เราตึงกับการใช้เงินของแฟนมากเกินไปหรือเปล่า

เรากับแฟนคบกันมาสิบกว่าปี แต่งงานจดทะเบียนแล้วและกำลังจะมีลูก(เราท้องอยู่) เรื่องเกิดจากแฟนบอกว่าเค้าจองรถมอเตอร์ไซค์ราคาประมาณ 580k  ซึ่งปีที่แล้วเราเคยทะเลาะกันเรื่องซื้อมอเตอร์ไซค์ไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นเค้าอยากได้รุ่นที่ราคาประมาณ 480k โดยให้เหตุผลว่าใช้ขับไปทำงาน ข้อนี้เราเข้าใจเพราะบ้านเราไกลและรถยนต์มันติดมาก แต่ราคามันแพงเกินความจำเป็น สุดท้ายจบที่ราคา 280k ซึ่งตอนนี้ยังผ่อนไม่หมด


กลับมาที่ปัจจุบันสิ่งที่ทำให้เราเครียดมากคือทัศนคติของเค้า พอรู้เรื่องจองรถในหัวเรามีแต่ความคิดวนเวียนว่าทั้งๆที่กำลังจะมีลูก ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงต้องสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น ส่วนเค้าเองก็ไม่เข้าใจเรา เค้าบอกว่ามันเป็นเงินเค้าทำไมถึงใช้ไม่ได้ เค้าผ่อนไหว เค้าแบ่งเงินไว้แล้วส่วนไหนจ่ายค่าอะไรบ้าง การใช้ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไป เรื่องนี้กับเรื่องลูกไม่เกี่ยวกันไม่กระทบกัน ( อธิบายเพิ่มเรื่องซื้อรถไม่กระทบชีวิตในมุมของเค้าหมายถึง สมมติเค้าแบ่งเงินไว้ให้ลูกเดือนละ 5000 บาท ซื้อรถแล้วเงินของลูกก็ได้เท่าเดิม ไม่ได้ลดลง หรือเคยกินข้าวมื้อละ 100 ก็ยังกินมื้อละ 100 เท่าเดิมประมาณนี้ค่ะ แต่การที่เอาเงินเก็บมาดาวน์รถไม่คิดนะ - -“)


สุดท้ายจากที่เราทะเลาะกันสรุปคือเราสองคนคืดไม่เหมือนกัน ในมุมเราคือกำลังจะมีลูกทำไมต้องสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นเพียงเพื่อสนองกิเลศตัวเอง อีกอย่างเราเป็นคนซีเรียสเรื่องการใช้เงิน คือ ถ้ารายได้ไม่เพิ่มแต่รายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพิ่มเราจะรู้สึกไม่โอเค


ในมุมเค้า  มันคือความสุข เงินเค้า ทำไมจะทำสิ่งที่ชอบไม่ได้ ทำแล้วชีวิตไม่ได้ลำบาก เราคิดมากเกินไปและชอบจำกัดการใช้ชีวิตเค้า เค้าต้องรอจนแก่มั้ยถึงจะมีความสุขได้


ไม่รู้ว่านี่เป็นการเข้าข้างตัวเองมั้ยแต่เราว่าเราก็ใช้เหตุผลระดับนึง ไม่ได้จะห้ามไปทุกอย่าง ถ้ามันสมเหตุสมผลกับฐานะและรายได้เราก็ไม่ชีเรียสถ้าเค้าจะซื้อความสุขส่วนตัวบ้าง ถ้าวันนี้เค้ามาบอกว่าอยากได้ ps5 เราจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หรือถ้ารายได้เค้ามากกว่านี้ ที่บ้านฐานะร่ำรวยเราก็จะไม่คิดมากเท่านี้


