สวัสดีค่ะ อยากมาระบายกับการหลงผิดไปบริษัท แห่งนึง ที่เป็นบริษัท Startup ด้วยความที่เราคิดว่าเราน่าจะเติบโดตจากบริษัทแห่งนี่เลย
เห็นประกาศรับสมัครก็เลยยื่นสมัครไป ด้วยความที่ใกล้ที่พักเดินทางสะดวกมันก็เลยเป็นบริษัทที่น่าทำงาน
เริ่มจากการสมัครงาน สมัครงานออนไลน์ ที่เรียกว่าออนไลน์จริงๆ เพราะคุยผ่านไลน์หมด ให้ส่งแบบทดลอง ส่งเอกสาร เขียนใบสมัครผ่านไลน์หมดเลย
หลังสมัครเสร็จ ผลสัมภาษณ์ก็รู้ผลไม่น่าค่ะ วันเดียวก็รู้ผล ปรากฏว่าสัมภาษณ์ผ่านเริ่มงานได้เลย
การทำงานวันแรกก็งงหน่อยๆ เพราะบริษัทมีไม่ถึง 10 คน มันก็รู้สึกแปลกหน่อย เพราะทั้งชั้นมี แค่ 2-4 คนเอง เราทำงานฝ่ายการตลาด
จากที่ทำงานบริษัทอื่นมาที่มีคนเยอะ บริษัทนี้คือต่างออกไปเลย ไม่มีระบบระเบียบในการทำงาน ไม่มีการวางแผนอะไรเลยสักอย่าง
ทุกอย่างคือต้องทำเองคิดเอง และประโยชน์ที่ได้ยินบ่อยๆคือให้ไปดูบริษัทอื่นว่าเขาทำกันยังไง
ทำงานเดือนแรกก็ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร เงินเดือนก็ได้ช้ามาก ปกติเงินเดือนจะเข้าวันที่ 1 แต่นี่คือเข้าช้ามาก เข้าวันที่ 1 ก็จริง แต่กว่าจะเข้าก็ 4-5 โมงเย็น ช้าสุดคือ เข้าวันที่ 2 ตอน 4-5 เย็นเหมือนกัน ปกติแล้วบริษัทจะตั้งเวลาโอนเงินให้พนักงานอยู่แล้ว แต่เข้าใจว่าเราเป็นพนักงานใหม่ระบบอาจจะยังไม่ดี
แต่ทำงานเดือนสองสาม ก็ยังเป็นอยู่เลยเข้าใจ แต่เริ่มจะหางานใหม่แล้วเพราะดูแล้วบริษัทไม่น่าจะรอด
ระหว่างที่หางานใหม่ก็ยังทำงานอยู่ที่เดิม บริษัทเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง คือมีคนเพิ่มมากขึ้น เราเลยคิดว่าบริษัทมีการเติบโต โอเคน่าอยู่ขึ้น แต่สุดท้ายพนักงานที้ข้ามาใหม่ก็พากกันออกแทบหมด เพราะเจ้าของบริษัท เราทำงานมาสองสามเดือนแทบไม่เคยเจอ CEO เลย เพราะกว่าจะตื่นเข้าบริษัทก็ บ่าย 3 โมงแล้ว แถมยังชอบสั่งงานคนอื่นตอนที่เป็นเวลาเลิกงานด้วย พอไม่มีใครตอบก็เอากฏมาบีบพนักงานให้ต้องตอบ ซึ่งให้ทำให้เรารู้สึกแบบอีหยังวะ
ทำงานเข้าเดือนที่ 4 ก็เพิ่งรู้ว่าทางบริษัทไม่ส่งประกันสังคม แต่หักเงินเดือนพนักงานทุกเดือน แต่โชคดีที่เรายังใช้สิทธิ์ของที่เก่าอยู่เลยไม่มีปัญหา
เรื่องเงินเดือนก็ไม่ขึ้นให้ ถึงแม้จะทำงานผ่านโปร แต่พอไปคุยทางบริษัทก็กลับตอบบ่ายเบี่ยงผลัดไปเรื่อย
