พี่ธนูเห็นพี่โต้เดินขึ้นมาจากทะเล
แล้วมานอนแผ่บนชายหาด
ตอนนั้นพี่ธนูตกใจมาก
จึงวิ่งไปดู
"โต้ นานเป็นไรไป"
พี่โต้ลืมตามายิ้ม
"ปล่อยผมไว้ตรงนี้สักพัก
พอหายเหนื่อยแล้ว ผมก็จะดีขึ้นเอง"
พี่ธนูปล่อยให้พี่โต้ได้พัก
ขณะที่พี่โต้นอนพัก เขาพยายามสังเกตตลอดว่า
พี่โต้ยังปกติอยู่
นานพอควรกว่าพี่โต้จะรู้สึกดีขึ้น
พอหายเหนื่อย จึงยกตัวขึ้นนั่งได้
"นายว่ายไปถึงไหนโต้"
"เกาะข้างหน้านี้อ่ะครับ"
"มันอันตรายนะโต้ ทำไมนายต้องทำอย่างนั้นด้วย"
พี่โต้นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบว่า
"ผมอยากมีอิสระครับ ทุกวันนี้
เลือกเส้นทางชีวิตเองยังไม่ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องอื่นๆ"
พี่ธนูตั้งใจฟังพี่โต้มาก พี่โต้จึงเล่าต่อ
"บางทีผมก็คิดนะ ว่าจะอยู่ไปทำไม"
ทั้งคู่เงียบไปก่อนที่พี่ธนูจะพูดขึ้น
"พี่เข้าใจโต้นะ"
"ที่ผมเลือกพี่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
จริงๆแล้ว ผมต้องการคนคุยเรื่องนี้
เหมาะมากเลยครับที่ไม่ใช่คนตระกูลเดียวกันกับผม
เพราะผมกลัวพ่อจะรู้"
พี่โต้พูดต่อว่า
"แต่พี่ธนูไม่ต้องตกใจอะไรนะครับ
แค่รับฟังก็พอแล้ว
ผมเอง ตั้งแต่เด็กก็โดนพ่อบังคับตลอดว่า
ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
โดนมาถึงเดี๋ยวนี้
การมาอยู่หอก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง
แต่ไม่ทั้งหมด
ผมอยากคุยเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังมาตั้งนานแล้ว
แต่ไม่มีโอกาส
คือไม่อยากคุยให้คนในตระกูลเดียวกันฟังครับ
กลัวว่าพ่อจะรู้
พ่อมีอิทธิพลต่อผมมาก
ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นบวกหรือลบ"
หลังจากพี่โต้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
ทั้งคู่ก็ไปหาข้าวกิน
พี่โต้รู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้ระบายบางสิ่งออกจากใจบ้าง
เขารู้ว่าพี่ธนูเป็นผู้ฟังที่ดีและไว้ใจได้
ความสนิทชิดเชื้อของสองคู่นี้
พี่เชนกับพี่พล และ พี่โต้กับพี่ธนู
ทำให้เราได้คู่พี่ชายน้องชายที่สนิทกันมาก
คนที่ได้รับคำชมไปเต็มๆคือพี่โทนี่ ผู้มีวิสัยทัศน์
ทางพี่รุจเอง เขาก็รับทราบเรื่องพวกนี้
ความคิดที่จะนำคนหนุ่มสองตระกูลมาเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน
กลับมาอีกครั้ง
ก่อนจะไปยุ่งกับฝั่งอัสดง พี่รุจต้องจัดการฝั่งของนาวาให้เรียบร้อยก่อน
สองคนแรกที่เขาต้องปรึกษาก่อนคือพี่วุธกับพี่มาคัส
ในท้ายที่สุด พี่วุธกับพี่มาคัสก็เห็นด้วย
