ไซทิซีน ทางเลือกยาเลิกบุหรี่
ปัจจุบันมีการพูดถึงวิธีการเลิกบุหรี่ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้การล้างพิษเพื่อเลิกบุหรี่ การแพทย์แผนจีนโดยการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่อยากสูบบุหรี่ลดลง
รวมไปถึงการใช้สมุนไพรต่าง ๆ ในการถอนพิษบุหรี่ นอกจากนี้อีกทางเลือกที่เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นก็คือ
การใช้ไซทิซีนเพื่อเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยบำบัดและเลิกบุหรี่อย่างปลอดภัย
ไซทิซีน (Cytisine) เป็นสารอัลคาลอยด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด เช่น เมล็ดจามจุรีสีทอง หรือ มะรุมป่า
มีสรรพคุณเพื่อช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติน ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ไม่เครียดและไม่หงุดหงิด
สำหรับในต่างประเทศไซทิซีนถูกนำมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการเลิกบุหรี่ในหลากหลายประเทศแถบยุโรปตะวันออกตั้งแต่ช่วงปลายปี 1960
จนกระทั่งปัจจุบัน ในบางประเทศเช่น แคนนาดา สามารถหาซื้อยาไซทิซีนได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องขอใบสั่งยา
ในขณะที่ประเทศไทยเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์การเภสัชกรรมร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ
มีการศึกษาและพัฒนายาเม็ดไซทิซีน จีพีโอ (1.5 มิลลิกรัม) เพื่อนำมาใช้สำหรับการช่วยบำบัดอาการเสพติดการสูบบุหรี่
ให้ผู้ที่ติดบุหรี่ได้เข้าถึงยาเลิกบุหรี่อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยราคาที่จับต้องได้ โดยหากเทียบกับตัวยาชนิดอื่น ๆ ถือว่ามีราคาถูกกว่าค่อนข้างมาก
วิธีการใช้ไซทิซีน
ไซทิซีนขนาด 1.5 มิลลิกรัม ในสามวันแรก จะต้องกิน 6 เม็ดต่อวัน
หลังจากนั้นจึงลดขนาดลงเรื่อย ๆ เป็น 5 เม็ดต่อวัน 4 เม็ดต่อวัน 3 เม็ดต่อวัน และ 2 เม็ดต่อวัน จนกว่าจะครบ 25 วัน
กลไกการออกฤทธิ์ของไซทิซีน
เมื่อไซทิซีนเข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือดภายใน 15 นาที มีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายสารสื่อประสาท ออกฤทธิ์ต่อสมอง
โดยจะเข้าไปทำให้ตัวรับที่จับกับนิโคตินมีปริมาณลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้ผู้ป่วยอยากสูบบุหรี่น้อยลง
และอาจรู้สึกว่าการสูบบุหรี่มีรสชาติน้อยลง หรือไม่มีรสชาติเลย
ผลข้างเคียงของการใช้ไซทิซีน
อาการทางกระเพาะอาหารและลำไส้
ปวดท้อง
คลื่นไส้
อาเจียน
อาหารไม่ย่อย
ทั้งนี้ อย.ยังได้อนุมัติทะเบียนตำรับยา เลขทะเบียน 1A 15006/66 (NC) (ชื่อการค้า Cytisine GPO)
รูปแบบยาเม็ดสำหรับกิน ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม พร้อมปลดจากยาควบคุมพิเศษเป็นยาอันตราย
ส่งผลให้สามารถจำหน่ายยาได้ในร้านยาและสามารถเบิกจ่ายได้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเอง
ใครมีประสพการณื การใช้ ไซทิซีน (Cytisine) สำหรับการเลิกบุหรี่ บ้าง ครับ
ปัจจุบันมีการพูดถึงวิธีการเลิกบุหรี่ด้วยทางเลือกที่หลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้การล้างพิษเพื่อเลิกบุหรี่ การแพทย์แผนจีนโดยการฝังเข็มเพื่อกระตุ้นให้ผู้สูบบุหรี่อยากสูบบุหรี่ลดลง
รวมไปถึงการใช้สมุนไพรต่าง ๆ ในการถอนพิษบุหรี่ นอกจากนี้อีกทางเลือกที่เริ่มมีการพูดถึงมากขึ้นก็คือ
การใช้ไซทิซีนเพื่อเป็นอีกหนึ่งวิธีในการช่วยบำบัดและเลิกบุหรี่อย่างปลอดภัย
ไซทิซีน (Cytisine) เป็นสารอัลคาลอยด์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในพืชหลายชนิด เช่น เมล็ดจามจุรีสีทอง หรือ มะรุมป่า
มีสรรพคุณเพื่อช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติน ทำให้เกิดความผ่อนคลาย ไม่เครียดและไม่หงุดหงิด
สำหรับในต่างประเทศไซทิซีนถูกนำมาใช้เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับการเลิกบุหรี่ในหลากหลายประเทศแถบยุโรปตะวันออกตั้งแต่ช่วงปลายปี 1960
จนกระทั่งปัจจุบัน ในบางประเทศเช่น แคนนาดา สามารถหาซื้อยาไซทิซีนได้ตามร้านขายยาทั่วไปโดยไม่ต้องขอใบสั่งยา
ในขณะที่ประเทศไทยเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ องค์การเภสัชกรรมร่วมกับคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ
มีการศึกษาและพัฒนายาเม็ดไซทิซีน จีพีโอ (1.5 มิลลิกรัม) เพื่อนำมาใช้สำหรับการช่วยบำบัดอาการเสพติดการสูบบุหรี่
ให้ผู้ที่ติดบุหรี่ได้เข้าถึงยาเลิกบุหรี่อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยราคาที่จับต้องได้ โดยหากเทียบกับตัวยาชนิดอื่น ๆ ถือว่ามีราคาถูกกว่าค่อนข้างมาก
วิธีการใช้ไซทิซีน
ไซทิซีนขนาด 1.5 มิลลิกรัม ในสามวันแรก จะต้องกิน 6 เม็ดต่อวัน
หลังจากนั้นจึงลดขนาดลงเรื่อย ๆ เป็น 5 เม็ดต่อวัน 4 เม็ดต่อวัน 3 เม็ดต่อวัน และ 2 เม็ดต่อวัน จนกว่าจะครบ 25 วัน
กลไกการออกฤทธิ์ของไซทิซีน
เมื่อไซทิซีนเข้าสู่ร่างกาย จะถูกดูดซึมสู่กระแสเลือดภายใน 15 นาที มีกลไกการออกฤทธิ์คล้ายสารสื่อประสาท ออกฤทธิ์ต่อสมอง
โดยจะเข้าไปทำให้ตัวรับที่จับกับนิโคตินมีปริมาณลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้ผู้ป่วยอยากสูบบุหรี่น้อยลง
และอาจรู้สึกว่าการสูบบุหรี่มีรสชาติน้อยลง หรือไม่มีรสชาติเลย
ผลข้างเคียงของการใช้ไซทิซีน
อาการทางกระเพาะอาหารและลำไส้
ปวดท้อง
คลื่นไส้
อาเจียน
อาหารไม่ย่อย
ทั้งนี้ อย.ยังได้อนุมัติทะเบียนตำรับยา เลขทะเบียน 1A 15006/66 (NC) (ชื่อการค้า Cytisine GPO)
รูปแบบยาเม็ดสำหรับกิน ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม พร้อมปลดจากยาควบคุมพิเศษเป็นยาอันตราย
ส่งผลให้สามารถจำหน่ายยาได้ในร้านยาและสามารถเบิกจ่ายได้ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยประชาชนไม่ต้องจ่ายเงินเอง