แม้ไม่มีการยืนยันแน่ชัดถึงการลาออกของ น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี หรือ "อุ้ง" และทีมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ว่ามาจากเหตุผลใด แต่ท่าทีในโลกออนไลน์สังเกตได้ว่าท่าทีของอุ้งต่อประเด็นกิจกรรมสวมกางเกงช้างสร้างเวิลด์เรคคอร์ด อาจเป็น 1 ในที่มาของการลาออกยกชุดเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เรื่อง ขอยุติการดำเนินงานในตำแหน่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหรรมด้านแฟชั่น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2567
ส่วนการจัดกิจกรรม
THAILAND SOFT POWER X GUINNESS WORLD RECORDS CHALLENGE ที่เป็นประเด็นนั้น น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงถึงการจัด 5 กิจกรรมว่า เพื่อต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น โดยมีการสอดแทรกเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และสร้างความท้าทายผ่านการแข่งขัน เพื่อบันทึกสถิติโลก มีกติกาชัดเจนโดยกินเนส เวิลด์เรคคอร์ต ซึ่ง 2 ใน 5 กิจกรรมเพื่อทำลายสถิติ เช่น การชกมวยต่อยลูกโป่ง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ใส่หน้ากากผีตาโขน กินป๊อบคอร์นกินปาท่องโก๋ แข่งใส่กางเกงช้าง ส่วนการกินป๊อปคอร์ เป็นการเชื่อมโยงกับภาพยนตร์ไทย และโรงภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในโลก และหน้ากากผีตาโขน ต้องการประชาสัมพันธ์เทศกาลของไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
กางเกงช้างเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลพยายามผลักดันและโปรโมทผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักแต่กางเกงช้างที่นักท่องเที่ยวใส่ในเวลานี้ อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นกางเกงช้างของไทย ทีมข่าวไทยพีบีเอสไปสำรวจการจำหน่ายกางเกงช้างย่านค้าส่ง-ค้าปลีก พบว่า มี
กางเกงช้างจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด ขายในราคาถูกกว่าไทยถึงครึ่งหนึ่ง และได้รับความนิยมจากพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อไปขายต่อ
จากการสังเกต การจำหน่ายการเกงและเสื้อผ้าลายช้าง พบว่า ถ้าเป็นกางเกงช้างของไทย กางเกงขาสั้นจะอยู่ที่ตัวละ 90-100 บาท ส่วนขายาวอยู่ที่ 150-160 บาท หากเทียบราคาพบว่า กางเกงช้างจากจีนถูกกว่าครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อเข้าไปดูการขายกางเกงช้างผ่านแอปพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ กลับพบว่าราคายิ่งถูกกว่า อยู่ที่ตัวละ 30-35 บาทเท่านั้น
นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ อดีตนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ระบุแนวทางป้องกันกางเกงช้างจีนทะลักไทย จะต้องใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(Anti-Dumping) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ รวมทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non- tariff barriers) ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ต้องให้ความรู้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว เข้าใจในอัตลักษณ์ของกางเกงช้างไทย เช่น ลายผ้า อาจจะมี ป้าย หรือสติกเกอร์ ระบุแหล่งผลิต ผู้ผลิต ส่วนระยะยาว ต้องส่งเสริมการพัฒนาให้สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อนำไปโปรโมตในต่างประเทศ เช่น การออกแบบลายต้องมีการจดลิขสิทธิ์ การส่งเสริมการออกแบบดีไซน์ที่เป็นสากลมากขึ้น หรือ การนำไปผูกกับแบรนด์สินค้าขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้กางเกงช้างไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ที่มา
https://www.thaipbs.or.th/news/content/336628