เราอยากถามความเห็นท่านอื่นสรุปแล้วเราตึงเกินไปจริงมั้ยหรือถ้าเป็นคนปกติที่ไม่ได้ร่ำรวยการซื้อรถตอนจะมีลูกเป็นการกระทำที่ไม่เข้าท่า
เราปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้คิดมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่อยากเครียดให้ส่งผลเสียกับลูก ถ้ามันผิดที่เรา เราก็อยากปรับมายด์เซ็ทตัวเองหรือใครมีวิธีปล่อยวางทำใจก็แนะนำให้ด้วยนะคะ


ปล.แฟนมีเงินเดือนรวมโอทีประมาณ 60k มีภาระผ่อนบ้าน น้ำ ไฟ รถคันเก่า ประมาณ 16k พื้นฐานที่บ้านฐานะปานกลางต่างคนต่างดูแลตัวเอง และเงินที่ใช้ซื้อรถเป็นเงินแฟนคนเดียว
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 32
จขกท.นะคะ ขอบคุณทุกควาทเห็นมากๆค่ะ เราอ่านทุกคน จะขอเล่าเพิ่มเติมในคอมเม้นนี้นะคะ


- จขกท.ก็ทำงานนะคะ แยกกระเป๋ากัน รายได้น้อยกว่าแฟนแต่ก็ดูแลตัวเองได้ ไม่เคยรบกวนเงินแฟน


- แฟนมีรถยนต์เก่าผ่อนหมดแล้วอยู่1คันค่ะ ค่าบำรุงมีมาเรื่อยๆ เราช่วยกันคนละครึ่ง


- มอเตอร์ไซค์คันเก่ายังผ่อนต่อค่ะ เพราะใช้เป็นหลักเอาไว้ไปทำงาน จะไม่ขาย อาจจะโปะให้หมดเหลือยอดประมาณ 50k


- คันใหม่ ซื้อเพราะชอบ เพราะเป็น passion ในการหาเงิน(เค้าว่างั้น) คันนี้เอาไว้ขี่เที่ยว ขี่เล่น (ในใจเราคิดว่าจะได้ขี่ตอนไหน เราท้องอยู่เค้าไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ลูกคลอดออกมาก็ไปไม่ได้ ต้องรอลูกโตอีกตั้งนาน แต่ไม่พูดอะไรไป)


- ถ้ามีปัญหาการเงินเค้าพร้อมขายรถไหม
เมื่อวานตอนทะเลาะเค้าก็พูดว่าถ้ามีปัญหาจะขายทิ้งเลย ที่ผ่านมามันก็มีบางเรื่องที่เค้าพูดแล้วทำได้กับบางเรื่องที่พูดแล้วแต่ยังไม่ทำ เราเลยไม่ได้ให้น้ำหนัก100% แต่ก็คิดว่าเค้ายอมขายได้ เค้าพูดอยู่ว่าคันนี้ไม่อยากให้ไมล์เยอะเวลาขายราคาจะได้ไม่ตกเยอะ (แต่เรารู้จักเค้าดี ไอ้เรื่องไม่อยากให้ราคาตกเนี่ย ในหัวเค้าน่าจะวางแผนขายเพราะเบื่อมากกว่าขายเพราะจำเป็นเรื่องเงิน)


- คันใหม่ผ่อนเท่าไร กี่ปี
เค้าบอกว่าผ่อน 5 ปี แต่ต่อเดือนเราไม่แน่ใจแต่ไม่ถึงหลักหมื่นค่ะ (จุดนี้เราก็คิดนะ ต้องเป็นหนี้นาน 5 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่ลูกจะเข้าโรงเรียนด้วย นิสัยคิดมากมันเอาทุกอย่างมาคิดได้จริงๆ T T)


