คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 8
WFH ดีกว่าเยอะ แต่เหมาะกับแค่กลุ่มคนบางนิสัยนะครับ ไม่ใช่ทุกคนจะเหมาะโดยเฉพาะคนขี้เกียจมาก มันจะเอาเปรียบสุด
- ไม่เสียค่าเดินทาง
- ได้เที่ยวตลอด เปลี่ยนคาเฟ่เสียค่ากาแฟ แพงกว่าค่าเดินทางสะอีก
- บางคนมีแฟนแล้วเขาเลือก WFH อยู่บ้านอยู่กับแฟนอยู่กับแมว ไม่ได้สนเพื่อนร่วมงานนักหรอก คุยกันแค่งานจบไม่ปวดสมอง มันดีนะ
- บางคนเเลี้ยงลูกสบายขึ้นมาก
- ไม่อยากเสียเวลามานั่งรถติด พยายามเสียเวลา 2-3 ชั่วโมงต่อวันเพื่อมาทำงานหรอกครับ มันเหนื่อยจะตาย ค่าเดินทางก็สูง
- ใช้เงินได้เต็มสูบ ผมเอาเเงินที่ไม่ได้เดินทางเลยแต่ละเดือน ผมเอาไปกิน ไปช็อปปิ้ง โอ๊ยสุขใจมาก แบบช็อป 3000-4000 แต่ ก็รู้สึกว่าเหมือนใช้เเงินเเท่าเดิม เท่ากับตอนที่ไปออฟฟิศ สั่งแกร๊บกินทุกวันก็ยังถูกกว่าไปกินออฟฟิศ
ปกติเราจะเดินทางวันละ 70-80 บาทครับ ไป 22-30 วันก็ 2000-3000 แล้วครับ เงินตรงนี้ซื้อหรือผ่อนของดีๆ ใช้ได้เยอะมาก
ข้อเสีย WFH
- ต้องเป็นคนมีวินัยมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ครับ หาคนยากด้วยสิ พอ WFH ก็ performance ตก ขนาดเป็นเรายังรู้สึกขี้เกียจเลยครับ แต่สู้แล้วหาเหตุให้ตัวเองทำงานตามกำหนดให้ได้ ถ้าหาไม่ได้บริษัทจะเสียงานการหมด
- แล้วเราตอบไม่ได้ด้วยว่ามันจะเป็นคนมีความรับผิดชอบจริงไหม ตั้งแต่วันแรกที่สัมภาษณ์ ของงี้ดุตอนทำงานไปสักระยะเท่านั้น มันทำให้บริษัทต้องเสี่ยงเช็คดูสภาพงาน
- มนุษย์สัมพันธ์ต่ำ เพราะมันไม่มีกิจกรรมสร้างความสามัคคีเลย คุยกันแค่งาน ปิดหน้าคุยกันเหมือนหนังสายลับ
ส่วนตัวมองว่า การ WFH ไม่เหมาะกับคนที่มีแนวคิดแบบ ข้าราชการอะครับ เขาจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น 8 ชั่วโมงทำงานอาจจะ 2 ชั่วโมงอะ แล้วสุดท้าย งานมากองวันหลังหมดแล้วทุกคนซวยกันหมด คนแบบนี้ต้องใช้ระบบตอกเวลาเข้าทำงานเท่านั้น
ถ้าเป็นวงการ IT อะครับ เหมาะอยู่แล้วด้วยในหลายแง่มุมของการทำงาน เพราะคนะวดนี้ส่วนมากนะ ก็รับผิดชอบสูงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ process tracking งานที่เป็นระบบมันเอื้อต่อการ WFH แต่แรกแล้ว โมเดลนี้มีมานานกว่า 10 ปีแล้วมั้งครับ จากยุค waterfall