กลุ่มต่อไปที่พี่รุจต้องไปคุยคือห้าเหมันต์แห่งคฤหาสน์นาวา
ซึ่งมีพี่ธนาเป็นหัวหน้ากลุ่ม
วิมานมายา โดย ก้องภพ ตอนที่ 326 ทะเลใจ
พี่ธนูเห็นพี่โต้เดินขึ้นมาจากทะเล
แล้วมานอนแผ่บนชายหาด
ตอนนั้นพี่ธนูตกใจมาก
จึงวิ่งไปดู
"โต้ นานเป็นไรไป"
พี่โต้ลืมตามายิ้ม
"ปล่อยผมไว้ตรงนี้สักพัก
พอหายเหนื่อยแล้ว ผมก็จะดีขึ้นเอง"
พี่ธนูปล่อยให้พี่โต้ได้พัก
ขณะที่พี่โต้นอนพัก เขาพยายามสังเกตตลอดว่า
พี่โต้ยังปกติอยู่
นานพอควรกว่าพี่โต้จะรู้สึกดีขึ้น
พอหายเหนื่อย จึงยกตัวขึ้นนั่งได้
"นายว่ายไปถึงไหนโต้"
"เกาะข้างหน้านี้อ่ะครับ"
"มันอันตรายนะโต้ ทำไมนายต้องทำอย่างนั้นด้วย"
พี่โต้นิ่งไปสักพักก่อนจะตอบว่า
"ผมอยากมีอิสระครับ ทุกวันนี้
เลือกเส้นทางชีวิตเองยังไม่ได้เลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องอื่นๆ"
พี่ธนูตั้งใจฟังพี่โต้มาก พี่โต้จึงเล่าต่อ
"บางทีผมก็คิดนะ ว่าจะอยู่ไปทำไม"
ทั้งคู่เงียบไปก่อนที่พี่ธนูจะพูดขึ้น
"พี่เข้าใจโต้นะ"
"ที่ผมเลือกพี่เป็นเพื่อนร่วมห้อง
จริงๆแล้ว ผมต้องการคนคุยเรื่องนี้
เหมาะมากเลยครับที่ไม่ใช่คนตระกูลเดียวกันกับผม
เพราะผมกลัวพ่อจะรู้"
พี่โต้พูดต่อว่า
"แต่พี่ธนูไม่ต้องตกใจอะไรนะครับ
แค่รับฟังก็พอแล้ว
ผมเอง ตั้งแต่เด็กก็โดนพ่อบังคับตลอดว่า
ต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้
โดนมาถึงเดี๋ยวนี้
การมาอยู่หอก็ช่วยได้ส่วนหนึ่ง
แต่ไม่ทั้งหมด
ผมอยากคุยเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟังมาตั้งนานแล้ว
แต่ไม่มีโอกาส
คือไม่อยากคุยให้คนในตระกูลเดียวกันฟังครับ
กลัวว่าพ่อจะรู้
พ่อมีอิทธิพลต่อผมมาก
ไม่ว่าเรื่องนั้นจะเป็นบวกหรือลบ"
หลังจากพี่โต้เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้ว
ทั้งคู่ก็ไปหาข้าวกิน
พี่โต้รู้สึกสบายใจขึ้นที่ได้ระบายบางสิ่งออกจากใจบ้าง
เขารู้ว่าพี่ธนูเป็นผู้ฟังที่ดีและไว้ใจได้
ความสนิทชิดเชื้อของสองคู่นี้
พี่เชนกับพี่พล และ พี่โต้กับพี่ธนู
ทำให้เราได้คู่พี่ชายน้องชายที่สนิทกันมาก
คนที่ได้รับคำชมไปเต็มๆคือพี่โทนี่ ผู้มีวิสัยทัศน์
ทางพี่รุจเอง เขาก็รับทราบเรื่องพวกนี้
ความคิดที่จะนำคนหนุ่มสองตระกูลมาเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน
กลับมาอีกครั้ง
ก่อนจะไปยุ่งกับฝั่งอัสดง พี่รุจต้องจัดการฝั่งของนาวาให้เรียบร้อยก่อน
สองคนแรกที่เขาต้องปรึกษาก่อนคือพี่วุธกับพี่มาคัส
ในท้ายที่สุด พี่วุธกับพี่มาคัสก็เห็นด้วย
กลุ่มต่อไปที่พี่รุจต้องไปคุยคือห้าเหมันต์แห่งคฤหาสน์นาวา
ซึ่งมีพี่ธนาเป็นหัวหน้ากลุ่ม