถลงผลงาน แต่เขาเขียนสคริปต์ให้เธอแถลงนโยบาย เธอก็ไม่ประสา ว่าไงมาว่าตามงั้น

ก็อย่างว่า
ขนาดครอบครัวทำธุรกิจ  ครอบครัวยังไม่ได้ให้เธอเป็น CEO
แต่กลับให้เธอมาเป็นผู้กุมบังเหียนบริหารประเทศ 

เวรกรรมประเทศไทย

..........

ประทีป  คงสิบ    อดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี   ให้ข้อสรุปแพทองธารไว้ดังนี้

ข้อสรุปว่าด้วย ‘นายกฯ อิ๊งค์’

หนึ่งเดือนแรกหลังการขึ้นเป็นนายกฯ  ผมเคยวิพากษ์วิจารณ์แพทองธารว่า 
แพสชันต่ำ วิชั่นต่ำ ความขยันต่ำ ความรอบรู้ต่ำ ขาดความพร้อมในการทำหน้าที่ ‘ผู้นำ’ ประเทศ 
กระนั้นลึกๆ ยังหวังว่าเธอจะเร่งเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง ให้สมกับวาสนาและโอกาสที่ได้รับ
ทว่า ผ่านไปกว่าสามเดือน สิ่งที่ถูกประเมินว่าต่ำก็ยังเหมือนเดิมและที่ ‘ต่ำ’ เพิ่มมาให้เห็นชัดอีกข้อคือ ‘ภาวะผู้นำ’

ในทางตรงข้าม สิ่งที่เคยสูงอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นจนล้นแก้วคือ ‘อีโก้’

ตัวชี้วัดคือการตอบโต้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ผ่านโลกโซเชียล 
ทั้งกับประชาชนเป็นรายบุคคลและโดยรวม แทนที่จะเร่งทุ่มเททำงานหนักเพื่อกลบเสียงเหล่านั้น
(และเรื่องสามีเป็นคนใต้อีกเรื่อง ที่แสดงให้เห็นอีโก้ของเธอ แบบว่า อย่ามาว่าให้ฉันนะ - จขกท.เสริม)

อันที่จริงในรอบกว่าสามเดือนที่ผ่านมา เธอเคยฉายภาพที่สมกับบทบาท ‘ผู้นำ’ จนได้รับเสียงชื่นชมมาแล้วครั้งหนึ่ง 
จากเหตุการณ์รีบลงพื้นที่ให้กำลังใจ ดูแลการช่วยเหลือเหตุไฟไหม้รถบัสนักเรียนจากอุทัยธานี จนมีนักเรียนและครูเสียชีวิตจำนวนมาก

น่าเสียดายว่า หลังเหตุการณ์นี้เธอไม่จดจำและเรียนรู้ว่า 
‘ผู้นำ’ ที่จะครองใจประชาชนควรปฏิบัติตัวต่อแต่ละเหตุการณ์ แต่ละประเด็น ด้วยท่าทีและการตอบคำถามอย่างไร 
เพราะหลังเหตุการณ์นี้แต่ละสถานการณ์ที่เธอมีปฏิกิริยาตอบสนอง 
เช่น กรณีคดีตากใบ, ข้อถกเถียงว่าด้วย MOU 44, น้ำท่วมใต้, เรือรบพม่ายิงเรือประมงไทย

นอกจากไม่ใกล้เคียงกับมาตรฐานที่ทำได้ดีจากกรณีไฟไหม้รถบัสนักเรียน แต่ยังเข้าขั้นต่ำกว่ามาตรฐานในฐานะ ‘ผู้นำ’

ในความเห็นผมข้อสรุปต่อบทบาทนายกฯ ของแพทองธารมีสองประการ

1. นายกฯ ฝึกงานไม่ผ่านโปร (แต่ถึงอย่างไรเธอก็จะได้ต่อโปรจนครบวาระ)

2. เป็นนายกฯ ง่ายกว่าซีอีโอ เพราะเอาเข้าจริงด้วยคุณสมบัติ หากวัดที่ความรู้ความสามารถล้วนๆ 
     เธอยังก้าวไปไม่ถึงแม้แต่เป็น ‘ซีอีโอ’ ของกลุ่มธุรกิจในครอบครัว โดยตำแหน่งนี้กลับตกเป็นของพี่เขยเธอ (สามีคุณพินทองทา)
     ตีความแบบตรงไปตรงมาหมายความว่าครอบครัวชินวัตรเองยังไม่เชื่อว่าแพทองธาร ‘มือถึง’ สำหรับการเป็น ‘ซีอีโอ’ ของธุรกิจครอบครัว

แต่การเมืองจะก้าวไปถึงตำแหน่งใด ด่านสำคัญคือผ่านการเลือกตั้งเป็นอันดับแรก 
ซึ่งนับเป็นโชคชะตาวาสนาสูงของเธอที่เป็นลูกสาว ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จึงมาถึงจุดที่เป็น ‘นายกรัฐมนตรี’ ได้

คำเปรียบเปรยที่ว่า “เป็นนายกฯ ง่ายกว่าซีอีโอ” 
คนที่มีสิทธิ์พูดได้เต็มปากเต็มคำ ณ ขณะนี้ จึงมีแค่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ เท่านั้น เพราะเธอพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

https://www.the101.world/prateep-dec-24/

.


แพทองธารน่าสงสารที่สุด  ไม่ใช่เพราะเธอทำอะไรก็มีคนคอยโจมตี  กล่าวหา
แต่เพราะเธอทำอะไรไม่ได้เรื่อง ไม่เป็น ไม่รู้  จึงเหมือนเธอทำลายตัวเธอเองมากขึ้น ๆ ทุกวัน

เธอคือเหยื่อทางการเมืองอีกคนของพ่อหรือเปล่า เหมือนอาปู 
น่าพิจารณา

.

อยากบอกเธอว่า เห็นแก่บ้านเมืองและประชาชน
โปรด "กลับบ้านเถอะลูก"
ถีบขาคู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่