รู้สึกว่าตัวเองนิสัยเสีย แต่ไม่อยากปรับแล้ว ทำไงดีคะ?

คือท้าวความแบบนี้ก่อนว่า ครอบครัวเราไม่ใช่ครอบครัวที่อบอุ่นอะไรมาก หลักๆเรามีบ้านอยู่2หลังบริเวณใกล้เคียงกันค่ะ หลังนึงจะมีพ่อกับแม่เราอยู่ด้วยกันเป็นบ้านสวน มีห้องนอนแค่ห้องเดียว อีกหลังจะเป็นอาคารพาณิชย์เรากับพี่สาวอยู่และมีแมวอีก7ตัวค่ะ ไม่นานมานี้พ่อกับแม่เราทะเลาะกันด้วยนิสัยเดิมๆคือพ่อมีบ้านเล็ก(พ่อมีมาเรื่อยๆนานมากแล้วค่ะแค่แม่ก็จับได้ตลอด)แม่จับได้ทะเลาะกันใหญ่โต เลยย้ายมาอยู่กับเรากับพี่สาว และอย่างที่บอกไปว่าบ้านเราเลี้ยงแมว7ตัว ส่วนตัวเป็นคนรักสัตว์แต่ไม่ได้อยากเลี้ยงนะคะ แต่พี่สาวเอามาเลี้ยง แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ค่ะ คือพี่สาสเราเป็นคนสกปรกมาก ไม่ยอมทำความสะอาด ไม่ยอมดูแลแมว กินข้าวก็ไม่ยอมเก็บ ไม่ยอมเทเศษอาหาร น้ำก็จะชอบเปิดขวดใหม่ไปเรื่อยๆและก็ทิ้งไว้ไม่ยอมเก็บ และแมวก็ฉี่อึเรี่ยราด แต่พี่สาวไม่สนใจอะไรเลยค่ะ วันๆทำแต่งาน ทำเสร็จเลิกงานมาก็กินข้าวเสร็จแล้วก็ขึ้นห้อง ทิ้งไว้ให้คนอื่นเก็บ (พี่สาวเข้างาน08:00-17:00) 
            แล้วก็ยังมีนิสัยส่วนตัวเรื่องอื่นอีกหลายๆเรื่องเลยค่ะ แต่หลักๆคือเรื่องนี้กับการใช้เงินเกินตัวของพี่ หนี้บัตรเครดิตของพี่สาวเขาก็ยืมเงินเก็บเราไปจ่าย แต่ปัญหาหลักคือ พี่สาวเป็นคนเอาแต่ใจมากค่ะ ไม่สนอะไร ไม่ฟังใคร ใครพูดอะไรให้นิดๆหน่อยๆฟึดฟัดไม่พอใจ โกรธ ไม่พูดกับคนในบ้าน บล็อคไลน์ บล็อคเบอร์ กลายเป็นว่าพ่อแม่เอือมค่ะ เลยเปลี่ยนมาลงที่เรา เพราะนิสัยส่วนมากของเราตรงข้ามกับพี่สาว ตั้งแต่เด็กเราโดนเลี้ยงมาให้ทำตามคำสั่ง จนมีช่วงนึงเรากดดันจากการทำงานและที่บ้านมากจนเป็นภาวะซึมเศร้าและโรคเครียดค่ะ เรารักษาได้ประมาณปีนึงก็หยุดไปเองเพราะตอนนั้นแอบรักษาไม่ให้คนที่บ้านรู้ และตอนนี้เรากำลังมีแพลนจะไปเรียนภาษาที่ตปท. ช่วงนี้เราต้องเรียนภาษาปูพื้นฐานใหม่ไปก่อน(เพราะตั้งแต่จบมัธยมมาก็ไม่ได้ใช้ภาษาเลย)
              รูทีนของเราตอนนี้คือ ตื่นมาช่วยแม่ทำงานบ้านบางส่วน>ไปยิม>มารับแม่ไปส่งยิม>เรียนออนไลน์>ไปรับแม่กลับบ้าน>กินข้าว>ทำจ็อบเสริมออนไลน์ส่วนตัว>นอน รูทีนแค่ไม่กี่อย่าง แต่แต่ละอย่างเราใช้เวลาค่อนข้างนานค่ะ เร็วๆนี้กำลังจะเพิ่มชั่วโมงเรียนให้ตัวเอง 
