ไล่เรียงเหตุการนะครับ
1. ประมาณปี 2665 นายเอ พานายบีมาหาคนในหมู่บ้าน โดยแจ้งว่า รัฐมีโครงการช่วยเหลือคนที่ไม่มีหนี้และไม่สามารถชำระได้ โดยให้ทำการสมัครและยืนยันด้วยบัตรประชาชน
2. นายซี ซึ่งเป็นสมาชิกในหมู่บ้าน มีรถและมีหนี้เลยสนใจและตัดสินใจสมัคร นายซีไม่รู้หนังสือ โดยมีการลงลายมือชื่อ และทางนายบีได้นำบัตรประชาชนของนายซีไปเป็นเวลา 2 วัน
3. มีการตกลงว่า นายบีจะดำเนินการเรื่องเอกสารทุกอย่างให้ โดยจะได้ 15,000 และจะแบ่งเงินกันคือ นทยบีได้ 5,000 นายเอได้ 2,000 และนายซีได้ 8,000
4. มีการโอนเงิน 8,000 ให้นายซีจริง
5. พอมากลางปี 66 มีหมายเรียกมายังนายซี ว่าได้ไปกู้เงิน ธนาคารหนึ่ง ด้วยวิธีออนไลน์ และได้มีการกู้เงินจำนวน 1,000,000 บาท จากธนาคารนี้ ธนาคารจึงแต่งตั้งทนายเพื่อบังคับให้นายบีชดใช้
6. นายซีได้ไปขึ้นศาล 3 ครั้ง และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้กู้เงิน มีทนายแก้ต่างให้ (จ้างทยายไป 20,000)
7. ครั้งที่ 4 ศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินว่า นายซีมีความผิดให้ชดใช้ตามที่โจทก์เรียก สรุปตามนี้คือ 1. นายซีมีการเปิดบัญชีออนไลน์ (โดนหลอกให้เปิด)
2. นายซีมีการยื่นเอกสารจดทะเบียนการค้า ตั้งแต่ปี 60 (นายซียืนยันไม่เคยจดทะเบียน)
3. นายซีมีการแนบ statement เงินเข้าเดือนละ 30,000 (ไม่ใช่ statement ของนายซี)
4. นายซีทำการขอกู้เงินกับธนาคาร (นายซีไม่เคยขอกู้เงิน เอกสารขอกู้เงินนายซีไม่เคยเห็น แต่ดันมีลายเซ็นนายซี)
5. ธนาคารอนุมัติเงินกู้ 1,000,000 บาท
6. นายซีไม่ยอมจ่ายเงินค่างวด
7. ธนาคารทวงถาม แต่ไม่ยอมจ่าย จึงมาฟ้องศาล
ศาลสรุปว่า พยานหลักฐานโจทก์ เช่น ใบสมัครขอสินเชื่อ มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจำเลย ขอกู้เงินจริง เพราะ “ลายเซ็น” คล้ายกับลายเซ็นที่จำเลยเซ็นเพื่อแต่งตั้งทนาย พิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินตามโจทก์ฟ้องจนกว่ายะจ่ายหมดพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี คำให้การพยานมีเพียงคำพูดว่าไม่ได้กู้ ซึ่งไม่สามารถหักล้างกับพยานฝ่ายโจทก์ได้
กรณีนี้ ข้อเท็จจริงคือ จำเลยโดนหลอกจริง ทนายจำเลยแทบไม่ทำอะไรเลย พอจะมีแนวทางยังไงบ้างครับ คดีอยู่ที่ศาลจังหวัดตาก คดีแพ่ง
ตอนนี้ได้แจ้งตำรวจว่า มีการปลอมแปลงเอกสารพวกนี้ รวมถึงทางตำรวจได้โทรสอบถามพนักงานที่ทำการรับสมัครด้วย มีการคุยกันระหว่างจำเลยกับพนักงาน พนักงงานแจ้งว่า ให้ฟ้องคดีและนำหมายส่งไปยังบริษัทฯเพื่อพิสูจน์หลักฐานกัน
มีปรึกษาทนายที่รับผิดชอบว่าขอพิสูจน์ลายเซ็น แต่ทนายบอกว่ามันยุ่งยาก
