คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 32
จขกท.นะคะ ขอบคุณทุกควาทเห็นมากๆค่ะ เราอ่านทุกคน จะขอเล่าเพิ่มเติมในคอมเม้นนี้นะคะ
- จขกท.ก็ทำงานนะคะ แยกกระเป๋ากัน รายได้น้อยกว่าแฟนแต่ก็ดูแลตัวเองได้ ไม่เคยรบกวนเงินแฟน
- แฟนมีรถยนต์เก่าผ่อนหมดแล้วอยู่1คันค่ะ ค่าบำรุงมีมาเรื่อยๆ เราช่วยกันคนละครึ่ง
- มอเตอร์ไซค์คันเก่ายังผ่อนต่อค่ะ เพราะใช้เป็นหลักเอาไว้ไปทำงาน จะไม่ขาย อาจจะโปะให้หมดเหลือยอดประมาณ 50k
- คันใหม่ ซื้อเพราะชอบ เพราะเป็น passion ในการหาเงิน(เค้าว่างั้น) คันนี้เอาไว้ขี่เที่ยว ขี่เล่น (ในใจเราคิดว่าจะได้ขี่ตอนไหน เราท้องอยู่เค้าไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ลูกคลอดออกมาก็ไปไม่ได้ ต้องรอลูกโตอีกตั้งนาน แต่ไม่พูดอะไรไป)
- ถ้ามีปัญหาการเงินเค้าพร้อมขายรถไหม
เมื่อวานตอนทะเลาะเค้าก็พูดว่าถ้ามีปัญหาจะขายทิ้งเลย ที่ผ่านมามันก็มีบางเรื่องที่เค้าพูดแล้วทำได้กับบางเรื่องที่พูดแล้วแต่ยังไม่ทำ เราเลยไม่ได้ให้น้ำหนัก100% แต่ก็คิดว่าเค้ายอมขายได้ เค้าพูดอยู่ว่าคันนี้ไม่อยากให้ไมล์เยอะเวลาขายราคาจะได้ไม่ตกเยอะ (แต่เรารู้จักเค้าดี ไอ้เรื่องไม่อยากให้ราคาตกเนี่ย ในหัวเค้าน่าจะวางแผนขายเพราะเบื่อมากกว่าขายเพราะจำเป็นเรื่องเงิน)
- คันใหม่ผ่อนเท่าไร กี่ปี
เค้าบอกว่าผ่อน 5 ปี แต่ต่อเดือนเราไม่แน่ใจแต่ไม่ถึงหลักหมื่นค่ะ (จุดนี้เราก็คิดนะ ต้องเป็นหนี้นาน 5 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่ลูกจะเข้าโรงเรียนด้วย นิสัยคิดมากมันเอาทุกอย่างมาคิดได้จริงๆ T T)
- มีสมาชิกแนะนำให้ลองคุยยืดเวลาซื้อ ให้คิดทบทวนคชจ.ดีๆก่อน
เราลองเสนอตอนทะเลาะกันไปแล้วค่ะ เราเสนอว่าถ้าเงินเท่าเดิมรายจ่ายเพิ่มเราไม่โอเค เอางี้มั้ยเธอลองหารายได้เสริมหรือหางานใหม่ เงินที่เพิ่มขึ้นอยากเอาไปทำอะไรก็ทำเลย เราก็จะไม่เอามาคิดมาก คำตอบคือ เราก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง(หมายถึงตอนคันแรกเราก็ทะเบาะแนวนี้) แล้วเมื่อไรจะได้มีความสุข ต้องรอจนแก่มั้ย เดี๋ยวรอไปอีกก็มีเหตุผลอื่นอีก สุดท้ายคือเค้าไม่รอค่ะ
