ต่างชายคา ฟ้าเดียวกัน (ក្រោមមេឃតែមួយ) ตอนที่๑

หมายเหตุ : พื้นที่ไม่พอเลยขอแบ่งเป็นสองตอนนะครับ เรื่องนี้เขียนจากข้อมูลจริงแต่มีการแต่งเติมแน่นอน ในส่วนของเด็กไทยนั้นจะลอกแบบคนเขียนเลย เด็กขแมร์จะเป็นการเอาหลายข้อมูลมารวมกันครับ

เรื่อง ต่างชายคา ฟ้าเดียวกัน
(ក្រោមមេឃតែមួយ)
โดย : ละเว้

ตอนที่๑
ยามนี้ต้นกระโดนใหญ่หน้าวัด ‘ทุ่งฆ้อ’ วัดเล็ก ๆ ประจำหมู่บ้านในอำเภอชายแดน ไทย-แขมร์ ได้กลายเป็นที่ชุมนุมระหว่างทางของเด็กวัยเรียนไปอย่างเรียบร้อย

อากาศยามเช้ายังคงค่อนข้างหนาวเย็น แต่ ‘จิ๋ว’ เด็กชายเก้าขวบ ต้องสลัดผ้าห่ม ผละจากกองไฟที่อาศัยไออุ่นแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากความภูมิใจเล็ก ๆ อันไม่สามารถอธิบายได้

เป็นปกติที่แม่มักหุงหาอาหารก่อนรุ่งสาง จิ๋วและพี่สาวจึงได้กินข้าวกันแต่เช้าตรู่เสมอ เมื่อพร้อมแล้วเขาสองฅนจึงหิ้วปิ่นโตสะพายถุงใส่หนังสือ ก้าวเท้าเปล่าฝ่าหมอกหนาวออกไปกับความค่อนข้างรีบเร่ง บ้านจิ๋วอยู่ไม่ห่างวัดจึงใช้เวลาไม่นานนัก เด็กชายปริ่มยิ้ม เมื่อเขาสองฅนได้มาถึงต้นกระโดนนี้ก่อนใคร ภาพดอกไม้ปุกปุยขาวโพลนหล่นกองกระจายเกลื่อนตรงหน้านี่แหละ ที่ดึงดูดให้เด็ก ๆ ต่างพากันแวะเวียนมาทุกเช้า และทุกฅนจะดีใจมากหากใครได้มาถึงก่อนเพื่อน อย่างที่บอกว่ามันไม่มีเหตุผลอะไร นอกจากความภูมิใจเล็ก ๆ ที่พอทำให้รู้สึกชุ่มชื่นได้ดุจน้ำค้างยามเช้า ซึ่งจะสลายหายไปเองเมื่อแดดแรงขึ้นเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ดอกกระโดนจากลำต้นไร้ใบแคระแกร็นคดงอ ซึ่งขึ้นอยู่โดดเดี่ยวข้างโคกดินใกล้ที่พักซึ่งสร้างอย่างดิบหยาบนั้น กำลังทยอยร่วงหล่นช้า ๆ สู่ผืนดินทรายและกอหญ้าแห้งกรอบเช่นกัน ควันขาวจากกองไฟที่สุมด้านล่างลอยสวนทาง หมอกจาง ๆ ยังคงเห็นได้ทั่วไป

ปีนี้ ‘ด็อมบองแดก’ หมู่บ้านเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างออกมาจากอีกฟากของเทือกเขาบรรทัด ที่แยกเขตแดน แขมร์-ไทย ออกจากกัน ยังคงหนาวเย็นตามฤดูกาล ‘ตู๊จ’ เด็กชายกับชีวิตแปดปี กำลังนั่งบรรเทาหนาวหน้ากองไฟ เหยียดนิ้วเรียวกางออกยื่นรับไออุ่น สลับพลิกหลังมือเข้าหากองไฟบ้าง หดกลับเมื่อรู้สึกว่าเริ่มร้อนเกินไป 

พ่อใช้ไม้คุ้ยบางสิ่งจากกองไฟเขี่ยยื่นให้ลูกชาย ตู๊จแหย่นิ้วลองแตะมันห้านาทีเผาไฟร้อน ๆ ตรงหน้า ฉีกยิ้มจากริมฝีปากแห้งแตก

“รีบกินให้หมด” พ่อบอกกับลูก มองร่างที่ถูกหุ้มด้วยผิวหนังแห้งด้านก่อนลุกเดินเข้าบ้าน

ไอร้อนกรุ่นขึ้นจากเนื้อมันที่ถูกฉีกออก เด็กชายไม่รอช้ากับการได้ลิ้มลอง มันยังคงหวานมันเหมือนเดิม เหมือนที่เคยลิ้มรสเมื่อนานมาแล้ว