อุทธรณ์คดีแพ่ง ต้องเสียค่าอะไรบ้าง ทนายแจ้งว่า ต้องจ่าย 20,000 เพื่อยื่นอุทธรณ์ รวมถึงแนวทาง
1. ประมาณปี 2665 นายเอ พานายบีมาหาคนในหมู่บ้าน โดยแจ้งว่า รัฐมีโครงการช่วยเหลือคนที่ไม่มีหนี้และไม่สามารถชำระได้ โดยให้ทำการสมัครและยืนยันด้วยบัตรประชาชน
2. นายซี ซึ่งเป็นสมาชิกในหมู่บ้าน มีรถและมีหนี้เลยสนใจและตัดสินใจสมัคร นายซีไม่รู้หนังสือ โดยมีการลงลายมือชื่อ และทางนายบีได้นำบัตรประชาชนของนายซีไปเป็นเวลา 2 วัน
3. มีการตกลงว่า นายบีจะดำเนินการเรื่องเอกสารทุกอย่างให้ โดยจะได้ 15,000 และจะแบ่งเงินกันคือ นทยบีได้ 5,000 นายเอได้ 2,000 และนายซีได้ 8,000
4. มีการโอนเงิน 8,000 ให้นายซีจริง
5. พอมากลางปี 66 มีหมายเรียกมายังนายซี ว่าได้ไปกู้เงิน ธนาคารหนึ่ง ด้วยวิธีออนไลน์ และได้มีการกู้เงินจำนวน 1,000,000 บาท จากธนาคารนี้ ธนาคารจึงแต่งตั้งทนายเพื่อบังคับให้นายบีชดใช้
6. นายซีได้ไปขึ้นศาล 3 ครั้ง และยืนยันว่าตัวเองไม่ได้กู้เงิน มีทนายแก้ต่างให้ (จ้างทยายไป 20,000)
7. ครั้งที่ 4 ศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินว่า นายซีมีความผิดให้ชดใช้ตามที่โจทก์เรียก สรุปตามนี้คือ 1. นายซีมีการเปิดบัญชีออนไลน์ (โดนหลอกให้เปิด)
2. นายซีมีการยื่นเอกสารจดทะเบียนการค้า ตั้งแต่ปี 60 (นายซียืนยันไม่เคยจดทะเบียน)
3. นายซีมีการแนบ statement เงินเข้าเดือนละ 30,000 (ไม่ใช่ statement ของนายซี)
4. นายซีทำการขอกู้เงินกับธนาคาร (นายซีไม่เคยขอกู้เงิน เอกสารขอกู้เงินนายซีไม่เคยเห็น แต่ดันมีลายเซ็นนายซี)
5. ธนาคารอนุมัติเงินกู้ 1,000,000 บาท
6. นายซีไม่ยอมจ่ายเงินค่างวด
7. ธนาคารทวงถาม แต่ไม่ยอมจ่าย จึงมาฟ้องศาล
ศาลสรุปว่า พยานหลักฐานโจทก์ เช่น ใบสมัครขอสินเชื่อ มีน้ำหนักให้เชื่อว่าจำเลย ขอกู้เงินจริง เพราะ “ลายเซ็น” คล้ายกับลายเซ็นที่จำเลยเซ็นเพื่อแต่งตั้งทนาย พิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินตามโจทก์ฟ้องจนกว่ายะจ่ายหมดพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี คำให้การพยานมีเพียงคำพูดว่าไม่ได้กู้ ซึ่งไม่สามารถหักล้างกับพยานฝ่ายโจทก์ได้
กรณีนี้ ข้อเท็จจริงคือ จำเลยโดนหลอกจริง ทนายจำเลยแทบไม่ทำอะไรเลย พอจะมีแนวทางยังไงบ้างครับ คดีอยู่ที่ศาลจังหวัดตาก คดีแพ่ง
ตอนนี้ได้แจ้งตำรวจว่า มีการปลอมแปลงเอกสารพวกนี้ รวมถึงทางตำรวจได้โทรสอบถามพนักงานที่ทำการรับสมัครด้วย มีการคุยกันระหว่างจำเลยกับพนักงาน พนักงงานแจ้งว่า ให้ฟ้องคดีและนำหมายส่งไปยังบริษัทฯเพื่อพิสูจน์หลักฐานกัน
มีปรึกษาทนายที่รับผิดชอบว่าขอพิสูจน์ลายเซ็น แต่ทนายบอกว่ามันยุ่งยาก