- เรื่องมีลูกยอมรับว่าไม่ได้คุยกันอย่างละเอียดค่ะ ว่าจะใช้เงินเท่าไร อะไรยังไง แต่คนอยากมีมากกว่าคือแฟน เราเองก็อยากแต่ลึกๆก็ยังไม่มั่นใจเพราะเรื่องเงิน(รู้สึกส่วนตัวว่ายังไม่พอ แต่เอาจริงๆก็คิดว่าเลี้ยงให้ดีได้ตามกำลังค่ะ) เรื่องนิสัยแฟนเป็นคนแข็งๆไม่ค่อยเอาใจ กลัวตอนท้องไม่มีคนตามใจ555 แต่พวกนี้มันเรื่องยิบย่อย จริงๆเราไม่ได้ซีเรียสมาก เลยลองปล่อยดู มีก็มี ไม่มีก็ไม่เป็นไร สึดท้ายก็ได้มาก 1 คน🥹 จนมาเจอเรื่องซื้อรถนี่แหละค่ะที่เราเป๋เลย ถ้ารู้ว่าเค้าจะทำแบบนี้เรากล้าพูดเลยว่าจะไม่ปล่อยให้มีลูกแน่นอนค่ะ จะให้เค้าไปมีความสุขในสิ่งที่เค้าชอบก่อน ถ้าทำให้เราวางใจได้เมื่อไรค่อยมาคิดเรื่องลูกอีกที ช่วงเวลาที่ใช้รถคนแรกมันเหมือนช่วงคลื่นลมสงบ เราคิดว่าเค้าได้แล้วน่าจะพอใจแล้ว เค้าจะแต่งจะติดอะไรเราไม่เคยว่า วางใจจนคิดว่าถ้ามีสมาชิกอีกคนก็ไม่เป็นไรหรอก พอเจอเรื่องนี้เข้าไปมันเหมือนโดนคลื่นลูกใหม่ซัดมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้
หลังจากอ่านความเห็นของทุกคน ตอนนี้เราใจเย็นลงระดับนึงแล้วค่ะ เห็นมุมมองหลายๆคนที่แตกต่างกัน ช่วยให้เราไม่หมกมุ่นกับแค่ความคิดตัวเอง เดี๋ยวจะเอาคำแนะนำเรื่องเงินไปคุยกับเค้าดู เรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าตัวเลขที่เค้าวางไว้สำหรับลูกคือเท่าไร (5000 เราสมมติขึ้นมาเองค่ะ)
- จขกท.ก็ทำงานนะคะ แยกกระเป๋ากัน รายได้น้อยกว่าแฟนแต่ก็ดูแลตัวเองได้ ไม่เคยรบกวนเงินแฟน
- แฟนมีรถยนต์เก่าผ่อนหมดแล้วอยู่1คันค่ะ ค่าบำรุงมีมาเรื่อยๆ เราช่วยกันคนละครึ่ง
- มอเตอร์ไซค์คันเก่ายังผ่อนต่อค่ะ เพราะใช้เป็นหลักเอาไว้ไปทำงาน จะไม่ขาย อาจจะโปะให้หมดเหลือยอดประมาณ 50k
- คันใหม่ ซื้อเพราะชอบ เพราะเป็น passion ในการหาเงิน(เค้าว่างั้น) คันนี้เอาไว้ขี่เที่ยว ขี่เล่น (ในใจเราคิดว่าจะได้ขี่ตอนไหน เราท้องอยู่เค้าไปเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว ลูกคลอดออกมาก็ไปไม่ได้ ต้องรอลูกโตอีกตั้งนาน แต่ไม่พูดอะไรไป)
- ถ้ามีปัญหาการเงินเค้าพร้อมขายรถไหม