ดวงตาของจิ๋วฉายประกาย ขณะยิ้มกว้างทักทายพวกมาทีหลังอย่างภูมิใจ เด็กผู้หญิงที่เตรียมเชือกมาด้วยเก็บดอกปุกปุยร้อยเป็นพวง บ้างหิ้วเล่นบ้างนำมาแขวนคอ เด็กบางฅนยืนคุยกันบ้างเดินเตร่ไปมา กอบดอกกระโดนโยนขึ้นฟ้าพลางหัวเราะร่า พวกเขาพอใจที่จะเถลไถลอยู่ตรงนี้ จนกว่าสายพอหรือถึงเวลาต้องไปเรียนจริง ๆ นั่นแหละ

เด็กจากบ้านไกลเริ่มมาถึงกันแล้ว จิ๋ววูบหลบสายตาไอ้เดช เด็กที่ชอบข่มและดูแคลนเขาอยู่เสมอ แม้จะอยู่ชั้น ป.3 แต่ไอ้เดชก็ตัวโตกว่าใครในโรงเรียน มันโตกว่าเด็ก ป.4 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของการศึกษาภาคบังคับที่ตัวเล็กสมชื่ออย่างจิ๋ว จิ๋วนั้นตัวเล็กพอ ๆ กับเด็ก ป.1 หรือ ป.2 ความจริงจิ๋วควรอยู่ชั้น ป.3 เช่นกันกับไอ้เดช ถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ตามพี่สาวไปโรงเรียนจนได้ขึ้นชั้นก่อนวัย จิ๋วอาจไม่ต้องเป็นเด็ก ป.4 ที่ตัวเล็กขนาดนี้ก็ได้

‘เด็กขี้แย’ เป็นถ้อยคำที่ไอ้เดชใช้ตราหน้าจิ๋วอยู่เสมอ การเป็นฅนตัวเล็กและถูกรังแกเป็นประจำนั้น อาจทำให้จิ๋วกลายเป็นเด็กขี้แยอย่างช่วยไม่ได้ ความขี้แยของเขายังมาพร้อมความวิตกกังวลหวาดกลัวสารพัดอีกด้วย จิ๋วรู้ตัวและพยายามที่จะกล้าหาญเหมือนฅนอื่นบ้าง หากยิ่งพยายามเท่าไร เขายิ่งรับรู้ว่าไม่มีทางใดที่จะสามารถข่มความขลาดกลัวต่าง ๆ ลงได้เลย

ทำไมฅนอื่นจึงไม่รู้จักกลัวเหมือนเรา ทำไมเด็กพวกนั้นจึงดูแข็งแรงกว่า ทำไมเราจึงไม่เหมือนใคร ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่มักวนเวียนอยู่ในหัวของจิ๋ว

เสียงระฆังคือสัญญาณบอกว่าถึงเวลางานแล้ว ตู๊จรู้หน้าที่ของเขาดี กับการหาเก็บขี้วัวขี้ควายในทุ่งมาทำปุ๋ยหมัก เขากับเพื่อนร่วมงาน ร่วมวัย ร่วมชะตาเดียวกันจำนวนหนึ่ง แต่ละฅนจะได้รับไม้คานสาแหรก และบุ้งกี๋เพื่อการนี้โดยเฉพาะ เด็ก ๆ ไม่เคยได้กินอาหารเช้าก่อนเวลางานหรือแม้แต่ก่อนเพล

‘มันเป็นเรื่องปกติ ในโลกนี้ไม่มีใครที่ไหนกินข้าวกันแต่เช้าขนาดนั้นหรอก’

‘ไม่รู้สินะ ถ้ามีก็คงแปลกพิกล’

ตู๊จรับรู้เช่นนั้น หน้าที่กับความหิวเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต ไม่ว่าใครก็ต้องมีหน้าที่หรือมีงานต้องทำ และมีท้องที่คอยร้องหิวแทบตลอดเวลาไม่ต่างกัน วันนี้ถือว่าโชคดีที่สุดแล้ว กับการได้กินมันที่พ่อหามาเผาให้แต่เช้า มันอร่อยมาก และอย่างน้อยมันก็ช่วยให้ตู๊จไม่ต้องหิวจนแสบท้อง เหมือนบางวันที่เขาต้องหาใบฝรั่งมาเคี้ยวเพื่อบรรเทาอาการ