ตื่นเช้ามาแล้วคุณบอกว่า งานอันนี้ไม่เเสร็จ มันเห็นบนระบบนะครับ PM คือ ถามจี้เลย ทำไมมันนานยังไม่เสร็จอีก task มันจะไม่ขยับสถานะครับ แล้วกลายเป็นว่า เอ้านี่คุณไม่ทำงานตามที่รับมอบหมาย
ถ้าใครรู้แล้วอยู่วงการนี้กับเราจะรู้ว่าใครใช้ agile ตื่นเช้ามาก็ต้องมาประชุมละ scum master ตาม แต่ระ sprint คุณต้องทำงานให้จบครับ ห้ามโยก task ข้าม sprint แปลว่าคุณไม่ได้ทำตามโพรเซสเลย
แล้วหลักฐานมันฟ้องอยู่บน gitlab อยู่บน jira อยู่ใน log ว่าคุณไม่ทำงานนี่หว่า โค๊ดยังไม่มา คอมมิทกี่โมง เขาเห็นหมด เห็นทั้งทีมครับ
โปรแกรมเเมอร์มันเลยต้องมีความรับผิดชอบเป็นทุนตั้งต้นเลยครับ ถ้าประชุมไม่แน่น คุณจะไม่ทำงานวันนั้น แล้วไปนอน มาทำงานตอนตี 2-3 ก็ได้ในเเวลา time zone ของประเทศอื่น
มันถูกออกแบบมาให้อิสระต่อโลกเลย ถ้าไม่เข้าใจ mindset ทีมไม่ตรงนะ ระเบิดเลย งานจะมั่ว จมน้ำงานท่วมหัว เห็นปะครับ มันถึงไม่เหมาะกับพวกข้าราชการ ที่เขาไม่เคยเข้าใจโฟลวงานแบบนี้ครับ
ไล่ออกได้ทันทีไม่ต้องจ่าย 3 เดือนครับ เพราะถือไม่ปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบ เขาไม่แคร์ครับเขามีคนใหม่ให้จ้างอีกเยอะ
- ไม่เสียค่าเดินทาง
- ได้เที่ยวตลอด เปลี่ยนคาเฟ่เสียค่ากาแฟ แพงกว่าค่าเดินทางสะอีก
- บางคนมีแฟนแล้วเขาเลือก WFH อยู่บ้านอยู่กับแฟนอยู่กับแมว ไม่ได้สนเพื่อนร่วมงานนักหรอก คุยกันแค่งานจบไม่ปวดสมอง มันดีนะ
- บางคนเเลี้ยงลูกสบายขึ้นมาก
- ไม่อยากเสียเวลามานั่งรถติด พยายามเสียเวลา 2-3 ชั่วโมงต่อวันเพื่อมาทำงานหรอกครับ มันเหนื่อยจะตาย ค่าเดินทางก็สูง
- ใช้เงินได้เต็มสูบ ผมเอาเเงินที่ไม่ได้เดินทางเลยแต่ละเดือน ผมเอาไปกิน ไปช็อปปิ้ง โอ๊ยสุขใจมาก แบบช็อป 3000-4000 แต่ ก็รู้สึกว่าเหมือนใช้เเงินเเท่าเดิม เท่ากับตอนที่ไปออฟฟิศ สั่งแกร๊บกินทุกวันก็ยังถูกกว่าไปกินออฟฟิศ
ปกติเราจะเดินทางวันละ 70-80 บาทครับ ไป 22-30 วันก็ 2000-3000 แล้วครับ เงินตรงนี้ซื้อหรือผ่อนของดีๆ ใช้ได้เยอะมาก
ข้อเสีย WFH
- ต้องเป็นคนมีวินัยมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ครับ หาคนยากด้วยสิ พอ WFH ก็ performance ตก ขนาดเป็นเรายังรู้สึกขี้เกียจเลยครับ แต่สู้แล้วหาเหตุให้ตัวเองทำงานตามกำหนดให้ได้ ถ้าหาไม่ได้บริษัทจะเสียงานการหมด