เมื่อวานตอนทะเลาะเค้าก็พูดว่าถ้ามีปัญหาจะขายทิ้งเลย ที่ผ่านมามันก็มีบางเรื่องที่เค้าพูดแล้วทำได้กับบางเรื่องที่พูดแล้วแต่ยังไม่ทำ เราเลยไม่ได้ให้น้ำหนัก100% แต่ก็คิดว่าเค้ายอมขายได้ เค้าพูดอยู่ว่าคันนี้ไม่อยากให้ไมล์เยอะเวลาขายราคาจะได้ไม่ตกเยอะ (แต่เรารู้จักเค้าดี ไอ้เรื่องไม่อยากให้ราคาตกเนี่ย ในหัวเค้าน่าจะวางแผนขายเพราะเบื่อมากกว่าขายเพราะจำเป็นเรื่องเงิน)
- คันใหม่ผ่อนเท่าไร กี่ปี
เค้าบอกว่าผ่อน 5 ปี แต่ต่อเดือนเราไม่แน่ใจแต่ไม่ถึงหลักหมื่นค่ะ (จุดนี้เราก็คิดนะ ต้องเป็นหนี้นาน 5 ปี มันเป็นช่วงเวลาที่ลูกจะเข้าโรงเรียนด้วย นิสัยคิดมากมันเอาทุกอย่างมาคิดได้จริงๆ T T)
- มีสมาชิกแนะนำให้ลองคุยยืดเวลาซื้อ ให้คิดทบทวนคชจ.ดีๆก่อน
เราลองเสนอตอนทะเลาะกันไปแล้วค่ะ เราเสนอว่าถ้าเงินเท่าเดิมรายจ่ายเพิ่มเราไม่โอเค เอางี้มั้ยเธอลองหารายได้เสริมหรือหางานใหม่ เงินที่เพิ่มขึ้นอยากเอาไปทำอะไรก็ทำเลย เราก็จะไม่เอามาคิดมาก คำตอบคือ เราก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง(หมายถึงตอนคันแรกเราก็ทะเบาะแนวนี้) แล้วเมื่อไรจะได้มีความสุข ต้องรอจนแก่มั้ย เดี๋ยวรอไปอีกก็มีเหตุผลอื่นอีก สุดท้ายคือเค้าไม่รอค่ะ
- เรื่องมีลูกยอมรับว่าไม่ได้คุยกันอย่างละเอียดค่ะ ว่าจะใช้เงินเท่าไร อะไรยังไง แต่คนอยากมีมากกว่าคือแฟน เราเองก็อยากแต่ลึกๆก็ยังไม่มั่นใจเพราะเรื่องเงิน(รู้สึกส่วนตัวว่ายังไม่พอ แต่เอาจริงๆก็คิดว่าเลี้ยงให้ดีได้ตามกำลังค่ะ) เรื่องนิสัยแฟนเป็นคนแข็งๆไม่ค่อยเอาใจ กลัวตอนท้องไม่มีคนตามใจ555 แต่พวกนี้มันเรื่องยิบย่อย จริงๆเราไม่ได้ซีเรียสมาก เลยลองปล่อยดู มีก็มี ไม่มีก็ไม่เป็นไร สึดท้ายก็ได้มาก 1 คน🥹 จนมาเจอเรื่องซื้อรถนี่แหละค่ะที่เราเป๋เลย ถ้ารู้ว่าเค้าจะทำแบบนี้เรากล้าพูดเลยว่าจะไม่ปล่อยให้มีลูกแน่นอนค่ะ จะให้เค้าไปมีความสุขในสิ่งที่เค้าชอบก่อน ถ้าทำให้เราวางใจได้เมื่อไรค่อยมาคิดเรื่องลูกอีกที ช่วงเวลาที่ใช้รถคนแรกมันเหมือนช่วงคลื่นลมสงบ เราคิดว่าเค้าได้แล้วน่าจะพอใจแล้ว เค้าจะแต่งจะติดอะไรเราไม่เคยว่า วางใจจนคิดว่าถ้ามีสมาชิกอีกคนก็ไม่เป็นไรหรอก พอเจอเรื่องนี้เข้าไปมันเหมือนโดนคลื่นลูกใหม่ซัดมาแบบไม่ทันตั้งตัว แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้