CEO คือไม่มีความรับผิดอะไรเลย ด้วยความที่บริษัทบริหารแบบระบบครอบครัวและเพื่อนสนิท มันเลยทำให้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ยิ่งวันไหน CEO ทะเลาะกัน
วันนั้นแทบไม่ได้ทำงานเลยค่ะ เพราะทั้งเอกสารต่างๆที่ต้องให้เซ็น ก็ไม่สามารถเซ็นได้ เนื่องจาก CEO ไม่อารมณ์ไม่ดี ไม่อยู่บริษัท ทิ้งงานออกไปพักใจข้างนอก
ถึงแม้ว่า ทางบริษัทจะหัวหน้าที่ได้รับมอบอำนาจจาก CEO ก็ไม่สามารถสรุปงานได้ เพราะคนที่ถูกมอบอำนาจ ไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย
วันๆดีแต่พูด แต่ไม่เห็นทำอะไรเลยสักอย่าง ถ้าวันไหน CEO ไม่เข้าก็ไม่สั่งงาน พองานไม่ออก พนักงานตัวเล็กตัวน้อยก็โดนด่า แต่ตัวเองรอดตัว
เพราะใช้ความเป็นพี่น้องกับ CEO เอาตัวรอด ทัศนคติของ CEO อีกอย่างนึงที่เรารับไม่ได้เลย คือการเหยียดคนค่ะ เพราะพนักงานที่ยื่นสมัครงานต้องเป็นม.ดัง ม.เอกชนเท่านั้น ต่อให้คนที่ยื่นสมัครงานมา มีเกรดที่ดีแค่ไหน ถ้ามาจากม. ราชฏัช หรือม.ที่อยู่ต่างจังหวัด เค้าจะปัดทิ้งหมดเลยค่ะ อันนี้อ้างอิงจาก
พี่ HR คนเก่าเขาเล่าให้ฟังก่อนที่เค้ทจะลาออกค่ะ
บอกเลยว่าอัตราการเข้าออกจากพนักงานบริษัทนี่มีแถบทุกวัน ทุกเดือนค่ะ เรื่องมีเยอะมากเล่าสิบกระทู้ก็ไม่หมด เอาเหตุการ์ณที่เจอเราเจอกับตัว ที่เรารู้สึกว่าไม่โอเคเลยเลือกที่จะลาออก
คือเหตุการณ์ๆที่ CEO คิดเอง เออเองว่าพนักงานล้อเลียน ผู้บริหารเพราะการแสดงบทบาทสมมติ เค้ากล่าวหาว่าพนักงานทำการล้อเลียนเขา
และต้องไปไปกราบขอโทษ แถมยังให้ใบเตือนเนื่องจากผิดกฏบริษัท ซึ่งเรางงมาก แค่การแสดงบทบาทตลกเฉยๆ คนในงานก็หัวเราะสนุกสนาน
ไม่ได้มีใครคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ จากนั้นก็กลายเป็นว่า CEO คอยจับผิดแผนกเราตลอด แต่ยังเปรียบเทียบกับแผนกอื่นๆ ฟิวส์แบบใครประจบเท่ากับ
เป็นแผนกลูกรัก ซึ่งยกเว้นแผนกเรา
ทุกวันนี้เราลาออกมาแล้วค่ะ รู้สึกว่าสบายใจดี แต่เสียดายมิตรภาพเพื่อนร่วมเพื่อนสัฃคมเพื่อนร่วมงายค่ะ เพราะพี่ๆน้องๆดีกันหมดเลยเสียตรง
ความคิดทัศนคติผู้บริหารค่ะ อาจจะเป็นเพราะผู้บริหารมีอายุที่น้อยและยังเรียนไม่จบด้วยเลยทำให้ไม่มีวุฒิภาวะมากพอ
ผู้บริหารอายุน้อยกว่าเราค่ะ เราอายุจะ สามสิบแล้ว แต่พวกเค้า แค่ 19 23-27 อยู่เลยที่รู้เพราะแอบไปสืบค้นมาค่ะ พอดีมีเพื่อนที่รู้สึกกับพวกเขา
