มาแชร์ความคิดความรู้สึก ของคนอายุ 30+ กันครับ

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือน ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บ้านมา 3-4 ปีแล้ว อายุงานเฉลี่ยที่ปัจจุบัน 6 ปีครับ 
อายุ 33 มีแฟน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน อยู่คนละอำเภอ เจอกันทุกอาทิตย์
ตอนนี้ผมและเขายังไม่คิดถึงเรื่องแต่งงานมีลูก ด้วยทำงานทั้งคู่ และยังไม่พร้อม คิดว่าอนาคตอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ

ที่ทำงานผมก็อยู่ในจังหวัดที่อยู่ตั้งแต่เกิดจนโต ห่างจากบ้านประมาณ 20 กว่าโล
ทำงานจนมีเงินเก็บ7หลัก มีรถยนต์ 1คัน บ้านผมมีรถ 2 คัน อีกคันเป็นรถสมัยของตอนตายังขับรถยนต์ได้แต่ตอนนี้ผมขับแทน

ผมไม่มีความคิดที่อยากจะซื้อบ้านเลย อายุปาไป 33 แล้ว 
ผมยังอยากอยู่บ้านของบรรพบุรุษ ตอนนี้มี ผม แม่ ตา ยาย รวม 4 คน
ผมมีเงินก้อน พอที่จะซื้อบ้านหลังละ 3 ล้านได้แบบเงินสดสบายๆ แต่คงเหลือติดบัญชีไม่ถึงล้าน ซึ่งเงินหายไป 60-70% กับบ้าน 1 หลัง
เลยเลือกที่จะเก็บเงินไว้ รู้สึกว่าแค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ

ตอนนี้สถานะทางการเงินเสถียร มีเก็บมีออม ใช้บ้างเวลาต้องใช้ ไม่ซื้อของที่ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้
ถ้าซื้อมาแล้วเอามาเก็บเอามากองไว้ ผมไม่ซื้อ คือจะคิดแล้วคิดอีกว่าจริงๆเราต้องการมากขนาดนั้นใช่มั้ย
ถ้าไม่มี แล้วไม่เดือดร้อนถึงตาย ผมตัดความคิดนั้นออกทันที

บ้าน ถามว่ามันไม่ใช่ชื่อของผมก็จริง 
ที่ดิน ก็ไม่ใช่ชื่อของผมอีกเหมือนกัน
ที่ดินและบ้านเป็นชื่อของตากับยาย ท่านสองคนถือกรรมสิทธิ์ร่วมกัน

บางคนอาจคิดอยากจะมีเป็นของตัวเอง อาจจะเพราะความสบายใจเวลาจะโอน ขาย จำนอง หรืออะไรก็แล้วแต่
สำหรับผม ผมสบายใจที่จะอยู่แบบนี้นะ 

บางคนอาจจะเลือกซื้อใหม่ เป็นบ้านตัวเองไปเลย ทั้งที่ดินและบ้าน อยากมีกรรมสิทธิ์ไม่อาศัยใคร
แต่ผมเลือกวิธีรีโนเวทบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดนี่แหละ เพราะยังไงสักวัน ผมนี่แหละต้องดูแลบ้านหลังนี้ เมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่กับผมแล้ว

ผมเลยคิดว่า หากจะเอาเงิน2-3ล้าน ซื้อบ้านใหม่ สู้เอามารีโนเวทที่เราอยู่ตอนนี้ น่าจะคุ้มค่ากว่า 
เมื่อปีที่แล้ว ผมก็รีโนเวทบ้าน แทบจะ 100% ไม่เหลือเค้าโครงบ้านเดิมเลย หมดไป 3.5 แสนนิดๆรวมค่าช่างแล้ว
มันคุ้มค่ามาก เหมือนผมและครอบครัวซื้อบ้านหลังใหม่ และผมก็ยังได้ทำงานอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม 

