เมื่อวันที่ 28 มกราคม บทสัมภาษณ์ของฮันเกิง อดีตสมาชิกของ Super Junior ถูกเผยแพร่ในช่องออนไลน์ "PhoenixTV" ระหว่างสัมภาษณ์ ฮันเกิงได้พูดถึงความลำบากในช่วงที่เป็นสมาชิกบอยแบนด์ยอดนิยมของ SM Entertainment อย่าง Super Junior
ฮันเกิงเล่าว่าสถานการณ์ทางการเงินในครอบครัวย่ำแย่มาตลอดตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เพราะต้องการหาเงินและสร้างชื่อเสียงเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ฮันเกิงในวัย 19 ปีจึงเซ็นสัญญา 13 ปีกับ SM Entertainment
มีรายงานว่าหลังจากที่ฮันเกิงเซ็นสัญญา ด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถหาเลี้ยงทั้งครอบครัวได้ พ่อของฮันเกิงเคยพูดว่ามันรู้สึกเหมือนกับเขาขายลูกของตัวเอง
ฮันเกิงฝึกฝนตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำทุกวันในฐานะเด็กฝึกในประเทศเกาหลีใต้ เขาเล่าถึงความยากในช่วงที่เป็นเด็กฝึก และบ่อยครั้งที่เขาได้รับบาดเจ็บแต่ไม่รู้ตัว
การฝึกฝนไม่ทรยศ ฮันเกิงได้เดบิวต์ในฐานะสมาชิกของ Super Junior ในปี 2005 และประสบความสำเร็จแทบจะในทันที เขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นสมาชิกชาวจีนคนแรกที่เดบิวต์ในประเทศเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ เช่น การแบ่งรายได้ กลายเป็นสาเหตุของความเครียดสำหรับเขา มีการเปิดเผยว่าเขาได้รับเงินจำนวนไม่มากในรอบชำระครั้งแรก
ฮันเกิงเผยว่าเขาต้องจ่ายค่าเดบิวต์คืนให้กับบริษัท นั่นหมายความว่าเขาต้องคืนรายได้บางส่วนที่เขาได้รับไป "รายได้ของผมน้อยกว่าช่วงที่เป็นเด็กฝึก" ในเวลานั้น SM Entertainment รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเด็กฝึก และคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับคืนหลังจากการเดบิวต์ ซึ่งต่อมา SM Entertainment ก็ได้ยกเลิกระบบนี้ไป
แม้ว่าจะได้รับชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ แต่ฮันเกิงก็ทรมานจากภาวะซึมเศร้าอย่างหนักและฝันร้ายอย่างต่อเนื่อง ฮันเกิงเคยสารภาพว่าเขาอยากจบชีวิตของตัวเองกับพ่อทางโทรศัพท์
ในปี 2009 ฮันเกิงยื่นคำร้องเพื่อยกเลิกสัญญากับ SM Entertainment และออกจากวง Super Junior เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการตัดสินใจครั้งนั้น ฮันเกิงบอกว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี เขาได้กลับมาที่ประเทศจีนและสร้างอาชีพในประเทศบ้านเกิด ปัจจุบันเขาคือหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน
ฮันเกิงหวนคิดว่าถึงแม้เขาจะเจอกับความยากลำบากในช่วงเวลานั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณช่วงเวลาที่ได้เป็นไอดอลในประเทศเกาหลีใต้ที่ทำให้เขาได้เติบโตขึ้น [
1]
ฮันเกิง อดีตสมาชิก SJ เล่าถึงชีวิตช่วงเป็นศิลปิน K-POP
ฮันเกิงเล่าว่าสถานการณ์ทางการเงินในครอบครัวย่ำแย่มาตลอดตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก เพราะต้องการหาเงินและสร้างชื่อเสียงเพื่อช่วยเหลือครอบครัว ฮันเกิงในวัย 19 ปีจึงเซ็นสัญญา 13 ปีกับ SM Entertainment
มีรายงานว่าหลังจากที่ฮันเกิงเซ็นสัญญา ด้วยความเสียใจที่ไม่สามารถหาเลี้ยงทั้งครอบครัวได้ พ่อของฮันเกิงเคยพูดว่ามันรู้สึกเหมือนกับเขาขายลูกของตัวเอง
ฮันเกิงฝึกฝนตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำทุกวันในฐานะเด็กฝึกในประเทศเกาหลีใต้ เขาเล่าถึงความยากในช่วงที่เป็นเด็กฝึก และบ่อยครั้งที่เขาได้รับบาดเจ็บแต่ไม่รู้ตัว
การฝึกฝนไม่ทรยศ ฮันเกิงได้เดบิวต์ในฐานะสมาชิกของ Super Junior ในปี 2005 และประสบความสำเร็จแทบจะในทันที เขาสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นสมาชิกชาวจีนคนแรกที่เดบิวต์ในประเทศเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ เช่น การแบ่งรายได้ กลายเป็นสาเหตุของความเครียดสำหรับเขา มีการเปิดเผยว่าเขาได้รับเงินจำนวนไม่มากในรอบชำระครั้งแรก
ฮันเกิงเผยว่าเขาต้องจ่ายค่าเดบิวต์คืนให้กับบริษัท นั่นหมายความว่าเขาต้องคืนรายได้บางส่วนที่เขาได้รับไป "รายได้ของผมน้อยกว่าช่วงที่เป็นเด็กฝึก" ในเวลานั้น SM Entertainment รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดของเด็กฝึก และคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับคืนหลังจากการเดบิวต์ ซึ่งต่อมา SM Entertainment ก็ได้ยกเลิกระบบนี้ไป
แม้ว่าจะได้รับชื่อเสียงและประสบความสำเร็จ แต่ฮันเกิงก็ทรมานจากภาวะซึมเศร้าอย่างหนักและฝันร้ายอย่างต่อเนื่อง ฮันเกิงเคยสารภาพว่าเขาอยากจบชีวิตของตัวเองกับพ่อทางโทรศัพท์
ในปี 2009 ฮันเกิงยื่นคำร้องเพื่อยกเลิกสัญญากับ SM Entertainment และออกจากวง Super Junior เมื่อมองย้อนกลับไปถึงการตัดสินใจครั้งนั้น ฮันเกิงบอกว่ามันเป็นทางเลือกที่ดี เขาได้กลับมาที่ประเทศจีนและสร้างอาชีพในประเทศบ้านเกิด ปัจจุบันเขาคือหนึ่งในคนที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน
ฮันเกิงหวนคิดว่าถึงแม้เขาจะเจอกับความยากลำบากในช่วงเวลานั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกขอบคุณช่วงเวลาที่ได้เป็นไอดอลในประเทศเกาหลีใต้ที่ทำให้เขาได้เติบโตขึ้น [1]