- แล้วเราตอบไม่ได้ด้วยว่ามันจะเป็นคนมีความรับผิดชอบจริงไหม ตั้งแต่วันแรกที่สัมภาษณ์ ของงี้ดุตอนทำงานไปสักระยะเท่านั้น มันทำให้บริษัทต้องเสี่ยงเช็คดูสภาพงาน
- มนุษย์สัมพันธ์ต่ำ เพราะมันไม่มีกิจกรรมสร้างความสามัคคีเลย คุยกันแค่งาน ปิดหน้าคุยกันเหมือนหนังสายลับ
ส่วนตัวมองว่า การ WFH ไม่เหมาะกับคนที่มีแนวคิดแบบ ข้าราชการอะครับ เขาจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น 8 ชั่วโมงทำงานอาจจะ 2 ชั่วโมงอะ แล้วสุดท้าย งานมากองวันหลังหมดแล้วทุกคนซวยกันหมด คนแบบนี้ต้องใช้ระบบตอกเวลาเข้าทำงานเท่านั้น
ถ้าเป็นวงการ IT อะครับ เหมาะอยู่แล้วด้วยในหลายแง่มุมของการทำงาน เพราะคนะวดนี้ส่วนมากนะ ก็รับผิดชอบสูงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะ process tracking งานที่เป็นระบบมันเอื้อต่อการ WFH แต่แรกแล้ว โมเดลนี้มีมานานกว่า 10 ปีแล้วมั้งครับ จากยุค waterfall
ตื่นเช้ามาแล้วคุณบอกว่า งานอันนี้ไม่เเสร็จ มันเห็นบนระบบนะครับ PM คือ ถามจี้เลย ทำไมมันนานยังไม่เสร็จอีก task มันจะไม่ขยับสถานะครับ แล้วกลายเป็นว่า เอ้านี่คุณไม่ทำงานตามที่รับมอบหมาย
ถ้าใครรู้แล้วอยู่วงการนี้กับเราจะรู้ว่าใครใช้ agile ตื่นเช้ามาก็ต้องมาประชุมละ scum master ตาม แต่ระ sprint คุณต้องทำงานให้จบครับ ห้ามโยก task ข้าม sprint แปลว่าคุณไม่ได้ทำตามโพรเซสเลย
แล้วหลักฐานมันฟ้องอยู่บน gitlab อยู่บน jira อยู่ใน log ว่าคุณไม่ทำงานนี่หว่า โค๊ดยังไม่มา คอมมิทกี่โมง เขาเห็นหมด เห็นทั้งทีมครับ
โปรแกรมเเมอร์มันเลยต้องมีความรับผิดชอบเป็นทุนตั้งต้นเลยครับ ถ้าประชุมไม่แน่น คุณจะไม่ทำงานวันนั้น แล้วไปนอน มาทำงานตอนตี 2-3 ก็ได้ในเเวลา time zone ของประเทศอื่น
มันถูกออกแบบมาให้อิสระต่อโลกเลย ถ้าไม่เข้าใจ mindset ทีมไม่ตรงนะ ระเบิดเลย งานจะมั่ว จมน้ำงานท่วมหัว เห็นปะครับ มันถึงไม่เหมาะกับพวกข้าราชการ ที่เขาไม่เคยเข้าใจโฟลวงานแบบนี้ครับ
ไล่ออกได้ทันทีไม่ต้องจ่าย 3 เดือนครับ เพราะถือไม่ปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบ เขาไม่แคร์ครับเขามีคนใหม่ให้จ้างอีกเยอะ
แสดงความคิดเห็น
คิดยังไงระหว่าง การทำงานที่ต้องเข้าออฟฟิศ กับ Work from Home(everywhere)?
ว่า ชอบทำงานแบบไหนมากกว่ากัน
ข้อดี / ข้อเสีย ของทั้ง2ฝ่าย
ป ล . ถ้ามีใครเป็นเจ้าของธุรกิจให้ไอเดียกันได้นะคะว่าอยากให้ลูกน้องทำงานแบบไหนมากกว่า