เราเลยได้ข้อมูลมา
แต่เราก็ชื่นชอบในการที่เค้าสามารถสร้างบริษัทขึ้นมานะคะ
ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ที่ทำออกมาจะไม่ได้มาตรฐานและไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ทุกวันนี้มีสินค้าของบริษัทออกขายตามตลาด และห้างสรรพสินค้าอยู่ค่ะ เราไม่ได้มาดิสเครดิตเขานะคะ แต่เราลองทดลองใช้แล้ว มันไม่เห็นผลและก็แพ้ค่ะ อยากเจ้าของบริษัทยังไม่ใช่สินค้าของตัวเองเลยค่ะ
เราไม่แน่ใจว่าเขาเปิดบริษัทได้ฟอกเงินหรือเปล่า เพราะเขามีรถป้ายแดงทุกคันเลย แถมยอดขายสินค้าก็ไม่ได้ขายได้เยอะขนาดนั้น เพราะเราเห็นว่าทางบริษัทยิงโฆษณาค่อนข้างเยอะมาก ถ้าเทียบกับยอดขายและรายได้ของบริษัทมันต่างกันมาก
พิกัดบริษัทเราขอบอกเป็นวงกว้างๆนะคะ แถว ลาดพร้าว ลาดปลาเค้าค่ะ แถบๆนี้ เป็นบริษัทที่ Copy ทุกอย่างจากแบรนด์ดังๆ
เราว่าน่าจะเห็นสินค้าของบริษัทจากโซเซียลแพตฟอร์มขายของค่ะ สินค้าที่ขายดีของบริษัทจะเป็นสินค้าเกี่ยวการลดน้ำหนักค่ะ แบรนด์ชื่อคล้ายๆเทศกาลนึงของต่างประเทศค่ะ ใครที่กำลังมองหางาน ถ้าเจอบริษัทนี้ก็อย่าเผลอไปสมัครนะคะ แต่ถ้าใครอยากลองความประสาทแดกของ
ผู้บริหารหรือชอบความท้าทาย แนะนำให้ลองค่ะ
บริษัท Toxic ถ้าเจออย่าเผลอไปสมัครงาน
เห็นประกาศรับสมัครก็เลยยื่นสมัครไป ด้วยความที่ใกล้ที่พักเดินทางสะดวกมันก็เลยเป็นบริษัทที่น่าทำงาน
เริ่มจากการสมัครงาน สมัครงานออนไลน์ ที่เรียกว่าออนไลน์จริงๆ เพราะคุยผ่านไลน์หมด ให้ส่งแบบทดลอง ส่งเอกสาร เขียนใบสมัครผ่านไลน์หมดเลย
หลังสมัครเสร็จ ผลสัมภาษณ์ก็รู้ผลไม่น่าค่ะ วันเดียวก็รู้ผล ปรากฏว่าสัมภาษณ์ผ่านเริ่มงานได้เลย
การทำงานวันแรกก็งงหน่อยๆ เพราะบริษัทมีไม่ถึง 10 คน มันก็รู้สึกแปลกหน่อย เพราะทั้งชั้นมี แค่ 2-4 คนเอง เราทำงานฝ่ายการตลาด
จากที่ทำงานบริษัทอื่นมาที่มีคนเยอะ บริษัทนี้คือต่างออกไปเลย ไม่มีระบบระเบียบในการทำงาน ไม่มีการวางแผนอะไรเลยสักอย่าง
ทุกอย่างคือต้องทำเองคิดเอง และประโยชน์ที่ได้ยินบ่อยๆคือให้ไปดูบริษัทอื่นว่าเขาทำกันยังไง
ทำงานเดือนแรกก็ค่อนข้างทุลักทุเลพอสมควร เงินเดือนก็ได้ช้ามาก ปกติเงินเดือนจะเข้าวันที่ 1 แต่นี่คือเข้าช้ามาก เข้าวันที่ 1 ก็จริง แต่กว่าจะเข้าก็ 4-5 โมงเย็น ช้าสุดคือ เข้าวันที่ 2 ตอน 4-5 เย็นเหมือนกัน ปกติแล้วบริษัทจะตั้งเวลาโอนเงินให้พนักงานอยู่แล้ว แต่เข้าใจว่าเราเป็นพนักงานใหม่ระบบอาจจะยังไม่ดี