ดราม่า! "กางเกงช้าง" อนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แฟชั่น...ลาออกยกทีม
แม้ไม่มีการยืนยันแน่ชัดถึงการลาออกของ น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี หรือ "อุ้ง" และทีมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ว่ามาจากเหตุผลใด แต่ท่าทีในโลกออนไลน์สังเกตได้ว่าท่าทีของอุ้งต่อประเด็นกิจกรรมสวมกางเกงช้างสร้างเวิลด์เรคคอร์ด อาจเป็น 1 ในที่มาของการลาออกยกชุดเมื่อวันที่ 31 ม.ค.2567 น.ส.กมลนาถ องค์วรรณดี ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านแฟชั่น ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และ ประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เรื่อง ขอยุติการดำเนินงานในตำแหน่งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหรรมด้านแฟชั่น มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2567
ส่วนการจัดกิจกรรม THAILAND SOFT POWER X GUINNESS WORLD RECORDS CHALLENGE ที่เป็นประเด็นนั้น น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชี้แจงถึงการจัด 5 กิจกรรมว่า เพื่อต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น โดยมีการสอดแทรกเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของไทย และสร้างความท้าทายผ่านการแข่งขัน เพื่อบันทึกสถิติโลก มีกติกาชัดเจนโดยกินเนส เวิลด์เรคคอร์ต ซึ่ง 2 ใน 5 กิจกรรมเพื่อทำลายสถิติ เช่น การชกมวยต่อยลูกโป่ง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรม ใส่หน้ากากผีตาโขน กินป๊อบคอร์นกินปาท่องโก๋ แข่งใส่กางเกงช้าง ส่วนการกินป๊อปคอร์ เป็นการเชื่อมโยงกับภาพยนตร์ไทย และโรงภาพยนตร์ที่ดีที่สุดในโลก และหน้ากากผีตาโขน ต้องการประชาสัมพันธ์เทศกาลของไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
กางเกงช้างเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่รัฐบาลพยายามผลักดันและโปรโมทผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติรู้จักแต่กางเกงช้างที่นักท่องเที่ยวใส่ในเวลานี้ อาจจะพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นกางเกงช้างของไทย ทีมข่าวไทยพีบีเอสไปสำรวจการจำหน่ายกางเกงช้างย่านค้าส่ง-ค้าปลีก พบว่า มีกางเกงช้างจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด ขายในราคาถูกกว่าไทยถึงครึ่งหนึ่ง และได้รับความนิยมจากพ่อค้าแม่ค้าที่ซื้อไปขายต่อ
จากการสังเกต การจำหน่ายการเกงและเสื้อผ้าลายช้าง พบว่า ถ้าเป็นกางเกงช้างของไทย กางเกงขาสั้นจะอยู่ที่ตัวละ 90-100 บาท ส่วนขายาวอยู่ที่ 150-160 บาท หากเทียบราคาพบว่า กางเกงช้างจากจีนถูกกว่าครึ่งหนึ่ง แต่เมื่อเข้าไปดูการขายกางเกงช้างผ่านแอปพลิเคชันขายสินค้าออนไลน์ กลับพบว่าราคายิ่งถูกกว่า อยู่ที่ตัวละ 30-35 บาทเท่านั้น
นายยุทธนา ศิลป์สรรค์วิชช์ อดีตนายกสมาคมอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มไทย ระบุแนวทางป้องกันกางเกงช้างจีนทะลักไทย จะต้องใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(Anti-Dumping) เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ รวมทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี (Non- tariff barriers) ได้เช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ต้องให้ความรู้ผู้บริโภคและนักท่องเที่ยว เข้าใจในอัตลักษณ์ของกางเกงช้างไทย เช่น ลายผ้า อาจจะมี ป้าย หรือสติกเกอร์ ระบุแหล่งผลิต ผู้ผลิต ส่วนระยะยาว ต้องส่งเสริมการพัฒนาให้สินค้ามีมูลค่าสูงขึ้น เพื่อนำไปโปรโมตในต่างประเทศ เช่น การออกแบบลายต้องมีการจดลิขสิทธิ์ การส่งเสริมการออกแบบดีไซน์ที่เป็นสากลมากขึ้น หรือ การนำไปผูกกับแบรนด์สินค้าขนาดใหญ่ เพื่อผลักดันให้กางเกงช้างไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น
ที่มา https://www.thaipbs.or.th/news/content/336628