หลังจากอ่านความเห็นของทุกคน ตอนนี้เราใจเย็นลงระดับนึงแล้วค่ะ เห็นมุมมองหลายๆคนที่แตกต่างกัน ช่วยให้เราไม่หมกมุ่นกับแค่ความคิดตัวเอง เดี๋ยวจะเอาคำแนะนำเรื่องเงินไปคุยกับเค้าดู เรายังไม่เคยคุยเรื่องนี้กันอย่างละเอียด ไม่รู้ว่าตัวเลขที่เค้าวางไว้สำหรับลูกคือเท่าไร (5000 เราสมมติขึ้นมาเองค่ะ)
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 34
ไลฟ์สไตล์ต่างกันครับมันมีคนแบบสามี จขกท. เยอะครับในสังคมใบนี้ คนที่เลือกใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยในปัจจุบันให้มีความสุขมากกว่าเลือกมองอนาคตข้างหน้า แต่หลายคนในกลุ่มคนประเภทนี้ พอเจอวิกฤติขาดรายได้ยาว ๆ หรือ เมื่อไกล้เข้าวัยชรา เพิ่งจะเริ่มคิดได้ว่าต้องสะสมเงินทอง แต่มันช้าเกินไปแล้ว เงินในอดีตที่ใช้ไปกลายเป็นซาก กองขยะเทคโนโลยี หรือความทรงจำที่ผ่านไปแล้ว
จขกท.จะเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตคนมันยากพอควรนะ เพราะคนที่เป็นแบบสามี จขกท มีมากกว่า 70 % ในสังคมใบนี้ครับ
ทางที่ดี จขกท. แบ่งเงินตัวเองมาออมให้ตัวเองให้ลูกในอนาคต ดีกว่าไปหัวเสียเปลี่ยนนิสัยฟุ่มเฟือยของคนอื่น
ผมเองใข้ชีวิตในโหมดแบบที่จขกท. อยากให้เป็นตลอดเวลา เกือบ 30 ปี จากเกิดมาจน ๆ ปัจจุบันรวยแล้วครับมีสินทรัพยระดับ 8-9 หลัก ไม่เคยเป็นหนี้ มีเงินส่งลูกเรียน โรงเรียนดี ๆ สามารถส่งลูกไปเรียน ต่างประเทศได้ ก็เพราะความประหยัดและมองอนาคตนี่แหละ แต่ ภรรยาผม อยู่ในโหมดฟุ่มเฟือยแบบสามี จขกท.นั่นแหละ มันเลยทำให้ผมเข้าใจ วิธีคิดคนได้
จขกท. ต้องบริหารชัวิตตัวเองให้ได้ หาเงินเอง ออมเอง เอาอนาคตลูกมาอยู่ที่ตัวเอง อย่าไปฝากสามี เพราะผมบอกตามตรงนะ คนที่คิดซื้อมอเตอร์ไซค์ คันละ 5-6แสนบาทได้ในขณะที่ตัวเองไม่รวย คนนี้ระดับความฟุ่มเฟือยอยู่ในขั้นเกือบสุดขีดแล้วครับ ทำใจได้เลย แก้ยากครับ
จขกท.จะเปลี่ยนนิสัยการใช้ชีวิตคนมันยากพอควรนะ เพราะคนที่เป็นแบบสามี จขกท มีมากกว่า 70 % ในสังคมใบนี้ครับ
ทางที่ดี จขกท. แบ่งเงินตัวเองมาออมให้ตัวเองให้ลูกในอนาคต ดีกว่าไปหัวเสียเปลี่ยนนิสัยฟุ่มเฟือยของคนอื่น