บรรยากาศในบ้านมีความสุขขึ้น ตื่นมาทุกวัน พบว่าฝ้าเพดานบ้านสวยขึ้น สว่างตาขึ้น
ห้องนอนของตากับยาย ท่านนอนสบายขึ้น
ทำสีบ้านใหม่ ทำห้องโถงใหม่ ทำห้องน้ำใหม่ เปลี่ยนจากที่มันนั่งลำบากๆ เป็นชักโครก
และเพิ่มห้องน้ำเข้ามาอีก 1 ห้อง หากห้องน้ำไม่พอใช้ เผื่อไว้...หากเข้าพร้อมกันแล้วไม่มี ลำบากอีกทีนี้ ฮ่าๆๆ ๆ

เมื่อต้นปีที่แล้วก็รีโนเวทห้องครัว แบบ 100% 
ซื้อเฟอร์นิเจอร์มาลง ทำเคาเตอร์ครัว เหมือนร้านอาหารเลย ขนาด 3*3 แบบจุกใจอะ วางอาหารได้สบายๆ ให้ทางบริษัทออกแบบเคาเตอร์ครัวให้ พร้อมกับออกแบบเคาเตอร์กลางครัวไว้วางอาหารก่อนนำมาไว้ที่โต๊ะกับข้าวด้วย จำได้ว่า แค่เคาเตอร์ครัว กับ เคาเตอร์กลางครัว 2 อย่างนี้ หมดเงินไปเป็นแสน+ ติดเครื่องดูดควันอาหาร เวลาทำกับข้าว รวมๆแล้วห้องครัว หมดค่าทุกอย่างเกือบ 3 แสน รวมตู้เย็น 2 อันนั้นด้วย

ตู้เย็นประตูเดียวเก่าๆที่ใช้มาแล้ว10ปี ผมขายทิ้งเพราะเก่ามาก ขอบยางหลุดปุ๊ป ผมยกให้วัดเลย ไปส่งถึงที่ ยังใช้งานได้แต่ผมอยากเปลี่ยน
ซื้อแบบ side by side ไปเลย 1 ตัว  แล้วอีกตัวก็ของฮิตาชิ 22คิว อีก1ตัว รวม2ตัว แต่ถึงจนตอนนี้ยังแทบไม่พอใส่ ยัดๆเต็มตู้ ฮ่า ๆ 

ขะโลกโคกครัว เครื่องครัวต่างๆ อะไรเก่าๆใช้มาเกิน7-8ปี ผมจับใส่กล่องๆๆ
แล้วขายให้ร้านรับซื้อของเก่าจนเกลี้ยง แล้วรับผิดชอบโดยการซื้อของใหม่เข้ามาแทน 

เมื่อก่อนที่บ้านไม่มีตู้กับข้าว เวลาทำกับข้าวเสร็จ ก็จะเอามาวางไว้บนโต๊ะกับข้าวน้อยๆ
แล้วเอาฝาชีสีชมพูครอบไว้ ผมเลยซื้อตู้กับข้าวทันที จะได้ไม่ต้องเอาไปวางบนนั้น ซึ่งสุดท้ายแมงหวี่ก็มาตอม มันเข้าได้
พอซื้อตู้กับข้าวมา หมดปัญหานี้ไป 

ผมรีโนเวทห้องน้ำให้พวกแกเปลี่ยนใหม่หมด ทำเป็น 2 ห้อง โซนแห้งกับโซนอาบน้ำ 
เมื่อก่อนจะเป็นพื้นปูนเปลือย เดินแล้วหยาบๆสากๆเท้า ผมรีโนเวทปูพื้นกันลื่นสำหรับผู้ป่วยชนิดพิเศษ แต่สามารถล้างทำความสะอาดได้
ทั่วห้องน้ำ ให้คนสูงอายุในบ้านใช้กัน จะได้เดินเหินสะดวก ไม่เสี่ยงลื่นล้มอันตราย

แล้วห้องน้ำด้วยความที่ว่า ห้องน้ำเดิมพื้นที่มันโล่งมาก บ้านสมัยก่อนจะชอบอยู่กันโล่งๆ ขนาด 3*3 ได้  
ติดอ่างล้างหน้า ตู้ลอยเก็บของ ติดกระจก ตกแต่งเอาแจกันดอกไม้มาวาง ให้พวกเขาเข้าห้องน้ำแล้วก็ยังมีความสุข
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว ห้องน้ำชั้นล่าง คนในบ้านจะเป็นคนใช้