แต่ทำงานเดือนสองสาม ก็ยังเป็นอยู่เลยเข้าใจ แต่เริ่มจะหางานใหม่แล้วเพราะดูแล้วบริษัทไม่น่าจะรอด
ระหว่างที่หางานใหม่ก็ยังทำงานอยู่ที่เดิม บริษัทเริ่มมีความเปลี่ยนแปลง คือมีคนเพิ่มมากขึ้น เราเลยคิดว่าบริษัทมีการเติบโต โอเคน่าอยู่ขึ้น แต่สุดท้ายพนักงานที้ข้ามาใหม่ก็พากกันออกแทบหมด เพราะเจ้าของบริษัท เราทำงานมาสองสามเดือนแทบไม่เคยเจอ CEO เลย เพราะกว่าจะตื่นเข้าบริษัทก็ บ่าย 3 โมงแล้ว แถมยังชอบสั่งงานคนอื่นตอนที่เป็นเวลาเลิกงานด้วย พอไม่มีใครตอบก็เอากฏมาบีบพนักงานให้ต้องตอบ ซึ่งให้ทำให้เรารู้สึกแบบอีหยังวะ
ทำงานเข้าเดือนที่ 4 ก็เพิ่งรู้ว่าทางบริษัทไม่ส่งประกันสังคม แต่หักเงินเดือนพนักงานทุกเดือน แต่โชคดีที่เรายังใช้สิทธิ์ของที่เก่าอยู่เลยไม่มีปัญหา
เรื่องเงินเดือนก็ไม่ขึ้นให้ ถึงแม้จะทำงานผ่านโปร แต่พอไปคุยทางบริษัทก็กลับตอบบ่ายเบี่ยงผลัดไปเรื่อย
CEO คือไม่มีความรับผิดอะไรเลย ด้วยความที่บริษัทบริหารแบบระบบครอบครัวและเพื่อนสนิท มันเลยทำให้ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ ยิ่งวันไหน CEO ทะเลาะกัน
วันนั้นแทบไม่ได้ทำงานเลยค่ะ เพราะทั้งเอกสารต่างๆที่ต้องให้เซ็น ก็ไม่สามารถเซ็นได้ เนื่องจาก CEO ไม่อารมณ์ไม่ดี ไม่อยู่บริษัท ทิ้งงานออกไปพักใจข้างนอก
ถึงแม้ว่า ทางบริษัทจะหัวหน้าที่ได้รับมอบอำนาจจาก CEO ก็ไม่สามารถสรุปงานได้ เพราะคนที่ถูกมอบอำนาจ ไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย
วันๆดีแต่พูด แต่ไม่เห็นทำอะไรเลยสักอย่าง ถ้าวันไหน CEO ไม่เข้าก็ไม่สั่งงาน พองานไม่ออก พนักงานตัวเล็กตัวน้อยก็โดนด่า แต่ตัวเองรอดตัว
เพราะใช้ความเป็นพี่น้องกับ CEO เอาตัวรอด ทัศนคติของ CEO อีกอย่างนึงที่เรารับไม่ได้เลย คือการเหยียดคนค่ะ เพราะพนักงานที่ยื่นสมัครงานต้องเป็นม.ดัง ม.เอกชนเท่านั้น ต่อให้คนที่ยื่นสมัครงานมา มีเกรดที่ดีแค่ไหน ถ้ามาจากม. ราชฏัช หรือม.ที่อยู่ต่างจังหวัด เค้าจะปัดทิ้งหมดเลยค่ะ อันนี้อ้างอิงจาก
พี่ HR คนเก่าเขาเล่าให้ฟังก่อนที่เค้ทจะลาออกค่ะ