ผมเองใข้ชีวิตในโหมดแบบที่จขกท. อยากให้เป็นตลอดเวลา เกือบ 30 ปี จากเกิดมาจน ๆ ปัจจุบันรวยแล้วครับมีสินทรัพยระดับ 8-9 หลัก ไม่เคยเป็นหนี้ มีเงินส่งลูกเรียน โรงเรียนดี ๆ สามารถส่งลูกไปเรียน ต่างประเทศได้ ก็เพราะความประหยัดและมองอนาคตนี่แหละ แต่ ภรรยาผม อยู่ในโหมดฟุ่มเฟือยแบบสามี จขกท.นั่นแหละ มันเลยทำให้ผมเข้าใจ วิธีคิดคนได้
จขกท. ต้องบริหารชัวิตตัวเองให้ได้ หาเงินเอง ออมเอง เอาอนาคตลูกมาอยู่ที่ตัวเอง อย่าไปฝากสามี เพราะผมบอกตามตรงนะ คนที่คิดซื้อมอเตอร์ไซค์ คันละ 5-6แสนบาทได้ในขณะที่ตัวเองไม่รวย คนนี้ระดับความฟุ่มเฟือยอยู่ในขั้นเกือบสุดขีดแล้วครับ ทำใจได้เลย แก้ยากครับ
ความคิดเห็นที่ 22
แฟนคุณทำถูกแล้ว กันเงินแต่ละส่วนไว้ชัดเจน ไม่กระทบกองกลาง
แต่เค้าวางแผนแค่ระยะสั้น ไม่เผื่อการเปลี่ยนแปลงหรือฉุกเฉิน
ส่วนคุณมองว่าของที่เขาซื้อ มันไม่จำเป็นขนาดนั้น เงินฉุกเฉิน เงินกองกลางที่มากขึ้น สำคัญกว่า
การเงินครอบครัวต้องแบ่งให้ได้สามส่วน
เงินฉัน เงินเธอ เงินกองกลาง
แต่ละส่วนควรมีเผื่อสำรองฉุกเฉินด้วย
ถ้าอยู่ๆ ต้องใช้เงินฉุกเฉิน เช่นซ่อมรถ หรือคนที่บ้านป่วย มีสำรองส่วนนี้แล้วใช่มั้ย
ว่าแต่เงินเลี้ยงลูก เดือนละ5000 พอใช่มั้ย
การคุยกับเค้า ตอนนี้คงคุยยาก เพราะไม่เห็นปัญหา ทำบัญชีไว้ดีๆ คุยแบบใจเย็น พอมีปัญหา ให้เอาข้อมูลตัวเลขมาคุยกัน ว่าผลกระทบจากอะไร แก้ไขยังไงได้บ้าง
แต่เค้าวางแผนแค่ระยะสั้น ไม่เผื่อการเปลี่ยนแปลงหรือฉุกเฉิน
ส่วนคุณมองว่าของที่เขาซื้อ มันไม่จำเป็นขนาดนั้น เงินฉุกเฉิน เงินกองกลางที่มากขึ้น สำคัญกว่า
การเงินครอบครัวต้องแบ่งให้ได้สามส่วน
เงินฉัน เงินเธอ เงินกองกลาง
แต่ละส่วนควรมีเผื่อสำรองฉุกเฉินด้วย
ถ้าอยู่ๆ ต้องใช้เงินฉุกเฉิน เช่นซ่อมรถ หรือคนที่บ้านป่วย มีสำรองส่วนนี้แล้วใช่มั้ย
ว่าแต่เงินเลี้ยงลูก เดือนละ5000 พอใช่มั้ย
การคุยกับเค้า ตอนนี้คงคุยยาก เพราะไม่เห็นปัญหา ทำบัญชีไว้ดีๆ คุยแบบใจเย็น พอมีปัญหา ให้เอาข้อมูลตัวเลขมาคุยกัน ว่าผลกระทบจากอะไร แก้ไขยังไงได้บ้าง
แสดงความคิดเห็น
เราตึงกับการใช้เงินของแฟนมากเกินไปหรือเปล่า