อากาศหนาวยามเช้าดูจะทำให้พวกเขาเหมือนไม่ค่อยเหนื่อยกันเท่าไร แต่นั่นแหละ พอตะวันสายขึ้นทุกฅนก็ร้อนจนได้เหงื่ออยู่ดี และเอาเข้าจริงมันเผาก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนัก ตอนนี้ตู๊จจึงรู้สึกทั้งเหนื่อยและหิวได้อยู่ดี แต่อีกไม่นานพวกเขาจะได้กินข้าวกันแล้ว ตอนนี้ก็แค่ทำงานและรอให้ถึงเวลาเท่านั้น ตู๊จบอกตัวเองให้ข่มความหิว

จู่ ๆ ก็มีเสียงเครื่องยนต์ผสมเสียงวัตถุตัดอากาศดังกระหึ่มเหนือสนามหน้าโรงเรียน มันสร้างความตื่นเต้นให้เด็ก ๆ ได้ไม่น้อย เมื่อเฮลิคอปเตอร์สองลำลอยต่ำลงมา แรงเหวี่ยงจากใบพัดก็ส่งผลให้หญ้าแห้งและฝุ่นดินในสนามปลิวฟุ้งเข้ามาในห้อง เด็กที่นั่งอยู่ใกล้ประตูต้องรีบลุกไปปิดมัน ตอนนี้มีแต่รอยยิ้มของเด็ก ๆ

จิ๋วไม่รู้หรอกว่าเฮลิคอปเตอร์พวกนี้มาจากไหน ที่คาดเดาได้ก็คือ คงเป็นหน่วยงานของหลวงสักหน่วยงานหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ดูแลและคอยนำของมาแจกให้พวกเขา ทุกครั้งที่มีเฮลิคอปเตอร์เข้ามา เด็ก ๆ ก็จะได้รับของแจกตั้งแต่สมุดดินสอไปจนถึงเสื้อผ้า บางครั้งยังมีหมอมาดูแลชาวบ้านที่เจ็บป่วยด้วย 

และแม้ว่าตอนนี้ถนนลูกรังในหมู่บ้าน ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากการเป็นเส้นทางรถลากซุงนั้น จะนำรถมาแจกสิ่งของหรือพาหมอมารักษาชาวบ้านได้แล้ว แต่บางครั้งยังคงมีเฮลิคอปเตอร์เข้ามา อย่างวันนี้ที่มันได้นำความตื่นเต้นดีใจมาให้จิ๋วอีกครั้ง

หากความลิงโลดใจนั้นกลับจบลงอย่างง่ายดาย ทุกครั้งเมื่อครูสั่งให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อรับของแจก จิ๋วมักต้องตกอยู่ท้ายแถวเสมอ และวันนี้เสื้อนักเรียนตัวสุดท้ายที่เหลือถึงเขานั้น มันมีขนาดใหญ่เกินตัวเล็ก ๆ ของเขา และยังเป็นเสื้อนักเรียนหญิงอีกด้วย 
.
ไม่ยุติธรรมเลยจริง ๆ ขณะที่ทุกฅนต่างได้รับกันครบชุด ทั้งเสื้อกับกางเกงหรือกระโปรง จิ๋วกลับได้เสื้อผู้หญิงเพียงตัวเดียว เพราะครูบอกว่าดีกว่าไม่ได้อะไรเลยเขาจึงต้องรับมา รู้สึกอายเหมือนกันเมื่อเพื่อน ๆ พากันหัวเราะคิกคักตอนเข้าไปรับจากคุณครู

เด็ก ๆ มีเวลาไม่มากนักในการรับประทานอาหาร ศาลาซึ่งเคยเป็นศาลาเรียนที่อยู่ห่างออกไปนั้น กำลังมีการประชุมอะไรอีกแล้ว ตู๊จเห็นมีทหารและชาวบ้านไปรวมตัวกันอยู่ เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่นั่นบ่อยนักหลังจากมันไม่ใช่ศาลาเรียน ตู๊จรู้ดีว่าทุกการกระทำของเขาต้องอยู่ภายใต้คำสั่งเสมอ คำสั่งนั้นมาจากใครสักฅนซึ่งมีอำนาจเหนือพวกเขา ใครสักฅนซึ่งมีหน้าที่จัดการทุกอย่างให้เป็นไปในแบบที่ควรจะเป็น ใครสักฅนที่พวกเขาพากันเรียกว่า ‘อ็องการ์เลอ’

พ่อและแม่อาจอยู่ที่นั่นด้วย ตู๊จชำเลืองมองพลางบอกกับตัวเองว่า นั่นไม่ใช่สิ่งซึ่งควรสนใจนัก รีบกินแล้วไปทำงานต่อ ถึงเย็นก็จะได้กินข้าวกันอีกแล้ว หน้าที่ของเขาในหนึ่งวันก็มีเท่านี้เอง.

(โปรดติดตามต่อไป)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่