บอกเลยว่าอัตราการเข้าออกจากพนักงานบริษัทนี่มีแถบทุกวัน ทุกเดือนค่ะ เรื่องมีเยอะมากเล่าสิบกระทู้ก็ไม่หมด เอาเหตุการ์ณที่เจอเราเจอกับตัว ที่เรารู้สึกว่าไม่โอเคเลยเลือกที่จะลาออก
คือเหตุการณ์ๆที่ CEO คิดเอง เออเองว่าพนักงานล้อเลียน ผู้บริหารเพราะการแสดงบทบาทสมมติ เค้ากล่าวหาว่าพนักงานทำการล้อเลียนเขา
และต้องไปไปกราบขอโทษ แถมยังให้ใบเตือนเนื่องจากผิดกฏบริษัท ซึ่งเรางงมาก แค่การแสดงบทบาทตลกเฉยๆ คนในงานก็หัวเราะสนุกสนาน
ไม่ได้มีใครคิดอะไรเลยด้วยซ้ำ จากนั้นก็กลายเป็นว่า CEO คอยจับผิดแผนกเราตลอด แต่ยังเปรียบเทียบกับแผนกอื่นๆ ฟิวส์แบบใครประจบเท่ากับ
เป็นแผนกลูกรัก ซึ่งยกเว้นแผนกเรา
ทุกวันนี้เราลาออกมาแล้วค่ะ รู้สึกว่าสบายใจดี แต่เสียดายมิตรภาพเพื่อนร่วมเพื่อนสัฃคมเพื่อนร่วมงายค่ะ เพราะพี่ๆน้องๆดีกันหมดเลยเสียตรง
ความคิดทัศนคติผู้บริหารค่ะ อาจจะเป็นเพราะผู้บริหารมีอายุที่น้อยและยังเรียนไม่จบด้วยเลยทำให้ไม่มีวุฒิภาวะมากพอ
ผู้บริหารอายุน้อยกว่าเราค่ะ เราอายุจะ สามสิบแล้ว แต่พวกเค้า แค่ 19 23-27 อยู่เลยที่รู้เพราะแอบไปสืบค้นมาค่ะ พอดีมีเพื่อนที่รู้สึกกับพวกเขา
เราเลยได้ข้อมูลมา
แต่เราก็ชื่นชอบในการที่เค้าสามารถสร้างบริษัทขึ้นมานะคะ
ถึงแม้ว่าผลิตภัณฑ์อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ที่ทำออกมาจะไม่ได้มาตรฐานและไม่ปลอดภัยเท่าไหร่ ทุกวันนี้มีสินค้าของบริษัทออกขายตามตลาด และห้างสรรพสินค้าอยู่ค่ะ เราไม่ได้มาดิสเครดิตเขานะคะ แต่เราลองทดลองใช้แล้ว มันไม่เห็นผลและก็แพ้ค่ะ อยากเจ้าของบริษัทยังไม่ใช่สินค้าของตัวเองเลยค่ะ
เราไม่แน่ใจว่าเขาเปิดบริษัทได้ฟอกเงินหรือเปล่า เพราะเขามีรถป้ายแดงทุกคันเลย แถมยอดขายสินค้าก็ไม่ได้ขายได้เยอะขนาดนั้น เพราะเราเห็นว่าทางบริษัทยิงโฆษณาค่อนข้างเยอะมาก ถ้าเทียบกับยอดขายและรายได้ของบริษัทมันต่างกันมาก
พิกัดบริษัทเราขอบอกเป็นวงกว้างๆนะคะ แถว ลาดพร้าว ลาดปลาเค้าค่ะ แถบๆนี้ เป็นบริษัทที่ Copy ทุกอย่างจากแบรนด์ดังๆ
เราว่าน่าจะเห็นสินค้าของบริษัทจากโซเซียลแพตฟอร์มขายของค่ะ สินค้าที่ขายดีของบริษัทจะเป็นสินค้าเกี่ยวการลดน้ำหนักค่ะ แบรนด์ชื่อคล้ายๆเทศกาลนึงของต่างประเทศค่ะ ใครที่กำลังมองหางาน ถ้าเจอบริษัทนี้ก็อย่าเผลอไปสมัครนะคะ แต่ถ้าใครอยากลองความประสาทแดกของ
ผู้บริหารหรือชอบความท้าทาย แนะนำให้ลองค่ะ