ชักโครก จากที่ต้องนั่งยองๆ คอห่าน ด้วยอายุคนที่บ้านเยอะ ผมรื้อใหม่เป็นชักโครก สำหรับผู้สูงอายุโดยเฉพาะ
และติดราวสแตนเลสช่วยผยุงตั้งแต่ทางเข้าห้องน้ำจนถึงชักโครก ตรงข้างๆชักโครกก็ติดราวสแตนเลสช่วยผยุงอีก 2 ฝั่ง คือให้แกช่วยเหลือตัวเองได้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่พวกแกจะทำได้ เพราะตัวเองผมก็ต้องทำงานอยู่หน้าคอมตลอด จึงค่อยมีเวลาออกมาเดินดูคนในบ้านเท่าไหร่ ออกมาได้เป็นครั้งคราว

ห้องโถง เมื่อก่อนแกจะนั่งเก้าอี้คนละตัว เป็นแบบเอนตัวไปข้างหลังได้ ทีวีเป็นเครื่องสีดำ แบบอะนาลอก 
ตอนรีโนเวทบ้าน แผนผมคือ รื้อใหม่ให้หมด ซื้อชุดตู้วางทีวี และชั้นวางหนังสือให้ตาด้วย ตาชอบอ่านหนังสือมาก 
แกสายตาดีอยู่ สำหรับอายุ 86 ถ้าวัยเดียวกันคือใส่แว่นตาหมดแล้วทั้งนั้น แต่ตาผมยังมองเห็นชัดทุกอย่าง 
ตาชอบมาก ตื่นเช้ามาผมจะเห็นตานั่งอ่านหนังสือและหัวเราะเสมอ มันทำให้ผมมีกำลังใจทำงานทุกวันเลยนะ 

ส่วนคุณยายนอนดูทีวีสบายมากขึ้น เพราะผมซื้อเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้ คนละตัว 3คน ตายายแม่ ใช้ทุกวันครับ 
เมื่อก่อนแม่ผมชอบบ่นว่าปวดหลัง ตั้งแต่ได้เก้าอี้นวดไฟฟ้ามา แม่ไม่บ่นปวดหลังอีกเลย แกชอบมาก ผมดีใจที่แม่ไม่ปวดหลังแล้ว

ทีวีจากจอน้อยๆ สีดำ ภาพลายๆซีดๆ 
ผมเปลี่ยนเป็นของ samsung 75'' ให้พวกแกดูชัดๆ สบายตา สะใจกันไปเลย พวกแกชอบดูละครช่อง7 กับรายการธรรมมะ 
ไม่ต้องวางทีวีบนโต๊ะให้ฝุ่นลอยมาเกาะอีกแล้ว ผมซื้อชุดวางทีวีให้แก พอมีตู้วางทีวี ทุกชั้นเต็มไปด้วยหนังสือฟิกเกอร์ของผมเอง ฮ่าๆ 
บรรยากาศห้องโถงหน้าทีวีเปลี่ยนไปเยอะ ผมซื้อโซฟามาวาง แต่งห้องโถงให้น่าอยู่ขึ้น ดูมีระดับ ฮ่าๆ ๆ

ส่วนห้องน้ำส่วนตัวของผมชั้นบน (ผมนอนชั้นบน)
เรียกได้ว่าจัดเต็มแน่นอน ผมเอาเงินมาใช้อัพเกรดคุณภาพชีวิต หมดไปเยอะเหมือนกัน แบบสนองความไม่เคยมีเหมือนคนอื่นของตัวเอง
ดูยูปมาเยอะ กับเรื่องบ้านๆ ตกแต่งบ้าน พอถึงเวลาเราไปถึงจุดที่ต้องเปลี่ยนบ้าง ก็เลยทุ่มเต็มที่ แบบไม่เสียดายเงินเดือนทั้งปีเลย เรียกได้ว่า เงินเดือนทั้งปีก็ครึ่งล้านนิดๆ ยกให้บ้านหลังนี้หมด แบบไม่เสียดาย ฮ่าๆ เพราะได้กลับมาเป็นสิ่งของและความสุขแบบคุ้มจริงๆ 