               แต่มีเหตุการณ์มีปากเสียงกับแม่เมื่อเช้าค่ะ เมื่อวานหลังคนในบ้านกินข้าวเย็นกันเสร็จ เราก็มากินทีหลังค่ะ (เพราะเมนูอาหารมื้อนั้นเราไม่ชอบ และโต๊ะกินข้าวเล็กมาก มีแค่พ่อแม่พี่สาวเราก็เต็มแล้ว เราอดได้ก็เลยมาทำกินทีหลัง) แต่ในระหว่างที่เรากำลังกินข้าวอยู่ พี่สาวก็เอาผ้าใส่เครื่องซักแล้วก็ขึ้นบ้านค่ะ ก็เปิดประตูหลังบ้านทิ้งไว้เราก็ไม่ได้คิดอะไรคิดว่าเดี๋ยวเราคงลงมาตาก กินจ้าวเสร็จเราก็จัดการในส่วนของตัวเองเสร็จ แล้วก็ขึ้นบ้านนอน(เรานอนกับแม่นะคะเพราะแกย้ายออกจากพ่อละไม่มีห้องอยู่อยู่กับพี่สาวก็ไม่ได้เพราะนางไม่ให้อยู่) ตื่นเช้าขึ้นมา แม่หงุดหงิดใส่เรา ตำหนิเราเรื่องไม่ยอมปิดไฟข้างล่าง ไม่ยอมปิดประตูหลังบ้าน เราเลยบอกว่าเราเข้าใจว่าพี่สาวจะลงมาตากผ้าเราก็เลยไม่ได้ปิด แล้วแม่ก็ขึ้นเสียงใส่เราว่า ถ้ามันมีมือมีตีนก็ให้มันเปิดเองสิ มันไม่มีตาพอจะคลำหาทางเปิดสวิตช์ไฟเปิดประตูหลังบ้านไปตากผ้าเองเลยหรอ แล้วหลังจากนั้นเขาก็บ่นลามไปเรื่องอื่นค่ะ เราหงุดหงิดที่ไม่ได้นอนเพราะเมื่อคืนคุณแม่กรนดังกว่าปกติ+ฟังเรื่องที่เขาบ่น+เราจำคำพูดที่เขาชอบพูดว่า เพราะพี่สาวสอนไม่ได้บ่นไม่ได้มีแต่เราที่สอนได้เขาก็เลยสอนแค่เรา 
               เราโมโหมากๆเลยค่ะ ใจจริงอยากเถียงกับเขาแต่เราก็เงียบแล้วก็ช่วยเขาทำงานบ้าน เพราะมองว่าต่อให้เป็นพี่สาวอยู่คนสุดท้ายเราก็โดนบ่นอยู่ดีแค่จะเป็นใครบ่นเรา แล้วเถียงไปก็ไม่มีวันชนะเพราะเขาจะขุดเรื่องเก่าๆมาพูด+ใส่ความประชดประชันอีก เราก็เลยเลือกที่จะรีบทำงานบ้านให้เสร็จแล้วขึ้นมาห้อง มาร้องไห้ค่ะ นิสัยส่วนตัวของเราคือ ไม่พอใจอะไร โกรธอะไร เสียใจอะไร ถ้าคิดว่าพูดไปแล้วไม่มีประโยชน์ เราจะจัดการตัวเองค่ะ ระบายกับตัวเอง นอนร้องไห้ให้มันจบๆไป จะได้ไม่ต้องเถียงกันให้มากความยิ่งเถียงในสายตาคนอื่นเรายิ่งดูแย่ แต่พอผ่านไปสักพักแม่ตามขึ้นมาเห็นเราร้องไห้ แม่เลยขึ้นเสียงใส่เราว่า แล้วเป็นอะไรนักทำไทต้องร้องไห้ เราไม่อยากพูดเยอะเลยบอกไปแค่ว่า เราหงุดหงิดที่นอนไม่ค่อยหลับ ไม่ค่อยได้นอน แม่เลยถามต่อว่า แค่เพราะไม่ได้นอนเนี่ยนะร้องไห้ ตอนนั้นเราฟิวส์ขาดเลยบอกว่า ก็แม่กรนเสียงดังข้างหู ใครมันจะนอนหลับ แล้วแกยิ่งโมโห แกก็ถามซ้ำอีกว่าแค่เพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะเลยร้องไห้ แต่เราต้องรีบเบรคตัวเองด้วยการไม่พูดแล้วแกล้งนอนต่อ แม่ก็บ่นๆไปสักพัก แล้วแม่ก็พูดขึ้นว่า ถ้ามันยากนักกูจะย้ายไปอยู่กับพ่อ ดูทรงละพวกโลกส่วนตัวสูงกันนัก แล้วเขาก็เดินออกจากห้องปิดประตูเสียงดังไปเลยค่ะ สรุปปัญหาหลักๆเลยคือ

1.ตอนนี้เราแบกคำตำหนิของพี่สาวกับของตัวเองไว้คนเดียว เพราะพ่อกับแม่เลือกที่จะตำหนิเราง่ายกว่าการจะตำหนิพี่สาว 
2.เรากลายเป็นคนที่ต้องเสียสละอะไรหลายๆอย่างแทนพี่สาว(ในความหมายคือ เราไม่ได้อยากโยนให้พี่หมดนะคะเราแค่อยากให้ช่วยกัน) โดยที่เราก็ไม่ได้เต็มใจทุกเรื่อง จนเรากลายเป็นคนยังไงก็ได้อะไรก็ได้ เพราะพอเราเรียกร้องสิทธิเราคนอื่นก็จะถามเราต่อว่าแล้วจะให้ทำไงก็ในเมื่อพี่สาวเราไม่ยอม
3.เราเริ่มไม่ไหวกับความเครียดของแม่เรื่องพ่อและเรื่องนิสัยของพี่สาวแล้วค่ะ เขาเลือกที่จะเอาความทุกข์ของเขามาลงที่เราแทน ด้วยการกดดันในหลายฟเรื่อง ทั้งในเรื่องเรียน ทางออกชีวิต หรือต่างๆ เขาคาดหวังให้เราเป็นเสาหลักๆที่เขาไม่เคยให้อิสระเราเลยค่ะ 
4.เราพยายามมองโลกแง่ดีพยายามแบกความทุกข์ของแม่มาตลอด จนตอนนี้เราไม่ไหว ไม่อยากเสียสละแล้วค่ะ เราอยากมีสิทธิ์ของตัวเอง เรียกร้องในพื้นที่ของเราเองเหมือนกัน เราเข้าใจที่เครียด แต่ยิ่งนับวันมันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆถึงบางอย่างจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันสะสมขึ้นเรื่อยๆ

อยากหนีออกจากบ้านค่ะ อยากหนีออกไปอยู่คนเดียวใช้ชีวิตคนเดียว ใจนึงก็สงสารแม่แต่ใจนึงก็สงสารตัวเอง แถมตอนนี้เราประเมินแล้วว่าตัวจ๊อบเสริมไม่สามารถเลี้ยงตัวเองได้แน่ๆให้ได้เดือนต่อเดือนต่อให้ตัดค่าใช้จ่ายแล้ว เงินเก็บที่มีก็เริ่มร่อยหรอ เพราะพี่สาวใช้เงินไม่คิด พอเป็นหนี้จวนตัวมาแม่ก็ต้องช่วย แม่ช่วยไม่ไหวก็ต้องเป็นเรา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่