- มีสมาชิกแนะนำให้ลองคุยยืดเวลาซื้อ ให้คิดทบทวนคชจ.ดีๆก่อน
เราลองเสนอตอนทะเลาะกันไปแล้วค่ะ เราเสนอว่าถ้าเงินเท่าเดิมรายจ่ายเพิ่มเราไม่โอเค เอางี้มั้ยเธอลองหารายได้เสริมหรือหางานใหม่ เงินที่เพิ่มขึ้นอยากเอาไปทำอะไรก็ทำเลย เราก็จะไม่เอามาคิดมาก คำตอบคือ เราก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง(หมายถึงตอนคันแรกเราก็ทะเบาะแนวนี้) แล้วเมื่อไรจะได้มีความสุข ต้องรอจนแก่มั้ย เดี๋ยวรอไปอีกก็มีเหตุผลอื่นอีก สุดท้ายคือเค้าไม่รอค่ะ


- เรื่องมีลูกยอมรับว่าไม่ได้คุยกันอย่างละเอียดค่ะ ว่าจะใช้เงินเท่าไร อะไรยังไง แต่คนอยากมีมากกว่าคือแฟน เราเองก็อยากแต่ลึกๆก็ยังไม่มั่นใจเพราะเรื่องเงิน(รู้สึกส่วนตัวว่ายังไม่พอ แต่เอาจริงๆก็คิดว่าเลี้ยงให้ดีได้ตามกำลังค่ะ) เรื่องนิสัยแฟนเป็นคนแข็งๆไม่ค่อยเอาใจ กลัวตอนท้องไม่มีคนตามใจ555 แต่พวกนี้มันเรื่องยิบย่อย จริงๆเราไม่ได้ซีเรียสมาก เลยลองปล่อยดู มีก็มี ไม่มีก็ไม่เป็นไร สึดท้ายก็ได้มาก 1 คน🥹 จนมาเจอเรื่องซื้อรถนี่แหละค่ะที่เราเป๋เลย ถ้ารู้ว่าเค้าจะทำแบบนี้เรากล้าพูดเลยว่าจะไม่ปล่อยให้มีลูกแน่นอนค่ะ จะให้เค้าไปมีความสุขในสิ่งที่เค้าชอบก่อน ถ้าทำให้เราวางใจได้เมื่อไรค่อยมาคิดเรื่องลูกอีกที ช่วงเวลาที่ใช้รถคนแรกมันเหมือนช่วงคลื่นลมสงบ เราคิดว่าเค้าได้แล้วน่าจะพอใจแล้ว เค้าจะแต่งจะติดอะไรเราไม่เคยว่า วางใจจนคิดว่าถ้ามีสมาชิกอีกคนก็ไม่เป็นไรหรอก พอเจอเรื่องนี้เข้าไปมันเหมือนโดนคลื่นลูกใหม่ซัดมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้


หลังจากอ่านความเห็นของทุกคน ตอนนี้เราใจเย็นลงระดับนึงแล้วค่ะ เห็นมุมมองหลายๆคนที่แตกต่างกัน ช่วยให้เราไม่หมกมุ่นกับแค่ความคิดตัวเอง เดี๋ยวจะเอาคำแนะนำเรื่องเงินไปคุยกับเค้าดู เรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าตัวเลขที่เค้าวางไว้สำหรับลูกคือเท่าไร (5000 เราสมมติขึ้นมาเองค่ะ)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 7
คุณคิดถูกแล้ว ทัศนคติของคนไทยจำนวนมากรวมทั้งแฟนคุณผิด
ไม่ใช่แค่ผ่อนไหวเท่ากับซื้อได้ เคยคิดถึงสภาพคล่อง กับเงินเกษียณบ้างรึป่าว

เหลือเงินเดือน30kกว่าๆ จะเลี้ยงลูกยังไง แทนที่จะให้ลูกเอาไปลงรถ ไหนจะเงินเก็บ
ความคิดเห็นที่ 34
ไลฟ์สไตล์ต่างกันครับมันมีคนแบบสามี จขกท. เยอะครับในสังคมใบนี้ คนที่เลือกใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในปัจจุบันให้มีความสุขมากกว่าเลือกมองอนาคตข้างหน้า แต่หลายคนในกลุ่มคนประเภทนี้ พอเจอวิกฤติขาดรายได้ยาว ๆ  หรือ เมื่อไกล้เข้าวัยชรา เพิ่งจะเริ่มคิดได้ว่าต้องสะสมเงินทอง แต่มันช้าเกินไปแล้ว เงินในอดีตที่ใช้ไปกลายเป็นซาก กองขยะเทคโนโลยี หรือความทรงจำที่ผ่านไปแล้ว