กำลังวางแผนจะติดกล้องวงจรปิดในบ้าน และติดสัญญาณขอความช่วยเหลือสำหรับผู้ป่วยด้วย 

*************************************
*************************************
ตั้งแต่ที่ผมได้สิทธิ์จากบริทัทให้มาทำงานอยู่บ้านแบบเต็มตัว จนมาถึงตอนนี้ 
ผมเป็นคนเปลี่ยนทุกอย่างภายในบ้านหมดเลย ใช้เงินผมทุกบาท

เฟอร์นิเจอร์เก่าๆในบ้าน ที่พวกแกใช้มา 15-20 ปี ผมคุยกับพวกเขา ถ้าเขาอนุญาต ผมเอาออกทันที
เพราะมันเก่ามากๆจนแทบใช้งานไม่ได้ ผมเอาออกหมด แล้วซื้อให้พวกแกใหม่ ไม่ว่าจะเป็น เตียง ที่นอน ตู้เสื้อผ้า ตู้เย็น ทีวี

ผมทำงานมาเรื่อยๆ ได้2ปีนิดๆ พอเข้าปีที่แล้วคือปีที่3 ผมเริ่มเอาเงินเก็บมาใช้
ใช้แบบไม่เสียดาย เพราะคิดแล้วว่าจะเอาไปทำอะไรให้คุ้มค่าระยะยาวและไม่เสียดายภายหลัง ซึ่งผมก็คิดถูก ตัดสินใจได้ถูกทางจริงๆ
คนที่บ้านมีความสุขขึ้น เหมือนอยู่บ้านหลังใหม่ ทุกเช้าตื่นขึ้นมาเจอหน้ากันก็ยิ้มให้กัน
ปกติก็ยิ้มให้กันอยู่แล้ว แต่พอทุกอย่างรอบๆตัวมันดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน มันน่าอยู่ มองแล้วมีความสุขครับ มันทำให้รู้สึกดีมากขึ้นกว่าเดิม

บ้านผมเป็น 2 ชั้นนะครับ เมื่อก่อนชั้นล่างจะเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้
แต่หลังจากที่ผมมาอยู่ ผมทำใหม่แบบปูนทั้งหลังแล้วครับ

งบที่ผมรีโนเวทบ้านทั้งหลัง รวมถึง ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องโถง ระเบียงหน้าบ้าน ก็เกือบๆ 4 แสน
เฟอร์นิเจอร์ก็ทั้งหมดทุกชิ้น ราวๆ 5 แสนกว่าบาท รวมๆก็เกือบล้านครับที่หมดไป แต่ซื้อความสุขและสบายใจมาให้คนที่บ้านได้กลับมาเต็มๆ
เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไรครับ แต่คิดว่าปีนี้ก็เก็บใหม่ได้ ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวสิ้นปีก็ได้ค่ารีโนเวท4แสนกว่าครบแล้ว ฮ่าๆ ๆ 
ส่วนค่าเฟอร์นิเจอร์ผมคิดว่าทุกอย่างมีอายุการใช้งานที่สั้นกว่ารีโนเวทบ้าน ผมเลยไม่ได้คิดมากเรื่องนั้น อะไรพังก็ซื้อใหม่ เพราะทุกชิ้นซื้อแต่ของดีมีคุณภาพครับ อายุการใช้งานยาวนาน 10 ปีขึ้นก็คุ้มค่าที่จะซื้อมา

ตอนนี้ คงจะมีแค่สวนหลังบ้าน ที่ยังไม่ได้ทำอะไร
อนาคตก็ไม่แน่ อาจจะซื้อบ้านน็อคดาวน์สักหลังมาไว้ประดับสวน นอนเล่นชิวๆ เวลาวันเกิดผม ก็จะได้ใช้ตรงนี้เป็นพื้นที่กินอะไรกับเพื่อนๆไม่ต้องไปนั่งหน้าบ้านให้ใครมองมาว่าบ้านนี้กินเหล้ากันอีกแล้ว ฮ่าๆ
แต่ก็ต้องคิดดูก่อนว่ามันมีข้อดีข้อเสีย การดูแลรักษายังไง ค่อยว่ากัน

เพื่อนๆมาแชร์กันได้ครับ เผื่อผมจะได้ไอเดียแต่งบ้านเพิ่ม ฮ่าๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่