กลับมาที่ปัจจุบันสิ่งที่ทำให้เราเครียดมากคือทัศนคติของเค้า พอรู้เรื่องจองรถในหัวเรามีแต่ความคิดวนเวียนว่าทั้งๆที่กำลังจะมีลูก ทำไมถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงต้องสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็น ส่วนเค้าเองก็ไม่เข้าใจเรา เค้าบอกว่ามันเป็นเงินเค้าทำไมถึงใช้ไม่ได้ เค้าผ่อนไหว เค้าแบ่งเงินไว้แล้วส่วนไหนจ่ายค่าอะไรบ้าง การใช้ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนไป เรื่องนี้กับเรื่องลูกไม่เกี่ยวกันไม่กระทบกัน ( อธิบายเพิ่มเรื่องซื้อรถไม่กระทบชีวิตในมุมของเค้าหมายถึง สมมติเค้าแบ่งเงินไว้ให้ลูกเดือนละ 5000 บาท ซื้อรถแล้วเงินของลูกก็ได้เท่าเดิม ไม่ได้ลดลง หรือเคยกินข้าวมื้อละ 100 ก็ยังกินมื้อละ 100 เท่าเดิมประมาณนี้ค่ะ แต่การที่เอาเงินเก็บมาดาวน์รถไม่คิดนะ - -“)
สุดท้ายจากที่เราทะเลาะกันสรุปคือเราสองคนคืดไม่เหมือนกัน ในมุมเราคือกำลังจะมีลูกทำไมต้องสร้างหนี้ที่ไม่จำเป็นเพียงเพื่อสนองกิเลศตัวเอง อีกอย่างเราเป็นคนซีเรียสเรื่องการใช้เงิน คือ ถ้ารายได้ไม่เพิ่มแต่รายจ่ายที่ไม่จำเป็นเพิ่มเราจะรู้สึกไม่โอเค
ในมุมเค้า มันคือความสุข เงินเค้า ทำไมจะทำสิ่งที่ชอบไม่ได้ ทำแล้วชีวิตไม่ได้ลำบาก เราคิดมากเกินไปและชอบจำกัดการใช้ชีวิตเค้า เค้าต้องรอจนแก่มั้ยถึงจะมีความสุขได้
ไม่รู้ว่านี่เป็นการเข้าข้างตัวเองมั้ยแต่เราว่าเราก็ใช้เหตุผลระดับนึง ไม่ได้จะห้ามไปทุกอย่าง ถ้ามันสมเหตุสมผลกับฐานะและรายได้เราก็ไม่ชีเรียสถ้าเค้าจะซื้อความสุขส่วนตัวบ้าง ถ้าวันนี้เค้ามาบอกว่าอยากได้ ps5 เราจะไม่มีปัญหาอะไรเลย หรือถ้ารายได้เค้ามากกว่านี้ ที่บ้านฐานะร่ำรวยเราก็จะไม่คิดมากเท่านี้
เราอยากถามความเห็นท่านอื่นสรุปแล้วเราตึงเกินไปจริงมั้ยหรือถ้าเป็นคนปกติที่ไม่ได้ร่ำรวยการซื้อรถตอนจะมีลูกเป็นการกระทำที่ไม่เข้าท่า
เราปล่อยวางเรื่องนี้ไม่ได้คิดมาตั้งแต่เมื่อวานจนถึงตอนนี้ ไม่อยากเครียดให้ส่งผลเสียกับลูก ถ้ามันผิดที่เรา เราก็อยากปรับมายด์เซ็ทตัวเองหรือใครมีวิธีปล่อยวางทำใจก็แนะนำให้ด้วยนะคะ
ปล.แฟนมีเงินเดือนรวมโอทีประมาณ 60k มีภาระผ่อนบ้าน น้ำ ไฟ รถคันเก่า ประมาณ 16k พื้นฐานที่บ้านฐานะปานกลางต่างคนต่างดูแลตัวเอง และเงินที่ใช้ซื้อรถเป็นเงินแฟนคนเดียว