จขกท.จะเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตคนมันยากพอควรนะ เพราะคนที่เป็นแบบสามี จขกท มีมากกว่า 70 % ในสังคมใบนี้ครับ

ทางที่ดี จขกท. แบ่งเงินตัวเองมาออมให้ตัวเองให้ลูกในอนาคต ดีกว่าไปหัวเสียเปลี่ยนนิสัยฟุ่มเฟือยของคนอื่น

ผมเองใข้ชีวิตในโหมดแบบที่จขกท. อยากให้เป็นตลอดเวลา เกือบ 30 ปี  จากเกิดมาจน ๆ ปัจจุบันรวยแล้วครับมีสินทรัพยระดับ 8-9 หลัก  ไม่เคยเป็นหนี้ มีเงินส่งลูกเรียน โรงเรียนดี ๆ สามารถส่งลูกไปเรียน ต่างประเทศได้ ก็เพราะความประหยัดและมองอนาคตนี่แหละ แต่ ภรรยาผม อยู่ในโหมดฟุ่มเฟือยแบบสามี จขกท.นั่นแหละ มันเลยทำให้ผมเข้าใจ วิธีคิดคนได้

จขกท. ต้องบริหารชัวิตตัวเองให้ได้ หาเงินเอง ออมเอง  เอาอนาคตลูกมาอยู่ที่ตัวเอง อย่าไปฝากสามี เพราะผมบอกตามตรงนะ คนที่คิดซื้อมอเตอร์ไซค์ คันละ 5-6แสนบาทได้ในขณะที่ตัวเองไม่รวย คนนี้ระดับความฟุ่มเฟือยอยู่ในขั้นเกือบสุดขีดแล้วครับ ทำใจได้เลย แก้ยากครับ
ความคิดเห็นที่ 3
เค้าถูกในมุมเขา
คุณถูกในมุมคุณ

เอาจริงคือ มาสร้างครอบครัวกันได้ไงทั้ง ๆ ที่ทัศนคติเรื่องชีวิตคู่ต่างกันขนาดนี้
ความคิดเห็นที่ 22
แฟนคุณทำถูกแล้ว​ กันเงินแต่ละส่วนไว้ชัดเจน​ ไม่กระทบกองกลาง
แต่เค้าวางแผนแค่ระยะสั้น​ ไม่เผื่อการเปลี่ยนแปลงหรือฉุกเฉิน

ส่วนคุณมองว่าของที่เขาซื้อ​ มันไม่จำเป็นขนาดนั้น​ เงินฉุกเฉิน​ เงินกองกลางที่มากขึ้น​ สำคัญกว่า

การเงินครอบครัวต้องแบ่งให้ได้สามส่วน
เงินฉัน​ เงินเธอ​ เงินกองกลาง
แต่ละส่วนควรมีเผื่อสำรองฉุกเฉินด้วย

ถ้าอยู่ๆ​ ต้องใช้เงินฉุกเฉิน​ เช่นซ่อมรถ​ หรือคนที่บ้านป่วย​ มีสำรองส่วนนี้แล้วใช่มั้ย

ว่าแต่เงินเลี้ยงลูก​ เดือนละ5000 พอใช่มั้ย

การคุยกับเค้า​ ตอนนี้คงคุยยาก​ เพราะไม่เห็นปัญหา​ ทำบัญชีไว้ดีๆ​ คุยแบบใจเย็น​ พอมีปัญหา​ ให้เอาข้อมูลตัวเลขมาคุยกัน​ ว่าผลกระทบจากอะไร​ แก้ไขยังไงได้บ้าง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่